เมกาทรัสต์ฟอลต์ (megathrust fault) คือรอยเลื่อนตามแนวรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกสองแผ่นที่มุดตัวซ้อนทับกัน เมื่อเกิดการปลดปล่อยพลังงานอย่างรุนแรง
แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นมักมีขนาดใหญ่และสามารถยกหรือกดพื้นทะเลอย่างฉับพลัน ทำให้มวลน้ำมหาศาลเคลื่อนตัว จนก่อให้เกิดคลื่นสึนามิที่รุนแรงและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.8 แมกนิจูดนอกชายฝั่งคัมชัตคาทางตะวันออกไกลของรัสเซีย เมื่อวันพุธ ทำให้มีการเตือนภัยสึนามิไกลถึงเฟรนช์โปลินีเซียและชิลี และตามมาด้วยการปะทุของภูเขาไฟที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดบนคาบสมุทรดังกล่าว
แรงสั่นสะเทือนตื้นใกล้ผิวดินสร้างความเสียหายต่ออาคารและทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายคนในพื้นที่ห่างไกลของรัสเซีย ขณะที่ชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น ซึ่งเคยประสบภัยแผ่นดินไหวและสึนามิขนาด 9.0 ในปี 2011 ได้รับคำสั่งอพยพ เช่นเดียวกับบางส่วนของรัฐฮาวาย
ช่วงค่ำวานนี้ (31 ก.ค.) ญี่ปุ่น ฮาวาย และรัสเซียได้ลดระดับการเตือนภัยส่วนใหญ่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ในเฟรนช์โปลินีเซียยังคงสั่งให้ประชาชนบนเกาะห่างไกลหลายแห่งในหมู่เกาะมาร์เคซัสอพยพขึ้นที่สูง และเตรียมรับมือคลื่นสูงถึง 2.5 เมตร
อ่านเพิ่มเติม

'20 ปี รำลึก' ย้อนรอยเหตุการณ์สินามิ 26 ธ.ค. 2547
"เมกาทรัสต์ฟอลต์" คืออะไร?
นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่าแผ่นดินไหวที่เกิดนอกชายฝั่งคัมชัตคาของรัสเซียครั้งนี้ เกิดขึ้นบนรอยเลื่อนชนิดที่เรียกว่า เมกาทรัสต์ฟอลต์ (megathrust fault) ซึ่งเกิดจากแผ่นเปลือกโลกแปซิฟิกที่หนาแน่นกว่ามุดตัวลงใต้แผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือที่เบากว่า
คาบสมุทรคัมชัตคาตั้งอยู่ในจุดที่แผ่นแปซิฟิกเคลื่อนตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่นี้มีความเสี่ยงสูงต่อแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ และยังอาจทำให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกรุนแรงตามมาได้
โรเจอร์ มัสสัน นักวิจัยกิตติมศักดิ์จากสำนักธรณีวิทยาอังกฤษ ระบุว่า “เขตแผ่นดินไหวคัมชัตคาเป็นหนึ่งในเขตมุดตัวที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดรอบวงแหวนไฟแปซิฟิก โดยแผ่นแปซิฟิกเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกด้วยความเร็วราว 80 มิลลิเมตรต่อปี”
การมุดตัวของแผ่นเปลือกโลก (subduction events) สามารถก่อแผ่นดินไหวรุนแรงกว่าประเภท strike-slip เช่นที่เกิดในเมียนมาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการที่แผ่นเปลือกโลกเลื่อนเฉือนกันในแนวนอนด้วยความเร็วต่างกัน

เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.5 แมกนิจูดในพื้นที่ตอนกลางของประเทศชิลี เมื่อปี ค.ศ. 1960 Source: SBS
ทำไมแผ่นดินไหวชนิดนี้จึงก่อสึนามิได้ง่าย?
ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า แผ่นดินไหวตื้นที่เกิดบนรอยเลื่อน เมกาทรัสต์ มีโอกาสก่อสึนามิสูง เพราะแรงสั่นสะเทือนทำให้พื้นทะเลถูกดันหรือยกตัวขึ้นอย่างฉับพลัน ส่งผลให้มวลน้ำปริมาณมหาศาลถูกกระแทกและเคลื่อนตัวเป็นคลื่นยักษ์
แผ่นดินไหวเมื่อวันพุธเกิดลึกเพียง 20.7 กิโลเมตร ซึ่งตื้นพอจะสร้างความเสี่ยงสึนามิทันที อดัม พาสเคล หัวหน้านักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวออสเตรเลีย ระบุว่า “เมื่อแผ่นดินไหวเกิดนอกชายฝั่ง ความเสี่ยงที่จะเกิดสึนามิย่อมมีอยู่เสมอ”
คลื่นสึนามิสูงราว 1.7 เมตรซัดไปไกลถึงฮาวาย แม้จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า คลื่นไม่จำเป็นต้องสูงมากก็สามารถสร้างความเสียหายรุนแรงต่อพื้นที่ชายฝั่งที่มีระดับต่ำของหลายเกาะในแปซิฟิกได้
อดัม พาสเคลอธิบายว่า ผลกระทบของสึนามิขึ้นอยู่กับ “ความสูงของคลื่นเมื่อซัดขึ้นฝั่ง” หรือที่เรียกว่า run-up ซึ่งเป็นระดับความสูงสุดที่คลื่นน้ำสามารถพุ่งขึ้นไปตามชายฝั่ง โดยปัจจัยนี้จะกำหนดขอบเขตและความรุนแรงของความเสียหายที่เกิดขึ้น
คาดมีอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่องอีกหลายเดือน
แคโรไลน์ ออร์ชิสตัน ผู้อำนวยการศูนย์ความยั่งยืน มหาวิทยาลัยโอทาโก นิวซีแลนด์ ระบุว่า แผ่นดินไหวขนาด 8.8 แมกนิจูดเมื่อวันพุธได้ก่ออาฟเตอร์ช็อกอย่างน้อย 10 ครั้งที่มีขนาดเกิน 5 แมกนิจูด และอาจยังเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกหลายเดือน
เธอกล่าวว่า “แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ ไม่มีสัญญาณเตือนที่ชัดเจนหรือคงที่ ก่อนหน้านี้แผ่นดินไหวลูกเล็กกว่าเป็นเพียงผลกระทบหลัก
แต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าแผ่นดินไหวขนาดใหญ่จะสร้างลำดับอาฟเตอร์ช็อกตามมาทันที และบางครั้งอาฟเตอร์ช็อกเหล่านี้ก็สร้างความเสียหายได้เอง”
เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดห่างจากเหตุการณ์ขนาด 7.4 แมกนิจูดเมื่อไม่ถึงสองสัปดาห์ก่อนในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งล่าสุดถูกจัดว่าเป็น “โฟร์ช็อก”
ออร์ชิสตันย้ำว่า ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ของอาฟเตอร์ช็อกขนาดใหญ่ออกไปได้ แต่โดยทั่วไป ความถี่และความแรงจะค่อย ๆ ลดลงตามเวลา
ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram