รัฐบาลอัลบานีซีกำหนดมาตรการควบคุมอาวุธปืนเป็น “วาระเร่งด่วน” หลังเหตุการณ์หาดบอนได

รัฐบาลมีการส่งสัญญาณถึงการปราบปรามอาวุธที่ผลิตด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ และการกำหนดเพดานจำนวนอาวุธปืนที่สามารถครอบครองได้ รวมถึงอาจมีการพิจารณาข้อกำหนดด้านสัญชาติสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของอาวุธปืนด้วย

A stylised image featuring two police men outside Bondi Pavilion, a gun next to a tree and a man and a woman embracing each other.

ตำรวจระบุว่า ผู้ต้องสงสัยมือปืนวัย 50 ปีในเหตุยิงที่หาดบอนได เป็นผู้ครอบครองอาวุธปืนโดยถูกต้องตามกฎหมาย และมีอาวุธปืนที่จดทะเบียนในชื่อของเขาจำนวน 6 กระบอก Credit: AAP/SBS News/ABC News

คณะรัฐมนตรีแห่งชาติของออสเตรเลียให้คำมั่นว่าจะเสริมความเข้มงวดของกฎหมายควบคุมอาวุธปืน หลังเหตุโจมตีก่อการร้ายที่หาดบอนได

ในแถลงการณ์ภายหลังการประชุมวาระเร่งด่วน เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี ระบุว่าการประชุมวาระเร่งด่วนประกอบด้วยหัวข้อการปราบปรามอาวุธที่ผลิตด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ การจำกัดจำนวนอาวุธปืนที่บุคคลหนึ่งสามารถครอบครองได้ให้เข้มงวดขึ้น การควบคุมการนำเข้าอาวุธปืน รวมถึงอุปกรณ์ที่สามารถบรรจุกระสุนได้ในปริมาณมาก

นายกรัฐมนตรีอัลบานีซียังกล่าวว่า รัฐมนตรีด้านตำรวจและอัยการสูงสุดจากทั่วประเทศ ได้รับมอบหมายให้จัดทำนโยบายหลายประการเพื่อจำกัดการเข้าถึงอาวุธปืนของชาวออสเตรเลีย

มาตรการที่กำลังพิจารณารวมถึง การกำหนดให้ผู้ถือใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนต้องเป็นพลเมืองออสเตรเลีย การตรวจสอบประวัติอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น และการทบทวนใบอนุญาตอย่างสม่ำเสมอมากขึ้นหลังจากได้รับอนุญาตแล้ว

รัฐบาลยังอยู่ระหว่างพิจารณาการจำกัดจำนวนอาวุธปืนที่บุคคลหนึ่งสามารถครอบครองได้ให้เข้มงวดขึ้น รวมถึงการเพิ่มข้อจำกัดเกี่ยวกับประเภทของอาวุธปืนที่อนุญาตให้ถูกกฎหมาย

นายกรัฐมนตรีและมุขมนตรีของแต่ละรัฐเห็นพ้องให้เร่งดำเนินการจัดตั้งทะเบียนอาวุธปืนระดับชาติ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023
การปฏิรูปครั้งใหญ่ที่เสนอขึ้นมานี้ เป็นผลโดยตรงจากเหตุโจมตีที่หาดบอนได ซึ่งทางการได้ประกาศให้เป็นเหตุการณ์ก่อการร้าย

มีรายงานว่าผู้ต้องสงสัยในเหตุยิงครั้งนี้คือ ซาจิด อักราม อายุ 50 ปี และ นาวีด อักราม อายุ 24 ปี อย่างไรก็ตามตำรวจยังไม่ได้เปิดเผยยืนยันตัวตนของมือปืนต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ

ผู้ก่อเหตุทั้งสองถูกกล่าวหาว่าใช้อาวุธปืนยาวยิงใส่ประชาชนบริเวณชายหาดชื่อดังของนครซิดนีย์ เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบคน

เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเหตุกราดยิงที่ร้ายแรงที่สุดในออสเตรเลียนับตั้งแต่เหตุสังหารหมู่ที่พอร์ตอาร์เธอร์ในปี 1996 ซึ่งมีมือปืนเดี่ยวสังหารผู้คนไป 35 ราย และนำไปสู่การออกมาตรการควบคุมอาวุธปืนอย่างเข้มงวดในเวลาต่อมา รวมถึงการสั่งห้ามอาวุธปืนจู่โจมและปืนลูกซอง

ตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ระบุว่า หนึ่งในผู้ต้องสงสัยก่อเหตุยิง ซึ่งเป็นชายวัย 50 ปีและเป็นบิดาของ นาวีด อักราม ที่เป็นมือปืนอีกคน ได้ถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

โดยเขาเป็นผู้ครอบครองใบอนุญาตอาวุธปืนอย่างถูกกฎหมาย และมีอาวุธปืนจดทะเบียนในชื่อของเขาจำนวน 6 กระบอก ซึ่งตำรวจได้เก็บอาวุธทั้งหมดไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี กล่าวว่า

“บริบทในชีวิตของผู้คนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และบางคนอาจถูกทำให้มีแนวคิดสุดโต่งขึ้นตามกาลเวลา ใบอนุญาตไม่ควรถูกมองว่าเป็นการอนุญาตให้ครอบครองตลอดไป” เขากล่าวกับผู้สื่อข่าว

ขณะเดียวกัน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ คริส มินส์ ได้ส่งสัญญาณว่า รัฐบาลของแต่ละรัฐจะพิจารณาการปฏิรูปกฎหมายและมาตรการต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก
A graphic on registered firearms in Australia.
นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานีซี กล่าวว่า รัฐบาลของเขา พร้อมดำเนินการ “ทุกมาตรการที่จำเป็น” และได้ส่งสัญญาณถึงการปฏิรูปหลายประการเพื่อ คุมเข้มกฎหมายอาวุธปืนให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี กล่าวว่า รัฐบาลของเขาพร้อมดำเนินการ “ทุกอย่างที่จำเป็น” และได้ส่งสัญญาณถึงการปฏิรูปหลายประการเพื่อทำให้กฎหมายควบคุมอาวุธปืนเข้มงวดมากขึ้น

ขณะที่มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ คริส มินส์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า

“เราจะทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับชุมชนของเรา และจะพิจารณาการปฏิรูปกฎหมายไปในทิศทางนั้น”

‘เราไม่ได้รอดพ้นจากโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่’

ผู้นำโลกหลายคน รวมถึงอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา เคยยกย่องกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดของออสเตรเลียในปี 2014 ว่าเป็นต้นแบบสำหรับประเทศของเขา ซึ่งเผชิญเหตุกราดยิงครั้งใหญ่อยู่บ่อยครั้ง

อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวกำลังถูกตั้งคำถาม หลังเกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่สามารถป้องกันเหตุสังหารหมู่ครั้งนี้ได้

กลุ่มผู้สนับสนุนการควบคุมอาวุธปืนระบุว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็น “สัญญาณเตือนเร่งด่วน” ถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังเรื่องอาวุธปืนอย่างต่อเนื่อง

มูลนิธิ Alannah & Madeline Foundation ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังเหตุสังหารหมู่ที่พอร์ตอาร์เธอร์ แสดงความยินดีต่อถ้อยแถลงของคริส มินส์ ที่เปิดทางให้มีมาตรการเพิ่มเติม

วอลเตอร์ มิแคก ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ระบุในแถลงการณ์ว่า

“นี่คือการเตือนใจอันน่าสะพรึงกลัวถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังความเกลียดชังและความรุนแรง และความสำคัญของการทำให้กฎหมายอาวุธปืนของเรายังคงคุ้มครองความปลอดภัยของชาวออสเตรเลียทุกคน”
A graphic on gun ownership in Australia.
ออสเตรเลียมี อาวุธปืนที่จดทะเบียนและเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนมากกว่า 4 ล้านกระบอก
ปัจจุบัน ออสเตรเลียมีอาวุธปืนที่จดทะเบียนและเป็นของเอกชนมากกว่า 4 ล้านกระบอก

ทิม ควินน์ กล่าวว่า

“ผมรู้สึกตกใจ สะเทือนใจ และผิดหวังอย่างมากกับสถานการณ์ของออสเตรเลียในวันนี้ เมื่อพิจารณาว่าเราได้มีช่วงเวลา 30 ปีที่ยอดเยี่ยมเพียงใดนับตั้งแต่เหตุการณ์พอร์ตอาร์เธอร์เป็นต้นมา”

“จริง ๆ แล้ว เราแทบไม่ได้เผชิญเหตุยิงครั้งใหญ่เลยนับตั้งแต่นั้น”

ควินน์กล่าวว่า แม้ว่ารายละเอียดเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยก่อเหตุยังไม่ได้รับการเปิดเผยทั้งหมด แต่หนึ่งในแนวทางที่ควรพิจารณาคือ การกำหนดให้มีการประเมินสุขภาพจิตทุกครั้งที่มีการต่ออายุใบอนุญาตอาวุธปืน

เขายังระบุว่า รัฐนิวเซาท์เวลส์กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ “ (เอกชน) มีอาวุธปืนในครอบครองจำนวนมาก”

“คำถามคือคนคนหนึ่งจำเป็นต้องมีอาวุธปืนถึงหกกระบอกจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกัน” เขากล่าว

ออสเตรเลียมีปืนมากขึ้นหลังเหตุพอร์ตอาร์เธอร์ และอัตราการครอบครองอาวุธปืนในออสเตรเลียเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ข้อมูลจากสถาบันวิจัย The Australia Institute ระบุว่า ปัจจุบันออสเตรเลียมีอาวุธปืนมากกว่าช่วงเหตุโศกนาฏกรรมพอร์ตอาร์เธอร์

งานวิจัยชี้ว่า ขณะนี้มีอาวุธปืนมากกว่าช่วงหลังโครงการรับซื้อคืนอาวุธปืนในปี 1996 ถึง 800,000 กระบอก แม้ว่าโครงการดังกล่าวจะนำอาวุธปืนออกจากระบบไปแล้ว 650,000 กระบอกก็ตาม
The Australia Institute เคยชี้ให้เห็นถึงปัญหาหลายประการในกฎหมายอาวุธปืนของออสเตรเลีย รวมถึงกฎหมายที่แตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ ทำให้ยากต่อการบังคับใช้ และความล่าช้าในการจัดตั้งทะเบียนอาวุธปืนแห่งชาติ ซึ่งถูกระบุไว้ในข้อตกลง National Firearms Agreement หลังเหตุพอร์ตอาร์เธอร์



ควินน์กล่าวว่า การจัดตั้งทะเบียนดังกล่าวจำเป็นต้องดำเนินการเป็นขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าระบบมีความถูกต้อง



 “ระบบจำเป็นต้องมีความถูกต้องและรอบคอบ” เขากล่าว



 — รายงานเพิ่มเติมโดย Australian Associated Press



ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share

2 min read

Published

By Rashida Yosufzai

Presented by Chayada Powell

Source: SBS




Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand