ตลอดสามปีที่ผ่านมา ใจกลางกรุงเทพฯ สว่างไสวไปด้วยแสงสีเขียว
ป้ายไฟรูปใบกัญชานีออนปรากฏแทบทุกหัวมุมถนน กลายเป็นสัญลักษณ์ของอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
หลังจากประเทศไทยกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ปลดล็อกกัญชาในปี 2022 ก็มีร้านกัญชาเพื่อสันทนาการกว่า 18,000 ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด
ยุครุ่งเรืองของร้านกัญชาอาจจบลงอย่างรวดเร็วเพราะเมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลไทยได้ออกข้อบังคับใหม่ จำกัดการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น และสั่งห้ามร้านจำหน่ายกัญชาขายให้กับผู้ที่ไม่มีใบสั่งแพทย์

สุรเดช วัฒนาสุนทรกุล เจ้าของร้านกัญชาเล็ก ๆ ชานกรุงเทพฯ บอกว่า ธุรกิจของเขาแทบไม่เหลือลูกค้า Source: SBS
สุรเดช วัฒนาสุนทรกุล เจ้าของร้านกัญชาในกรุงเทพฯ บอกว่า ตอนนี้ลูกค้าแทบหายไปหมดแล้ว เพราะกลัวกฎหมายใหม่ “ร้านฝั่งตรงข้ามเพิ่งปิดไป พวกเขาคงทนไม่ไหว”
แม้ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานชัดว่ารัฐบาลเริ่มบังคับใช้กฎใหม่จริงจัง แต่เพียงแค่ข่าวลือก็ทำให้ยอดขายดิ่งลง จากเดิมเคยขายได้เดือนละกว่า 7,000 ดอลลาร์ แต่เมื่อเดือนที่แล้วเหลือไม่ถึง 500 ดอลลาร์
สุรเดชเล่าว่า เขาจ่ายเงิน 5,000 บาทเพื่อขอใบอนุญาต แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีการออกกฎใหม่ทำให้ใบอนุญาตที่ถืออยู่ “แทบไร้ค่า”
“การจะจ้างหมอมาประจำร้านก็มีค่าใช้จ่ายสูง และไม่ใช่ทุกคนที่อยากมาทำงานในร้านกัญชา” เขากล่าว
ศึกการเมืองชนวนการกัญชากลับเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
รมว.สาธารณสุขไทยยืนยันว่า การปฏิรูปนโยบายกัญชาครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อความปลอดภัยสาธารณะและแก้ปัญหาการเสพติดที่เพิ่มขึ้น แต่หลายฝ่ายมองว่า เบื้องหลังยังโยงกับวิกฤติการเมืองร้อนในไทย
เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา เผยแพร่เสียงจากการสนทนาทางโทรศัพท์กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย
ที่ดูเหมือนเธอพูดในเชิงวิจารณ์การทำงานของกองทัพไทยต่อวิกฤติชายแดน ล่าสุด จนสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมือง
ไม่นานหลังจากนั้น พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นกำลังสำคัญผลักดันนโยบายปลดล็อกกัญชา ก็ถอนตัวออกจากรัฐบาลผสมด้วยความไม่พอใจ
ภายในหนึ่งสัปดาห์ พรรคเพื่อไทยของนายกฯ แพทองธาร จึงเดินหน้าผลักดันการ “ทำให้กัญชากลับเป็นสิ่งผิดกฎหมาย” อีกครั้ง
รศ.ดร.ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์ว่า การกลับลำครั้งนี้เกี่ยวพันกับพลวัตของการเมืองผสมโดยตรง
“นโยบายกัญชาของไทยแทบจะเป็นชื่อเรียกแทนพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว การปลดล็อกก็เพื่อจุดประสงค์ขยายฐานการเมืองของพรรค และนั่นทำให้ร้านกัญชาผุดขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ” เขากล่าว

รัฐบาลไทยส่งสัญญาณเตรียมลดจำนวนร้านกัญชาลงเกือบ 90% เหลือเพียงราว 2,000 ร้านทั่วประเทศ และกำหนดให้ทุกร้านต้องมีแพทย์ประจำ Source: SBS
นักวิเคราะห์เชื่อว่า นักท่องเที่ยวคือแรงขับเคลื่อนสำคัญเบื้องหลังความคึกคัก แต่ในสังคมไทยเองกลับเกิดแรงต้านอย่างกว้างขวาง
รศ.ดร.ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ให้ความเห็นว่า กลุ่มที่สนับสนุนกัญชามีจำกัด เช่น ผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว และธุรกิจบริการ แต่โดยรวมแล้วสังคมไทยที่มีพื้นฐานความเชื่อแบบพุทธ ยังคงมองว่ากัญชาเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีสาธารณสุข เผยว่าเป้าหมายระยะยาวคือการนำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดประเภท 5 เพื่อกำหนดโทษที่เข้มขึ้นทั้งต่อการครอบครองและการใช้เพื่อสันทนาการ รวมถึงโทษจำคุก
“เราต้องการส่งสาร์นให้นักท่องเที่ยวว่า เรายินดีต้อนรับสู่ประเทศที่ร่ำรวยด้านธรรมชาติและวัฒนธรรม แต่ไม่ควรมองว่าไทยเป็นจุดหมายของการเสพกัญชาเพื่อสันทนาการ เพราะมันกระทบเด็ก และสร้างความรำคาญจากกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์” นายสมศักดิ์กล่าว
ถอยลงใต้ดิน
ท่ามกลางข้อจำกัดใหม่ที่ยังไม่ได้บังคับใช้อย่างจริงจัง และกฎระเบียบเพิ่มเติมที่กำลังจะตามมา อุตสาหกรรมกัญชาในไทยกำลังเข้าสู่ “พื้นที่สีเทา”
ผู้ประกอบการที่พยายามประคองร้านให้เปิดต่อไป บอกว่า ตอนนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความสับสน เพราะไม่รู้กฎเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าจะเดินหน้าอย่างไร

คิตตี้ โชปาก้า นักเคลื่อนไหวด้านกัญชาเปิดเผยว่าเจ้าของร้านกัญชาหลายรายรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวเริ่มหันมาขายกัญชาให้กันเอง สะท้อนว่าอุตสาหกรรมมูลค่าพันล้านดอลลาร์กำลังเคลื่อนไปสู่ตลาดใต้ดิน Source: SBS
ขณะที่จังหวัดต่าง ๆ ก็ออกข้อมูลอีกชุดหนึ่ง หลายอย่างยังเป็นเพียงร่างบนกระดาน ทำให้ร้านค้าสับสนและไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไร
“ร้านในจังหวัดที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้มงวด กำลังถูกสั่งปิด หรือไม่ก็ถูกบอกว่า ‘แนะนำให้ปิดไปก่อนจนกว่าจะมีกฎชัดเจน แต่ถ้าไม่ปิด เราอาจเข้าตรวจแล้วระงับใบอนุญาตได้’” คิตตี้กล่าว
เธอเล่าว่า เธอต้องพูดคุยกับเครือข่ายเจ้าของร้านกัญชาแทบทุกวัน เพื่อช่วยหาทางปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลที่ได้รับตรงกันคือยอดขายตกลงชัดเจนตั้งแต่เริ่มใช้กฎ “ต้องมีใบสั่งแพทย์”
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายเชื่อว่านั่นไม่ได้สะท้อนว่าการใช้กัญชาลดลงจริง ๆ แต่เป็นเพราะนักท่องเที่ยวหันไปซื้อขายกันเองนอกระบบ แทนที่จะซื้อจากร้านที่จดทะเบียนถูกต้อง
ร้านกัญชาที่จดทะเบียนกว่า 18,000 แห่ง บางร้านเริ่มทยอยปิดกิจการแล้ว ขณะที่บางร้านยังคงเปิดต่อ หวังว่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่สามารถอยู่รอดได้
คิตตี้ กล่าวว่า ธุรกิจขนาดเล็กกำลังจะถูกกวาดออกจากระบบ “ฟาร์มเล็ก ๆ ที่สามีเป็นคนปลูก ภรรยาเป็นคนตัดแต่ง แม่ยายเป็นคนขายหน้าร้าน แบบนี้จะไม่เหลืออยู่อีกแล้ว”
เธออธิบายว่า ธุรกิจเล็ก ๆ หนึ่งแห่งมีชีวิตคนเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่าสิบคน ตั้งแต่เจ้าของ คนงานในฟาร์ม พนักงานขาย ไปจนถึงผู้ที่อยู่ในสายการผลิต และแต่ละคนก็ยังมีครอบครัว “ถ้าเอาตัวเลขนี้ไปคูณกับร้านกว่า 18,000 แห่ง ก็คือจำนวนคนมหาศาลที่ได้รับผลกระทบ”
“และนี่คือเรื่องที่น่าเศร้า” เธอกล่าวทิ้งท้าย