นักวิเคราะห์ชี้ว่า วิกฤตค่าครองชีพที่ส่งผลกระทบต่อชาวออสเตรเลียในช่วงที่เงินเฟ้อพุ่งสูง อาจมีแนวโน้มผ่อนคลายลง แต่หลายองค์กรการกุศลเตือนว่า ความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่เพิ่มขึ้นหมายความว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปในทางบวกดังกล่าว
ไม อาซีเซ (Maiy Azize) รองผู้อำนวยการองค์กรการกุศลแองลิแคร์ (Anglicare) ให้สัมภาษณ์กับ เอสบีเอส นิวส์ว่า
“สำหรับคนจำนวนมาก การได้ยินการคาดการณ์ว่าวิกฤตค่าครองชีพกำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว เป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดมาก เพราะยังมีชาวออสเตรเลียนับล้านคนที่ยังดิ้นรนกับการซื้อของจำเป็นในชีวิตประจำวัน”
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราเห็นราคาสินค้าจำเป็น เช่น อาหารและน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เราจ่ายค่าไฟแพงที่สุดในประวัติการณ์ หนี้พลังงานก็พุ่งสูง และแน่นอนว่า ค่าเช่าบ้านก็ไม่เคยแพงเท่านี้มาก่อน” เธอกล่าว
ด้านองค์กรแองลิแคร์เองก็ยังมีจำนวนผู้ขอรับความช่วยเหลือจากองค์กรมากขึ้นเท่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ ไม อาซีเซ กล่าว
“เราไม่เห็นว่าจำนวนผู้ที่มาขอความช่วยเหลือจากเรา จะมีแนวโน้มลดลง ไม่ว่าจะเป็นการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน การช่วยจ่ายบิล หรือการให้คำปรึกษาด้านการเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่มีทิศทางว่าจะดีขึ้น” เธอกล่าว
“เวลาที่ผู้คนได้ยินข้อความว่า ‘วิกฤตค่าครองชีพกำลังดีขึ้น’ พวกเขาอาจเข้าใจว่าจะเริ่มเห็นแสงแห่งความหวัง หรือว่าราคาสินค้าจะถูกลง แต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้ถูกลงสำหรับพวกเขาเลย และพวกเขาก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือน้อยลงแต่อย่างใด”
ค่าใช้จ่ายครัวเรือนเริ่มขยับขึ้น
บริษัทวิจัยการลงทุน มอร์นิ่งสตาร์ (Morningstar) เผยแพร่รายงานเมื่อต้นเดือนนี้ ระบุว่าวิกฤตค่าครองชีพจะกลายเป็น “เรื่องในอดีต” เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้จ่ายกับสินค้าที่ไม่จำเป็นมากขึ้น
ขณะเดียวกัน การวิเคราะห์ของธนาคารคอมมอนเวลธ์ (Commonwealth Bank) พบว่าการใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามในเดือนมิถุนายน โดยขยับขึ้น 0.3% ต่อจากเดือนเมษายนและพฤษภาคมซึ่งเพิ่มขึ้น 0.4% ในแต่ละเดือน
เบลินดา อัลเลน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคาร ให้ความเห็นในแถลงการณ์เมื่อต้นเดือนว่า
“การใช้จ่ายในครัวเรือนเริ่มแสดงสัญญาณความต่อเนื่องเมื่อเทียบรายเดือน และน่าจะขยายตัวต่อเนื่องตลอดปีนี้ เมื่อผู้บริโภคเริ่มคลายความกังวลในการใช้เงิน”
การฟื้นตัวครั้งนี้ใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวบางประการแล้วเบลินดา อัลเลน
หลังการประชุมเมื่อเดือนกรกฎาคม ธนาคารกลางออสเตรเลีย (Reserve Bank of Australia – RBA) ที่ได้สร้างความผิดหวังให้กับผู้กู้ซื้อบ้าน
และทำให้นักเศรษฐศาสตร์ในตลาดประหลาดใจ ด้วยการตัดสินใจ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.85% ซึ่งเป็นผลจากการลงมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์
หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่า RBA จะลดอัตราดอกเบี้ยตามทิศทางเงินเฟ้อ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพฤษภาคมลดลงมาอยู่ที่ 2.1% จากระดับ 2.4% ในเดือนเมษายน

การวิเคราะห์ของธนาคารคอมมอนเวลธ์ (Commonwealth Bank) พบว่า การใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามในเดือนมิถุนายน โดยเพิ่มขึ้น 0.3% ต่อจากการเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม Source: Getty / Traceydee Photography
แมตต์ วอเชอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของมอร์นิ่งสตาร์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงกำลังช่วยให้ชาวออสเตรเลียเริ่มรู้สึกมั่นใจในการใช้จ่ายมากขึ้น
“หากคิดในแง่มูลค่าจริงที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ รายได้ของครัวเรือนในตอนนี้กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งไม่เคยเป็นเช่นนั้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว” เขากล่าว
“สิ่งนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่า พวกเขามีเงินในกระเป๋ามากขึ้น เพราะรายได้ที่ได้รับเพิ่มขึ้นสูงกว่าอัตราเงินเฟ้ออีกครั้ง”
วอเชอร์ยังระบุด้วยว่า อัตราการออมของครัวเรือนออสเตรเลีย หรือสัดส่วนรายได้ที่สามารถออมได้ ได้ฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ราว 1.5% เมื่อเดือนกันยายน 2023
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลีย (Australian Bureau of Statistics) ระบุว่า อัตราการออมของครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 5.2% ในไตรมาสเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ความหวังใหม่ของเศรษฐกิจ หรือวิกฤตที่ยัง “ห่างไกลจากจุดจบ”?
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้นักวิเคราะห์มองในแง่บวก คือความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในอนาคต แมตต์ วอเชอร์ กล่าว
“ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ย 4 ครั้งในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และหากเป็นเช่นนั้นจริง จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสภาพการเงินของผู้บริโภค” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะเริ่มเป็นไปในทิศทางบวก แต่ชาวออสเตรเลียจำนวนมากอาจยังไม่รู้สึกว่า “รอดพ้น” จากวิกฤตครั้งนี้
แมตต์ กรุดนอฟฟ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบันออสเตรเลีย (Australia Institute) กล่าวว่า
ผู้คนยังคงรู้สึกถึงแรงกดดันทางการเงินอยู่แมตต์ กรุดนอฟฟ์
“เมื่อเราพูดว่าเงินเฟ้อชะลอตัว นั่นไม่ได้หมายความว่าราคาสินค้าจะลดลง แต่หมายถึงราคาสินค้ายังเพิ่มขึ้น เพียงแต่อัตราการเพิ่มราคาชะลอตัวลง”
กรุดนอฟฟ์ยังกล่าวด้วยว่า ชาวออสเตรเลียที่มีสินเชื่อบ้านยังไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่ที่ RBA เริ่มลดอัตราดอกเบี้ย
“ประชาชนประมาณ 80% ยังไม่ได้ปรับลดค่างวดการผ่อนชำระ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลง” เขากล่าว
“กล่าวคือ แทนที่จะใช้เงินส่วนต่างจากดอกเบี้ยที่ลดลงในการจับจ่ายเพิ่ม ผู้คนกลับเลือกที่จะชำระหนี้ให้เร็วขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคยังไม่มั่นใจ และยังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับอนาคต”

ชาวออสเตรเลียที่มีหนี้สินเชื่อบ้านยังไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่ที่ธนาคารกลางออสเตรเลียเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ตามความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ แมตต์ กรุดนอฟฟ์Ask ChatGPT Source: AAP / Bianca De Marchi
“สิ่งแรกที่พวกเขามักจะทำคือเร่งชำระหนี้ และพยายามสร้างเงินสำรองไว้รับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันในอนาคต”
เขายังกล่าวถึงข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับอัตราการว่างงานของออสเตรเลียที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 4.1% เป็น 4.3% ภายในเดือนเดียว โดยระบุว่านี่อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคยังรู้สึกไม่มั่นใจ
“ถ้าอัตราการว่างงานสูงขึ้น ผู้คนก็อาจเริ่มกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในการทำงานของตนเอง ขณะเดียวกันอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจก็แทบไม่ขยับเลย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลายคนยังรู้สึกกังวล และไม่กล้าใช้จ่ายกับสินค้าฟุ่มเฟือยหรือของที่ไม่จำเป็น”
คาสซานดรา โกลดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสภาสังคมแห่งออสเตรเลีย (Australian Council of Social Service – ACOSS) กล่าวว่าวิกฤตค่าครองชีพ “ยังห่างไกลจากการสิ้นสุด”
“ต้นทุนการครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังคงกดดันกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้ต้องเผชิญความเครียดทางการเงินอย่างหนัก” เธอกล่าว
“ราคาที่อยู่อาศัยยังคงอยู่ในระดับที่เข้าถึงได้ยาก ขณะที่ภาวะความเครียดจากการเช่าบ้านได้กลายเป็นปัญหาที่ฝังลึก และกำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน”