ผู้ใช้ Facebook ในออสเตรเลียมากกว่า 311,000 คน สามารถยื่นขอรับส่วนแบ่งจาก เงินชดเชยจำนวน 50 ล้านดอลลาร์ จากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เมตา (Meta) ซึ่งถือเป็นการจ่ายชดเชยกรณีละเมิดความเป็นส่วนตัวของชาวออสเตรเลียที่มีมูลค่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
แม้คุณจะมีสิทธิ์ยื่นคำร้องแต่การยื่นเรื่องดังกล่าวมีเวลาจำกัด คุณต้องยื่นเรื่องภายในวันที่ 31 ธันวาคมนี้เท่านั้น
ขณะที่ในสหรัฐอเมริกาได้เริ่มจ่ายเงินชดเชยในกรณีลักษณะเดียวกันไปแล้ว นี่คือสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการชดเชยในครั้งนี้
ทำไมชาวออสเตรเลียจึงสามารถยื่นขอรับเงินชดเชยได้?
ข้อตกลงการชดเชยครั้งประวัติศาสตร์นี้มีที่มาจากกรณีอื้อฉาว Cambridge Analytica ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัท เมตา (Meta) เจ้าของ Facebook
โดยเป็นเหตุการณ์รั่วไหลของข้อมูลครั้งใหญ่ในช่วงปี 2010s ที่บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลสัญชาติอังกฤษได้ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ Facebook กว่า 87 ล้านบัญชีทั่วโลก โดยไม่ได้รับอนุญาต
เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การที่หน่วยงานในสหรัฐอเมริกา สั่งปรับบริษัทเมตาเป็นเงินสูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.7 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย)
และจัดตั้งกองทุนชดเชยมูลค่า 725 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) เพื่อจ่ายให้แก่ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบ
ที่ออสเตรเลีย สำนักงานคณะกรรมาธิการสารสนเทศแห่งชาติ (Office of the Australian Information Commissioner – OAIC) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านความเป็นส่วนตัว
ได้ทำการสอบสวนและพบว่า บริษัท Cambridge Analytica ใช้แอปแบบทดสอบบุคลิกภาพที่ชื่อว่า “This Is Your Digital Life” เพื่อดึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ Facebook
จากการสอบสวนพบว่า มีผู้ใช้ Facebook ชาวออสเตรเลียเพียง 53 คนเท่านั้นที่ติดตั้งแอปนี้ แต่มีผู้ใช้ชาวออสเตรเลียอีกกว่า 311,074 คน ที่เป็น “เพื่อน” ของผู้ใช้ทั้ง 53 คน
ซึ่งหมายความว่าแอปดังกล่าวอาจเข้าถึงข้อมูลของพวกเขาได้ด้วยเช่นกัน
ในเดือนธันวาคม ปี 2024 คณะกรรมาธิการสารสนเทศประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงยุติคดีความกับบริษัทเมตา
โดยบริษัทตกลงให้ “คำมั่นที่บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย” (enforceable undertaking) รวมถึงจัดตั้งโครงการชำระเงินชดเชยมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ของออสเตรเลีย
การเปิดรับคำร้องขอรับเงินชดเชยเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคมนี้
ใครมีสิทธิ์ยื่นขอเงินชดเชย?
คุณสามารถยื่นขอได้ หากคุณ:
มีบัญชี Facebook ระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน 2013 ถึง 17 ธันวาคม 2015 (ช่วงเวลาที่กำหนดสิทธิ์),
อยู่ในออสเตรเลียเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน ในช่วงนั้น และ เคยติดตั้งแอป “This Is Your Digital Life” หรือเป็น เพื่อนใน Facebook กับผู้ที่ติดตั้งแอปนั้น
วิธีการยื่นขอ และข้อควรระวัง
โครงการจ่ายเงินชดเชยของ Facebook (Facebook Payment Program) ดำเนินการโดยบริษัทที่ปรึกษา KPMG ซึ่งเมตาเป็นผู้จ่ายค่าดำเนินการให้ และจะไม่ถูกหักจากเงินชดเชย 50 ล้านดอลลาร์
คุณสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของโครงการเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือยื่นคำร้องได้โดยตรง
โดยที่เมตาได้ส่งการแจ้งเตือน (notification) ไปยังผู้ใช้ชาวออสเตรเลียที่อาจมีสิทธิ์ ผ่านทาง Facebook โดยข้อความระบุว่า:
หากคุณได้รับข้อความนี้ สามารถตรวจสอบได้จากลิงก์ที่แนบในระบบว่าคุณหรือเพื่อนของคุณเคยเข้าสู่ระบบผ่านแอป “Digital Life” หรือไม่ หากมีข้อมูลในระบบ คุณสามารถยื่นคำร้องแบบ “Fast Track” ได้ทันที
แต่ถ้าคุณไม่ได้รับการแจ้งเตือนจากเมตา แต่เชื่อว่าคุณได้รับผลกระทบ คุณยังสามารถยื่นขอได้ตามขั้นตอนปกติ โดยต้องแสดงหลักฐานว่า
เป็นเจ้าของบัญชี Facebook และอยู่ในออสเตรเลียระหว่างช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ใช้ หนังสือเดินทางหรือใบขับขี่ เพื่อยืนยันตัวตน
คำเตือน: ระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จาก Facebook หรืออ้างว่าจะช่วยดำเนินการยื่นคำร้องให้ ควรใช้เฉพาะช่องทางอย่างเป็นทางการของ KPMG เท่านั้น
คุณอาจมีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยประเภทใด?
ผู้ที่ต้องการยื่นขอรับเงินชดเชยจะต้องเลือกยื่นภายใต้หนึ่งในสอง “กลุ่ม (class)” ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีเงื่อนไขและหลักฐานที่ต้องใช้แตกต่างกัน
- กลุ่มที่ 1 (Class 1): ตัวเลือกที่ยากกว่า แต่มีโอกาสได้รับเงินชดเชยสูงกว่า
หากต้องการยื่นขอภายใต้กลุ่มนี้ ซึ่งเป็นการชดเชยในกรณีที่มี “ความเสียหายเฉพาะเจาะจง (specific loss or damage)”
ผู้ยื่นจะต้องแสดงหลักฐานเป็นเอกสารยืนยันว่าเกิด ความเสียหายทางเศรษฐกิจหรือไม่ใช่ทางเศรษฐกิจ (economic / non-economic loss or damage)
ตัวอย่างเช่น มีค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลหรือการบำบัดทางจิตใจ (counselling) จากผลกระทบของเหตุการณ์ ต้องย้ายที่อยู่อาศัยเพราะข้อมูลส่วนตัวถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ
นอกจากนี้ยังต้องแสดงให้เห็นว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากการรั่วไหลของข้อมูลในกรณี Cambridge Analytica โดยตรง ซึ่งสำหรับหลายคนแล้ว การพิสูจน์ความเสียหายในลักษณะนี้อาจทำได้ยาก
คำร้องใน กลุ่มที่ 1 (Class 1) จะได้รับการพิจารณาก่อนเป็นลำดับแรก โดย ยังไม่มีการกำหนดจำนวนเงินชดเชยตายตัว ซึ่งแต่ละกรณีจะถูกประเมินเป็นรายบุคคลตามหลักฐานที่ยื่นประกอบ
หากคำร้องในกลุ่มที่ 1 ของคุณ ไม่ได้รับการอนุมัติ แต่คุณยังคงมีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์การรับชดเชย คุณจะสามารถรับเงินชดเชยใน กลุ่มที่ 2 (Class 2) แทนได้
- กลุ่มที่ 2 (Class 2): ตัวเลือกที่ง่ายกว่า แต่คาดว่าจะได้รับเงินชดเชยน้อยกว่า
อีกทางเลือกหนึ่งคือ การยื่นขอชดเชยในกรณีที่เกิด “ความกังวลทั่วไปหรือความอับอาย” (generalised concern or embarrassment) จากเหตุการณ์รั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว
ขั้นตอนการยื่นคำร้องในกลุ่มนี้จะง่ายและใช้เอกสารน้อยกว่ากลุ่มที่ 1 อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินชดเชยที่ได้รับก็มักจะ น้อยกว่ากลุ่มที่ 1 เช่นกัน
ผู้ที่ยื่นขอชดเชยใน กลุ่มที่ 2 (Class 2) จะได้รับเงินชดเชย จำนวนเท่ากันทั้งหมด หลังจากที่การจ่ายเงินให้กับผู้ยื่นในกลุ่มที่ 1 เสร็จสิ้นแล้ว
ผู้ยื่นในกลุ่มนี้เพียงแค่ต้องยื่น คำประกาศตามกฎหมาย (statutory declaration) ระบุว่าตนมี “ความเชื่อโดยสุจริต” ว่าการรั่วไหลของข้อมูลครั้งนั้นทำให้เกิดความกังวลหรือความอับอายจริง
ในข้อตกลงที่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย (enforceable undertaking) ระหว่างเมตาและสำนักงานคณะกรรมาธิการสารสนเทศ
ได้ระบุว่า บริษัทที่ปรึกษา KPMG ซึ่งเป็นผู้ดูแลกระบวนการ สามารถ กำหนดวงเงินสูงสุด (cap) สำหรับการจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ยื่นคำร้องได้
และหากหลังจากจ่ายเงินชดเชยทั้งหมดแล้วยังมีเงินเหลืออยู่ KPMG จะต้องนำส่งเงินส่วนที่เหลือนั้นคืนให้กับ กองทุนรายได้รวมของรัฐบาลกลางออสเตรเลีย (Consolidated Revenue Fund)
อย่างไรก็ตาม เมตาให้ข้อมูลกับ The Conversation ว่า
“ยังไม่มีการกำหนดวงเงินสูงสุดของการจ่ายเงินชดเชยในขณะนี้”
และเสริมว่า
“เวลาที่เหมาะสมในการพิจารณาว่าจะกำหนดเพดานการจ่ายเงินหรือไม่ น่าจะเป็นหลังจากสิ้นสุดช่วงเวลาการลงทะเบียน (31 ธันวาคม)”
ดังนั้น ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเงินชดเชยมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ จะถูกจ่ายให้กับผู้ยื่นชาวออสเตรเลียเป็นจำนวนเท่าใด และจะเหลือส่งคืนรัฐบาลมากน้อยเพียงใด
โดยคาดว่า การจ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิ์จะเริ่มขึ้นได้ประมาณ เดือนสิงหาคม ปี 2026
อ่านเพิ่มเติม

Meta เปลี่ยนกฎโฆษณาด้านการเงิน เหตุสแกมระบาดหนัก
จำนวนเงินชดเชยที่คาดว่าจะได้รับ
จากประสบการณ์ในประเทศอื่น ๆ ที่มีการยื่นขอชดเชยในกรณีลักษณะเดียวกันกับบริษัทเมตา พบว่า จำนวนเงินชดเชยต่อรายค่อนข้างน้อย
ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา ผู้ใช้ Facebook ที่มีสิทธิ์ในโครงการชดเชยมูลค่า 725 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย)
หลายคนแสดงความประหลาดใจเมื่อพบว่า เงินชดเชยเฉลี่ยที่ได้รับอยู่ที่เพียงประมาณ 30 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 45 ดอลลาร์ออสเตรเลีย) ต่อคนเท่านั้น
สำหรับในออสเตรเลีย จำนวนเงินที่จะได้รับต่อคนจะขึ้นอยู่กับ จำนวนผู้ที่ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ภายในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ หากมีผู้ลงทะเบียนมาก จำนวนเงินเฉลี่ยต่อคนก็อาจน้อยลงตามสัดส่วน
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของเรื่องดังกล่าวอ้างอิงความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและสิทธิส่วนบุคคล ได้แก่
เกรแฮม กรีนลีฟ (Graham Greenleaf) ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมคควอรี และกรรมการมูลนิธิคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งออสเตรเลีย (Australian Privacy Foundation)
แคทเธอรีน เคมป์ (Katharine Kemp) รองศาสตราจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ (UNSW Sydney) และหัวหน้าโครงการ Public Interest Law & Tech Initiative ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรด้านนโยบายผู้บริโภค

