นัน มู เค ตู เซน (Nan Mu Kay Tu Sein) และครอบครัวได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในออสเตรเลียเมื่อปี 2007 จากการขอวีซ่าด้านมนุษยธรรมที่มีการกำหนดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความรุนแรงในเมียนมา
เธอกล่าวกับ SBS Karen ว่าการเลือกตั้งระดับรัฐบาลกลางในวันเสาร์นี้มาพร้อมกับ “ความหวังอย่างจริงใจ” ว่าผู้ชนะจะเปิดเส้นทางด้านมนุษยธรรมใหม่สำหรับผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยง
แผ่นดินไหวรุนแรงที่เพิ่งเกิดขึ้นในเมียนมาได้ซ้ำเติมความเสียหายในประเทศที่ตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้คนหลบหนีไปยังค่ายผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนระหว่างเมียนมากับไทย
เซนกล่าวว่าชุมชนยังมีความกังวลเกี่ยวกับคนที่พวกเขารักซึ่งยังคงติดอยู่ในความขัดแย้ง
“ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ถ้าฉันจำไม่ผิด รัฐบาลออสเตรเลียได้ยอมรับผู้ลี้ภัยจากเมียนมาภายใต้โครงการตั้งถิ่นฐานใหม่ ซึ่งทำให้ชาวกะเหรี่ยงได้มาตั้งรกรากที่นี่” เธอกล่าว
“รัฐบาลได้ยุติโครงการตั้งถิ่นฐานใหม่นี้ไปเป็นระยะเวลานาน พวกเราหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเปิดประตูอีกครั้งให้กับผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาที่ติดอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนไทย-พม่า”
ประเด็นเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของหลายสิบประเด็นสำคัญในการเลือกตั้งที่ถูกรวบรวมมาจากผู้ติดตามของ SBS
โครงการ Election Matters that Matter นี้ ทำให้โปรดิวเซอร์จากรายการภาษาในเครือ SBS Audio กว่า 50 รายการออกไปสัมภาษณ์แบบ vox pop จัดรายการพูดคุย และพูดคุยกับกลุ่มบุคคลสำคัญและผู้นำชุมชนต่าง ๆ เพื่อระบุประเด็นสำคัญ
ประเด็นใดที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในการเลือกตั้ง?
จากราคาของซูเปอร์มาร์เก็ต ความเครียดจากการจ่ายที่อยู่อาศัย ค่าพบแพทย์เพื่อการรักษา และการเข้าถึงค่าเช่าที่อยู่อาศัย ปัญหาค่าครองชีพของออสเตรเลียที่แผ่ขยายในหลายมิติกลายเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในสายตาของรายการภาษาในเครือ SBS กว่า 40 รายการ
ในขณะเดียวกัน คำสัญญาจากพรรคแรงงานและกลุ่มพันธมิตรในการจำกัดจำนวนรับนักศึกษาต่างชาติ กลายเป็นจุดสนใจในกลุ่มผู้พูดภาษาฮินดี ปัญจาบ และเตลูกู
หากทางฝั่งพรรคฝ่ายค้านได้รับเลือก จะอนุญาตให้นักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนในออสเตรเลียน้อยกว่าพรรคแรงงานถึง 30,000 คนต่อปี ซึ่งจะจำกัดจำนวนสูงสุดต่อปีไว้ที่ 240,000 คน
โดยเมื่อปีที่แล้ว พรรคแรงงานได้ประกาศว่าจะจำกัดจำนวนนักเรียนต่างชาติไว้ที่ 270,000 คน เริ่มตั้งแต่ปี 2025

คำมั่นสัญญาที่จะจำกัดจำนวนนักเรียนต่างชาติต่อปี ทั้งจากพรรคแรงงานและพรรคร่วมรัฐบาลนั้นเป็นอีกหนึ่งโฟกัสของเหล่าผู้รับชมของเอสบีเอส Credit: Xinhua News Agency/Xinhua News Agency/Getty Images
“แม้ว่าผมจะโชคดีที่ได้มาเรียนที่นี่ในออสเตรเลีย ผมก็รู้สึกเป็นห่วงและเสียใจแทนเพื่อนร่วมชาติของผมในอินเดีย และนักเรียนอีกมากมายจากที่อื่น ๆ ที่มองว่าออสเตรเลียคือจุดหมายหลักของการศึกษา” เขากล่าว
การจำกัดจำนวนนักเรียนอาจ “ส่งสัญญาณผิด ๆ” ไปยังนักเรียนต่างชาติที่มีศักยภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อชื่อเสียงของออสเตรเลียในฐานะประเทศที่ต้อนรับและมีการศึกษาระดับโลก เขาเชื่อเช่นนั้น
การดูแลผู้สูงอายุและเบี้ยยังชีพผู้สูงวัย
การดำเนินการตามข้อเสนอแนะของกรรมาธิการแห่งพระองค์ (Royal Commission) ด้านการดูแลผู้สูงอายุในปี 2021 รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพการดูแลและลดค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการ ก็เป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้งสำหรับสมาชิกในชุมชนอิตาลี เกาหลี กรีก มาซิโดเนีย และโปแลนด์
กรรมาธิการฯ พบว่า พ.ร.บ.การดูแลผู้สูงอายุฉบับปัจจุบันและกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่เหมาะสมอีกต่อไป โดยจะมีการนำกฎหมายฉบับใหม่มาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป
ซึ่งกฎหมายฉบับใหม่นี้จะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงวิธีการให้บริการแก่ผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะในบ้านของพวกเขา ในพื้นที่ชุมชน หรือในบ้านพักดูแลผู้สูงอายุที่ได้รับอนุมัติ
แฮร์รี่ ดานาลิส (Harry Danalis) ประธานชุมชนชาวกรีกออร์โธดอกซ์แห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า การปฏิรูปภาคการดูแลผู้สูงอายุและการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงวัยเป็นประเด็นสำคัญสำหรับชาวออสเตรเลียเชื้อสายกรีก
“เรามีประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นทุกวัน และมันก็ไม่เป็นไรหากพวกเขายังสามารถดูแลตัวเองได้ที่บ้าน แต่ถ้าหากดูแลตัวเองไม่ได้ พวกเขาต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือสถานดูแลผู้สูงอายุหรือบ้านพักคนชรา” ดานาลิสกล่าว
“ไม่มีที่ว่างหรือเตียงเพียงพอรองรับความต้องการของชุมชนกรีก ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก”

การปฎิรูปสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุเป็นประเด็นสำคัญที่ชาวออสเตรเลียให้ความสนใจอย่างมากในการเลือกตั้งครั้งนี้ Source: iStockphoto / BlessedSelections/Getty Images
อัตราเบี้ยยังชีพสูงสุดต่อสองสัปดาห์สำหรับผู้รับที่เป็นโสดคือ $1,149.00 และสำหรับคู่สมรสคือ $1,732.20 ทั้งนี้รายได้และสินทรัพย์ของแต่ละบุคคลจะส่งผลต่อจำนวนเงินที่ได้รับ
ดานาลิสเชื่อว่า คู่สมรสหรือแม้แต่ผู้สูงอายุคนเดียวก็แทบจะอยู่ไม่ได้ด้วยจำนวนเงินเหล่านี้
“พวกเราทุกคนรู้ว่าค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นมาก และค่าครองชีพก็ไม่ได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้รับเบี้ยยังชีพ หลายคนต้องละเว้นสิ่งที่พวกเขาเคยใช้จ่าย หลายครั้งคือเรื่องอาหาร และบางครั้งก็เป็นสิ่งจำเป็นอื่น ๆ เพราะพวกเขาไม่สามารถอยู่ได้ด้วยเงินที่ได้รับจากเบี้ยยังชีพในตอนนี้” เขากล่าว
มุ่งเน้นไปที่แนวคิดประชานิยม
ถ้อยแถลงในเชิงประชานิยมเป็นประเด็นที่ผู้พูดภาษารัสเซียให้ความสนใจ ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่า คำมั่นสัญญาในการรณรงค์เลือกตั้งนั้นมีความเป็นจริงได้เพียงใด
เอฟเกนีย (Evgeniya) เป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเมลเบิร์นจากชุมชนรัสเซีย อธิบายว่าเธอมองข้ามคำพูดประชานิยมในแถลงการณ์นโยบาย
“ถ้ามีข้อเสนอเรื่องการลดภาษี ก็ควรอธิบายด้วยว่า จะทำได้อย่างไร เงินจะมาจากใคร และมันจะดำเนินการอย่างไร” เธอกล่าว
“ฉันมองหานโยบายที่ซับซ้อนและยั่งยืนในระยะยาวมากกว่า เพราะนี่คือความจริงที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วย ประสบการณ์ทางการเมืองในอดีตแสดงให้เห็นว่า แนวทางที่รวดเร็วและฉับพลันไม่ได้นำมาซึ่งผลประโยชน์”
“สิ่งแรกที่ฉันดูคือ การจัดทำงบประมาณ ส่วนที่สองคือ แนวทางลดค่าครองชีพ และแนวทางในการรับมือกับเงินเฟ้อ”