Feature

หรือออสเตรเลียกำลังเปลี่ยนโฉมหน้า ด้วยความเชื่อทางการเมืองที่เปลี่ยนไปของคนรุ่นใหม่

ประเทศออสเตรเลียมีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากขึ้น ขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ก็เริ่มตั้งคำถามกับพันธมิตรทางการเมืองแบบเดิม โดยหลายคนบอกว่าความรู้สึกของพวกเขานั้น "ซับซ้อน" และไม่อิงอยู่กับขั้วการเมืองใดขั้วหนึ่งอย่างชัดเจนอีกต่อไป

Photos of two young women and one young man against a background of an Australian and US flag

คนรุ่นใหม่ในออสเตรเลียมีแนวโน้มตั้งคำถามต่อความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับสหรัฐอเมริกามากขึ้น Source: SBS

เอ็ดดูอาร์โด คาเซเรส-แซนโดวัล เติบโตขึ้นที่นครเพิร์ท เขาจำได้ว่าตอนเรียนประถมเคยถกเถียงเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 อย่างจริงจัง แต่กลับไม่มีใครพูดถึงการเลือกตั้งของออสเตรเลียในปีเดียวกันมากนัก

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่หนุ่มลูกครึ่งชิลี-ออสเตรเลียคนนี้ก็ตัดสินใจศึกษาด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่แคนเบอร์รา

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพ่อแม่ส่งเสริมให้เขาอ่านหนังสือเกี่ยวกับประเทศแถบเอเชียตั้งแต่เด็ก นักศึกษามหาวิทยาลัยวัย 20 ปีกล่าวว่า

“พอเป็นวัยรุ่น ผมเริ่มรู้สึกว่าโลกกำลังเปลี่ยนไป... ไม่ได้เน้นแค่ที่ยุโรปหรืออเมริกาอีกต่อไป แต่มุ่งหน้ามาทางเอเชีย”

ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ในกลุ่มประชากรที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติมีความความลังเลหรือความไม่มั่นใจต่อความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับสหรัฐฯมาก

ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา ผลสำรวจของสถาบันโลวี (Lowy Institute) ที่พบอย่างต่อเนื่องว่า ชาวออสเตรเลียที่มีพ่อหรือแม่อย่างน้อยหนึ่งคนเกิดในประเทศในเอเชีย มักมีระดับความไว้วางใจต่อสหรัฐฯ ต่ำกว่ากลุ่มที่ทั้งพ่อและแม่เกิดในออสเตรเลีย

A man wearing a dark puffy parka, cream pants and white sandshoes stands on a beach.
เอ็ดดูอาร์โด คาเซเรส-แซนโดวัลเล่าว่า พ่อแม่ชาวชิลี-ออสเตรเลียของเขาส่งเสริมให้เขาอ่านหนังสือเกี่ยวกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตั้งแต่ยังเด็ก Credit: Supplied
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่าผู้มีพื้นเพครอบครัวจากเอเชียจำนวนไม่น้อย มองว่าพันธมิตรระหว่างออสเตรเลียกับสหรัฐฯ ไม่ได้มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศเท่ากับกลุ่มอื่น ๆ

มุมมองเช่นนี้อาจมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต เมื่อความหลากหลายทางวัฒนธรรมของออสเตรเลียขยายตัวต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลล่าสุดของสำนักสถิติแห่งออสเตรเลียปี 2023 พบว่า ประชากรราว 31.5% ของออสเตรเลียเกิดในต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 17.7% เมื่อปี 1911

เรีย เวอร์มา ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกวัย 19 ปี กล่าวว่า ประสบการณ์การย้ายถิ่นของพ่อแม่ชาวอินเดียที่ย้ายมาออสเตรเลียเมื่อสองทศวรรษก่อน

ทำให้เธอมีมุมมองที่ "ซับซ้อน" ต่อความสัมพันธ์ออสเตรเลีย–สหรัฐฯ นอกจากนี้ เธอยังกังวลว่าทั้งสองประเทศมีแนวโน้มจะลดจำนวนผู้ย้ายถิ่นในอนาคต

ทั้งเวอร์มาและคาเซเรส-แซนโดวัลต่างก็ต้องการเห็นนโยบายต่างประเทศของออสเตรเลียมีความเป็นอิสระมากขึ้น ในขณะที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ไว้

 “ผมคิดว่าออสเตรเลียเริ่มเดินไปในทิศทางนี้แล้ว แต่ผมอยากเห็นประเทศเราทุ่มเต็มที่ในการมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย” คาเซเรส-แซนโดวัลกล่าว
A woman with a cream shirt standing inside
เรีย เวอร์มากล่าวว่า การย้ายถิ่นฐานเป็นโอกาสที่เปลี่ยนชีวิตของใครหลายคน รวมถึงพ่อแม่ของเธอด้วย Credit: Supplied

มุมมองต่อสหรัฐฯ เปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อนระหว่างรุ่น

ที่ผ่านมา นโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของออสเตรเลียมักได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองขั้วการเมือง ทำให้ประเด็นนี้ไม่ค่อยมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

โดยจากผลสำรวจ Australian Electoral Study ปี 2022 มีเพียง 5% เท่านั้นที่มองว่านโยบายต่างประเทศเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มนี้อาจเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งปีนี้ จากข้อมูลของเครื่องมือ Vote Compass ของ ABC พบว่ามีผู้เลือกตั้งให้ความสำคัญกับนโยบายต่างประเทศเพิ่มขึ้น

เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งปี 2022 โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 18 ถึง 29 ปี ซึ่งประเด็นนี้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจมากเป็นพิเศษ
เรจินา อึ้ง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งวัย 19 ปีจากแคนเบอร์รา ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (ANU) และหวังจะทำงานด้านนโยบายต่างประเทศในอนาคต เผยว่าประเด็นนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่เธอใช้พิจารณาในการลงคะแนนเสียง

“สำหรับฉัน นโยบายต่างประเทศถือเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญลำดับต้น ๆ ในการตัดสินใจเลือกตั้งครั้งนี้” เรจินากล่าว
A woman with brown hair and wearing a black and white horizontal striped tank top sits at a wooden table outside and smiles for the camera
เรจินา อึ้งกล่าวว่า นโยบายต่างประเทศเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญลำดับต้น ๆ ที่เธอจะใช้พิจารณาในการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง Credit: Supplied
ดีแลน ราเฟล อดัมส์ นักศึกษาชาวออสเตรเลียเชื้อสายกรีกวัย 19 ปี กำลังจะใช้สิทธิ์เลือกตั้งระดับชาติครั้งแรกในชีวิต

เขาเล่าให้ SBS News ฟังว่า คนรุ่นเขาและเพื่อนร่วมรุ่นมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับสหรัฐฯ มากกว่าคนรุ่นพ่อแม่

“ผมรู้สึกว่าคนรุ่นเรานั้นเติบโตมากับสหรัฐฯ ทั้งวัฒนธรรมสมัยนิยม ไลฟ์สไตล์ และเกือบทุกแง่มุมของชีวิตสังคมจากฝั่งอเมริกา ล้วนกลมกลืนอยู่ในการเติบโตในออสเตรเลียของเรา”

อดัมส์บอกว่าเขาเคยเป็นผู้สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับสหรัฐฯ มาโดยตลอด แต่การกลับมาของรัฐบาลทรัมป์ ทำให้เขาเริ่ม “ตั้งคำถาม” กับความเป็นพันธมิตรนี้

แม้จะมีความลังเล แต่เขายืนยันว่าไม่ได้ “ต่อต้าน” พันธมิตรนี้

อดัมส์ให้ความเห็น โดยอ้างถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงที่รวมถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์จากสหรัฐฯ

“ผมยังสนับสนุนความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ อยู่ครับ เราเห็นได้จาก AUKUS และความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ที่สองประเทศพัฒนาร่วมกัน ไม่ว่าจะมีใครเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ก็ตาม”
A man wearing a dark blue suit jacket and blue striped shirt poses in front of  a hedge. There is a brick building behind the hedge.
ดีแลน ราเฟล อดัมส์กล่าวว่า สำหรับเขา “ความมั่นคงของชาติ” เป็นประเด็นสำคัญที่สุดในการเลือกตั้ง และเป็นปัจจัยหลักที่ใช้พิจารณาในการตัดสินใจว่าจะลงคะแนนให้ใคร Credit: Supplied
มุมมองของอดัมส์สะท้อนแนวโน้มในหมู่คนรุ่น Gen Z ของออสเตรเลีย ที่แม้จะยังสนับสนุนความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ แต่ก็มีความระแวดระวังและตั้งคำถามกับพันธมิตรนี้มากขึ้น Lowy Institute ปี 2025

แม้จะมีข้อพิพาททางการค้า ผลสำรวจยังพบว่าคนออสเตรเลียส่วนใหญ่ยังมองว่าความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ โดยมีเพียง 4% เท่านั้นที่มองว่า "ไม่สำคัญเลย"

ช่องว่างระหว่างรุ่นที่ชัดเจนมากขึ้น

ในกลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีถึง 61% ที่มองว่าความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ “สำคัญมาก” ขณะที่ในกลุ่มอายุ 18–29 ปี มีเพียง 41% เท่านั้นที่คิดเช่นนั้น

 ความแตกต่างระหว่างรุ่นยังสะท้อนผ่านระดับความเชื่อมั่นในสหรัฐฯ

ไรอัน นีลัม ผู้อำนวยการฝ่ายความคิดเห็นสาธารณะและนโยบายต่างประเทศของ Lowy Institute ระบุว่า ความเชื่อมั่นในสหรัฐฯ ในหมู่ผู้สูงวัยร่วงลงอย่างมาก จาก 72% ที่ตอบว่ามี “ความเชื่อมั่นสูงมาก” ในปี 2024 เหลือเพียง 39% ในปี 2025

ในขณะที่กลุ่มอายุ 18–29 ปี แม้ตัวเลขจะลดลงเพียง 4 จุด แต่ก็เริ่มจากระดับความเชื่อมั่นที่ต่ำอยู่แล้ว และยังเป็นกลุ่มที่แสดงความเชื่อมั่นในสหรัฐฯ ต่ำที่สุดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2018
ช่องว่างระหว่างรุ่นยังสะท้อนให้เห็นในมุมมองต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรสหรัฐฯ เพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศ

ผลสำรวจจาก Lowy Institute ระบุว่า มีเพียง 39% ของชาวออสเตรเลียอายุ 18–29 ปีที่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว ขณะที่ในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป กลับมีถึง 61% ที่ให้การสนับสนุน

ในด้านความเชื่อมั่นต่อผู้นำทางการเมือง กลุ่มอายุ 18–29 ปีแสดงความเชื่อมั่นในความสามารถของนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี ในการจัดการนโยบายต่างประเทศสูงที่สุดในทุกช่วงอายุ (54%) ขณะที่แสดงความไว้วางใจต่อนายปีเตอร์ ดัตตัน ผู้นำฝ่ายค้านในระดับต่ำสุดเพียง 11%

นโยบายพันธมิตรอาจส่งผลต่อคนรุ่นใหม่โดยตรง

ซาราห์ รามันตานิส ประธานบริหารองค์กร Young Australians in International Affairs ระบุว่า คนรุ่นใหม่เริ่มตั้งคำถามมากขึ้นว่านโยบายด้านความมั่นคงและการค้ากับสหรัฐฯ จะกระทบต่อความมั่นคงทางอาชีพและโอกาสทางเศรษฐกิจของพวกเขาอย่างไร

“ตัวอย่างเช่น...นโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์กระตุ้นให้มีการผลิตในประเทศสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งหมายถึงความต้องการอะลูมิเนียมจากออสเตรเลียน้อยลง และนั่นอาจกระทบต่อการจ้างงานในภาคส่วนนี้” รามันตานิสกล่าวกับ เอสบีเอส นิวส์

เธอยังชี้ว่า สงครามในกาซาได้ทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนมาก “เปลี่ยนมุมมองอย่างมีนัยสำคัญ” ต่อสหรัฐฯ และลดความเคารพศรัทธาในบทบาทของประเทศนี้

ขณะที่การที่ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศโลก ก็ยิ่งทำให้คนรุ่นใหม่วิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากยิ่งขึ้น
ข้อเสนอของพรรคร่วมฝ่ายค้าน (Coalition) ที่จะเพิ่มงบกลาโหมของออสเตรเลียเป็น 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) กลายเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลในหมู่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรุ่นใหม่

แม้นายปีเตอร์ ดัตตัน ผู้นำฝ่ายค้านจะยืนยันว่า งบดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับพันธมิตรระหว่างประเทศ

ดีแลน อดัมส์ ระบุว่า ในสถานการณ์โลกที่ไม่มั่นคง การเพิ่มงบกลาโหมถือเป็นเรื่องจำเป็น แต่เขากังวลว่า
นโยบายนี้อาจส่งผลเสียต่อเยาวชน
ในขณะที่อาหารแพงขึ้น คิวรอพบแพทย์ยาวนาน และการลดหลักสูตรของมหาวิทยาลัย ผมรู้สึกกลัวที่เห็นรัฐบาลให้ความสำคัญกับกลาโหมมากกว่าด้านสุขภาพหรือการศึกษา
ดีแลน อดัมส์
ขณะเดียวกัน เอ็ดดูอาร์โด คาเซเรส-แซนโดวัล เห็นด้วยว่าออสเตรเลียควรพัฒนาขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ แต่ตั้งคำถามว่าหากเงิน 3% ของ GDP มุ่งสู่ระบบอุตสาหกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ออสเตรเลียจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเพียงใด

“ถ้าเราทุ่มงบขนาดนี้ให้กับระบบอุตสาหกรรมทหารของอเมริกา เราจะได้รับความจริงใจและหลักประกันด้านความมั่นคงตอบกลับมาหรือไม่?” เขากล่าว “ในฐานะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวออสเตรเลีย ผมต้องการความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา”

ความหวังต่ออาชีพการทูตถูกลดทอนลงด้วยความไม่แน่นอน

เยาวชนหลายคนที่ให้ความสำคัญกับนโยบายต่างประเทศในเลือกตั้งครั้งนี้ต่างฝันอยากทำงานในสายนี้ แต่ค่าครองชีพที่พุ่งสูง และการแข่งขันในตลาดแรงงานอาจทำให้ความฝันนั้นเลือนหาย

 แต่เดิม เส้นทางอาชีพนักการทูตมักเริ่มต้นผ่านการเข้ารับราชการ แต่ข้อเสนอของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่มีแนวโน้มจะลดตำแหน่งงานภาครัฐลงถึง 41,000 ตำแหน่งใน 5 ปีข้างหน้า ก็สร้างความกังวลว่าจะทำให้โอกาสยิ่งลดน้อยลง

 ซาราห์ รามันตานิส ผู้บริหารองค์กร Young Australians in International Affairs ระบุว่า คนรุ่นใหม่จำนวนมากเริ่มหันไปมองโอกาสในองค์กรความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในต่างประเทศแทน
ฉันคิดว่าหลายคนเริ่มหมดหวังกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนผ่านการทำงานกับรัฐบาล โดยเฉพาะในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งในออสเตรเลียและต่างประเทศ
 ซาราห์ รามันตานิส ผู้บริหารองค์กร Young Australians in International Affairs
เธอยังหวังว่ารัฐบาลใหม่จะยังคงสนับสนุนโครงการเพื่อเยาวชน เช่น New Colombo Plan ซึ่งเป็นทุนการศึกษาของกระทรวงการต่างประเทศและการค้า (DFAT) เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษามหาวิทยาลัยได้เรียนรู้ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

รวมถึงการส่งเสริมการจ้างงานในสายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ตอบโจทย์คุณค่าของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน หรือบทบาทในเวทีโลก

สำหรับผู้ที่ทำงานในสายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอยู่แล้ว หลายคนตั้งความหวังว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่นี้จะนำไปสู่การมีตัวแทนจากชาวออสเตรเลียที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากขึ้นในรัฐสภา

 แคโรไลน์ หวัง นักวิเคราะห์ด้านจีนศึกษาจากซิดนีย์ วัยสามสิบต้น ๆ กล่าวว่า

 “ฉันอยากเห็นชาวออสเตรเลียเชื้อสายเอเชียมีบทบาทในพื้นที่สาธารณะมากกว่านี้”

“โดยเฉพาะในประเด็นนโยบายต่างประเทศหรือบทสนทนาระดับชาติ หากเรานำความหลากหลายเข้ามาในวงถกเถียงสาธารณะ เราจะได้ประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะจากคนที่มีความรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรม ซึ่งสามารถเติมเต็มการถกเถียงด้วยประสบการณ์และมุมมองที่แตกต่าง”


ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share

Published

By Wing Kuang
Presented by Chayada Powell
Source: SBS

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand