หมายเหตุ ข่าวนี้ยังอยู่ในช่วงการรายงานเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวพิเศษของเอสบีเอสไทย รายงานจากประเทศไทยว่า ศบ.ทก. ยืนยัน เขมรเปิดฉากยิงก่อนแถมพบใช้อาวุธหนัก จรวดหลายลำกล้องยิงใส่พื้นที่พลเรือน มอบส่วนหน้าปฎิบัติการได้ทันที ขณะที่การทูต รัฐบาลยืนยันเรียกทูตไทยกลับ พร้อมส่งทูต เขมรกลับไป
ก่อนหน้านั้นมีสำนักข่าวไทยพีบีเอสรายงานเมื่อเวลาประมาณ 08.20 น.ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือนธม ในระยะประมาณ 200 เมตร
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่ารัฐบาลได้รับรายงานจากที่ประชุม ศบ.ทก. และ ผู้แทนกองทัพบกว่า สถานการณ์ชายแดนนั้น ยืนยันชัดเจนจากข้อมูล และพยานหลักฐาน พบว่าทหารกัมพูชาได้เปิดฉากใช้อาวุธก่อน โดยมีการบินโดรน (อากาศยานไร้คนขับ) เข้ามาในพื้นที่ของประเทศไทยเพื่อยั่วยุ
(*วีดีโอจากเฟซบุ๊กเพจ ชุมชนคนสุรินทร์ ซึ่งอ้างว่าเป็นภาพของทหารฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้ามาโดยใช้จรวด BM-21)
จากนั้นทางกองทัพบกไทยชี้ว่า ทหารกัมพูชาได้เปิดฉาก ยิงเข้าใส่ ทหารไทย ซึ่งกัมพูชามีการใช้อาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง โดยมีการใช้จรวดหลายลำกล้องขนาด122 มม.( จลก. BM 21) ยิงเข้าใส่พลเรือนไทยที่ชุมชนบริเวณชายแดนอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ กระสุนฝ่ายกัมพูชา ตกใส่ บ้านประชาชนคนไทย โดยมี พลเรือนเสียชีวิตหนึ่งราย และเด็กอายุห้าขวบได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมคนในครอบครัวอีกสองคน ซึ่งฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองได้อพยพประชาชนในพื้นที่ไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ขณะที่ทหารไทยได้รับรายงานว่ามีบาดเจ็บกว่า 7 นาย

ในภาพถ่ายที่กองทัพบกเผยแพร่นี้ ทหารไทยกำลังตรวจพื้นที่ชายแดนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2568 ในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งกองทัพบกระบุว่าพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล 2 ลูก (Royal Thai Army via AP) Credit: AP/AAPImage
นายจิรายุ กล่าวต่อไป ว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการลดระดับทางการทูต โดยให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ และให้ส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย กลับประเทศ

ทางการไทยได้สั่งลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา โดยเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย และส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยคืนกลับกัมพูชาไป และเตรียมพิจารณาระดับความสัมพันธ์อื่นๆเพิ่มเติมด้วย EPA/KITH SEREY Source: EPA / KITH SEREY/EPA/AAPImage
ส่วนการประท้วงในองค์กรต่าง ๆได้มอบให้ กระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการ ว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยถูกละเมิด และถูกยั่วยุ และสร้างสถานการณ์อย่างไรบ้างตลอด กว่า 7 เดือนที่ผ่านมาจากฝ่ายกัมพูชา โดยให้เตรียมพยานหลักฐาน ตั้งแต่ มาขุดสนามเพาะ และกลบ และถอนกำลังออกไป โดยทิ้งกับระเบิดไว้จำนวนมาก และพยานหลักฐานที่ทหารไทย ได้รับบาดเจ็บสาหัส ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นระเบิดใหม่
พิสูจน์ทราบได้ว่าเมื่อก่อนเดินลาดตระเวนเราไม่เคยมี แต่ตอนนี้เป็นระเบิดที่เกิดใหม่ทั้งหมดในเวลาใกล้เคียงกัน ดังนั้นเรายกระดับการตอบโต้ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
ด้านกองทัพบกออกแถลงการณ์ ประณามการกระทำอันรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา จากกรณีที่มีการใช้อาวุธจรวด BM-21 จำนวน 2 นัด ยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนภายในศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 09.40 น. ของวันนี้
ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญได้โพสต์บนเฟซบุ๊กเพจ แนะนำให้คนไทยที่พำนักหรือพำนักชั่วคราวในประเทศกัมพูชา เดินทางออกจากประเทศโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถดำเนินการได้ และขอความร่วมมือให้คนไทยที่ไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดงดการเดินทางมายังกัมพูชาในช่วงนี้ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ต่อมาเวลา 12.30น. (ตามเวลาในประเทศไทย) กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ออกมาแถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับทางกัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้กองกำลังกัมพูชาหยุดการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน และรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ได้แสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อความรุนแรงที่ยังเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน ทั้งยังยืนยันว่าทางกองทัพกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงเข้ามาก่อน
ขณะที่รายงานของ บีบีซี ระบุว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์กล่าวหาไทยว่าส่งกำลังทหารจำนวนมากเกินควร ใช้อาวุธหนัก และโจมตีทางอากาศเพื่อพยายามยึดครองดินแดนกัมพูชา
กระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุว่าการกระทำของไทยเป็น “การรุกรานทางทหารที่โหดร้ายและผิดกฎหมาย” และ “เป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ บรรทัดฐานอาเซียน และหลักการสำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง” ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เขมรไทมส์
กระทรวงกลาโหมกัมพูชายังอ้างว่าเครื่องบินขับไล่ของไทยทิ้งระเบิดสองลูกในดินแดนที่กัมพูชาควบคุม ขณะเดียวกัน การปะทะระหว่างสองประเทศก็ทวีความรุนแรงขึ้นในเช้าวันพฤหัสบดี
“การกระทำที่ผิดกฎหมายและขาดความรับผิดชอบเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังบ่อนทำลายรากฐานของระเบียบระหว่างประเทศอีกด้วย” โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าว
กระทรวงฯ ยังเตือนอีกว่ากองทัพเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องอธิปไตยของกัมพูชา “ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
เสียงจากคนไทยในพื้นที่
เอสบีเอสไทยได้พูดคุยคุณวิค วิลาพร คนไทยในออสเตรเลียที่มีครอบครัวอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษถึงสถานการณ์ของคนในพื้นที่หลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะกันในช่วงเช้าวันนี้
คุณวิค เล่าว่าได้โทรไปสอบถามกับที่บ้านแล้ว ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวกับสถานการณ์ในขณะนี้ เธอเปิดเผยว่า
"ตอนนี้ทุกคนที่บ้านก็หวาดกลัว ระแวงกันไปหมด เพราะที่กัทรลักษ์ก็ไม่ไกลบ้านเท่าไหร่ คนที่อยู่ติดชายแดน มีการอพยพออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์อพยพแล้ว"วิค วิลาพร เล่า
คุณ วิค ยังเล่าอีกว่า ที่บ้านเล่าว่าตอนเช้าวันนี้ได้ยินเหมือนเสียงระเบิด และในขณะนี้โรงเรียนทุกแห่งในอำเภอขุขันธ์ได้หยุดทำการเรียนการสอนชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่สงบ
"ที่บ้านเล่าว่า เมื่อตอนประมาณ 8 โมงเช้าตอนที่ส่งลูกไปโรงเรียน แต่ตอนนี้ทุกโรงเรียนในอำเภอคุกขันปิดหมดทุกโรงเรียนเพื่อให้เด็กกลับไปเตรียมความพร้อม"
หมายเหตุ ข่าวนี้ยังอยู่ในช่วงการรายงานเพิ่มเติม