หมายเหตุ: โดยข้อมูลทั้งหมดที่นำเสนอในที่นี้เป็นข้อมูลทั่วไป มิใช่คำแนะนำทางกฎหมายส่วนบุคคล หากต้องการคำปรึกษาที่เหมาะสมกับสถานการณ์เฉพาะ ควรขอคำแนะนำจากทนายความหรือนักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญ
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะไม่เพียงทิ้งบาดแผลทางกาย แต่ยังสร้างบาดแผลทางใจที่ยากจะลบเลือน เอสบีเอสไทยพูดคุยกับอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยในนครซิดนีย์ “Babbie Rabbie” ที่เป็นผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว และเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโซเชียล เรามาถอดบทเรียนของเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าสิทธิของผู้เสียหายสำคัญอย่างไร?
เหตุการณ์ไม่คาดฝันกลางซิดนีย์
"Babbie Rabbie" เล่าให้เอสบีเอสไทยฟังว่าคืนวันที่ 19 กันยายน หลังจากร่วมงานอีเวนต์ เธอและเพื่อนได้แวะร้านอาหารเกาหลีในใจกลางนครซิดนีย์ ขณะรอใช้ห้องน้ำ เธอเคาะประตูเบา ๆ เพื่อสอบถามผู้ที่อยู่ในห้องน้ำนานผิดปกติ แต่การกระทำธรรมดานี้กลับกลายเป็นชนวนให้เกิดการโต้เถียงและพฤติกรรมก้าวร้าว
ตามคำบอกเล่าและหลักฐานจากกล้องวงจรปิด เหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อคู่กรณีพยายามสาดซุปใส่เธอในร้านอาหาร ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกเชิญออกจากร้าน และท้ายที่สุดเธอถูกทำร้ายด้านนอกจนล้มลงกับพื้นและมีบาดแผลบนใบหน้า
แม้บาดแผลทางกายจะหายดีแล้ว แต่อินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยรายนี้ยังคงต่อสู้กับบาดแผลทางใจ เธอเล่าว่าต้องเผชิญกับอาการนอนไม่หลับ ความวิตกกังวล และต้องใช้ยาคลายเครียดเพื่อรับมือ
“มันไม่ใช่แค่แผลบนหน้า แต่เป็นแผลในใจ จนถึงตอนนี้ ถ้าเห็นใครหน้าคล้าย ๆ กัน ก็ยังรู้สึกกลัวอยู่”
เธอยังบอกด้วยว่าต้องขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญและพึ่งพาสายด่วนให้การสนับสนุน เพื่อเยียวยาผลกระทบทางจิตใจที่เกิดขึ้น
บทเรียนจากประสบการณ์
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์กดดันและถูกทำร้าย แต่สิ่งที่เธอบอกว่าสิ่งที่เธอเลือกทำคือการ ควบคุมสติและไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง
ไม่ว่าเราจะเห็นต่างกันแค่ไหน หรืออีกฝ่ายจะเมาหรือควบคุมตัวเองไม่ได้ก็ตาม ความรุนแรงไม่ควรเป็นคำตอบBabbie Rabbie
เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนว่าความรุนแรงเพียงเสี้ยววินาทีสามารถเปลี่ยนชีวิตคนหนึ่งไปตลอดกาล

บาดแผลบนใบหน้าของ Babbie Rabbie หลังเหตุการณ์โดนทำร้ายที่ร้านอาหารในใจกลางนครซิดนีย์ Credit: Supplied/Babbie Rabbie
สิทธิของผู้เสียหายในรัฐนิวเซาท์เวลส์
เพื่อให้เข้าใจว่า ผู้เสียหายในรัฐนิวเซาท์เวลส์มีสิทธิอะไรบ้างและจะเข้าถึงการช่วยเหลือได้อย่างไร
เอสบีเอสไทยได้พูดคุยกับ เกรซ คาเมรอน-ลี ทนายความฝ่ายกฎหมายตำรวจและกฎหมายปกครอง
จากสำนักงานกฎหมาย Redfern ในรัฐนิวเซาท์เวลส์
เกี่ยวกับกฎหมาย Victims Rights and Support Act 2013 ว่าผู้เสียหายจากอาชญากรรมในรัฐนิวเซาท์เวลส์จะได้รับการคุ้มครอง ไม่ว่าจะเหตุเกิดขึ้นในที่สาธารณะหรือในที่ส่วนตัว
(หมายเหตุ: กฎหมาย Victims Rights and Support Act 2013 ใช้บังคับเฉพาะในรัฐนิวเซาท์เวลส์เท่านั้น รัฐและมณฑลอื่น ๆ ของออสเตรเลียมีกฎหมายหรือโครงการที่มีสาระคล้ายกันในการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย โดยรายละเอียด เงื่อนไข และรูปแบบการช่วยเหลืออาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรัฐ)
อ่านเพิ่มเติม

รู้เท่าทันภัยความรุนแรงในครอบครัว
กฎหมายฉบับนี้มี กฎบัตรสิทธิของผู้เสียหาย (Charter of Victims Rights) ซึ่งกำหนดสิทธิไว้ 18 ข้อ เช่น สิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ เห็นอกเห็นใจและศักดิ์ศรี, สิทธิในการเข้าถึงบริการแพทย์และการให้คำปรึกษา, สิทธิในการรับข้อมูลเกี่ยวกับการสอบสวนคดี และสิทธิที่จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับผู้กระทำผิดในระหว่างการพิจารณาคดี
นอกจากนี้ยังมี โครงการ Victims Support Scheme ที่เปิดโอกาสให้ผู้เสียหายได้รับการช่วยเหลือ เช่น การให้คำปรึกษาฟรี เงินชดเชยความเสียหาย ค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเอง รวมถึงค่าชดเชยรายได้ที่สูญเสียไป แม้ว่าผู้กระทำผิดจะยังไม่ถูกตั้งข้อหาหรือถูกตัดสิน ผู้เสียหายก็ยังสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือเหล่านี้ได้
โดยทั่วไปผู้เสียหายต้องยื่นขอภายใน 2 ปีนับจากวันที่เกิดเหตุ แต่หากเป็นกรณีการล่วงละเมิดทางเพศหรือความรุนแรงในครอบครัวสามารถยื่นได้ถึง 10 ปี ส่วนกรณีเด็กผู้เสียหายจะมีข้อกำหนดเวลาพิเศษ ซึ่งควรได้รับคำแนะนำทางกฎหมายก่อนยื่นเรื่อง
ชุมชนพหุวัฒนธรรมกับการขอความช่วยเหลือเรื่องอาชญากรรม
จากกรณีของ Babbie Rabbie นั้นยังทำให้มีการตั้งคำถามว่าผู้เสียหายโดยเฉพาะคนในชุมชนพหุวัฒนธรรมนั้นรู้จักสิทธิของตนเองมากน้อยเพียงใด
โดยเฉพาะในกลุ่มผู้อพยพ นักเรียนต่างชาติ และผู้ถือวีซ่าชั่วคราวที่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่่นนี้แล้วหลายคนกังวลว่าการรายงานอาจกระทบต่อสถานะการพำนัก หรือความไม่มั่นใจในเรื่องการสื่อสาร
เกรซ คาเมรอน-ลี ทนายความในรัฐนิวเซาท์เวลส์ให้คำแนะนำว่า
หากภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาหลักของคุณ ผู้เสียหายสามารถขอล่ามได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีบริการล่ามตลอด 24 ชั่วโมง

เกรซ คาเมรอน-ลี ทนายความจากสำนักงานกฎหมาย Redfern ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ Credit: Supplied/ Grace Cameron-Lee
เมื่อมีการแจ้งเหตุ ตำรวจมีหน้าที่ต้องปฏิบัติด้วยความสุภาพ เห็นอกเห็นใจ และเข้าใจในความแตกต่างทางวัฒนธรรม โดยห้ามเลือกปฏิบัติไม่ว่าด้วยเหตุผลด้านเชื้อชาติ ศาสนา หรือเพศ
หลังจากผู้เสียหายแจ้งเหตุแล้ว ตำรวจจะออก “บัตรผู้เสียหาย” (victim card) หรือข้อความที่มีหมายเลขคดี (event number) เพื่อใช้ติดตามความคืบหน้าในภายหลัง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะดำเนินการสอบสวนต่อหรือไม่ และจะมีการตั้งข้อหากับผู้กระทำผิดหรือไม่ โดยขั้นตอนอาจรวมถึง
- การรับคำให้การอย่างเป็นทางการจากผู้เสียหาย
- การสอบปากคำผู้ต้องสงสัย
- การเก็บหลักฐานเพิ่มเติม
หากตำรวจมีการตั้งข้อหา คดีจะเข้าสู่กระบวนการศาล และเมื่อมีการตั้งข้อหาแล้ว ผู้เสียหายไม่สามารถถอนเรื่องได้ เนื่องจากกระบวนการอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจและศาล
และตามกฎบัตรสิทธิของผู้เสียหาย ผู้เสียหายมีสิทธิได้รับข้อมูลความคืบหน้าของการสอบสวน รวมถึงได้รับแจ้งหากมีการตั้งข้อหา และได้รับข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการพิจารณาคดี รวมทั้งสิทธิและหน้าที่ของตนในฐานะพยาน
ในกรณีที่ผู้เสียหายเชื่อว่าตำรวจไม่ได้สอบสวนอย่างเหมาะสม ปฏิบัติไม่เป็นธรรม หรือทำให้สิทธิในฐานะผู้เสียหายถูกละเมิด สามารถติดต่อ Redfern Legal Centre เพื่อขอคำปรึกษาด้านความรับผิดชอบของตำรวจและการร้องเรียน โดยเป็นบริการฟรีและเป็นความลับสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์ โทร. 02 9698 7277 หรือเข้าเว็บไซต์ rlc.org.au
ขั้นตอนการรายงานเหตุความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เกรซ คาเมรอน-ลี ทนายความจากรัฐนิวเซาท์เวลส์ อธิบายกับเอสบีเอสไทยว่า หากใครตกเป็นผู้เสียหายจากเหตุความรุนแรงในรัฐนิวเซาท์เวลส์ สามารถรายงานเหตุต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้หลายช่องทาง ได้แก่
- โทร 000 หากเป็นเหตุฉุกเฉิน
- โทร Police Assistance Line 131 444 สำหรับเหตุที่ไม่เร่งด่วน
- โทร Crime Stoppers 1800 333 000 เพื่อรายงานเหตุโดยไม่เปิดเผยชื่อ
- เดินทางไปที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน
หากคุณหรือคนใกล้ชิดเผชิญกับความรุนแรงในที่สาธารณะ คุณสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ช่องทางอื่นๆ ในรัฐต่างๆ ดังนี้ :
- โทรหมายเลขแจ้งเหตุฉุกเฉิน 000
- สายด่วน 24 ชั่วโมง เรื่องความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงในครอบครัว 1800 RESPECT (1800 737 732)
- บริการช่วยเหลือผู้เสียหายในรัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW) Victims Services (1800 633 063)
- รัฐวิกตอเรีย (VIC) Victims of Crime Helpline (1800 819 817)
- รัฐควีนส์แลนด์ (QLD) Victim Assist Queensland (13 14 50)
- รัฐเซาท์ออสเตรเลีย (SA) Commissioner for Victims’ Rights
- รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (WA) Victim Support Service (08) 9425 2850 หรือ 1800 818 988
- รัฐแทสมาเนีย (TAS) Victims Support Services (ภายใต้ Department of Justice)
- แคปิตอลเทร์ริทอรี (ACT) Victim Support ACT (02 6205 2066)
- นอร์ทเทิร์นเทร์ริทอรี (NT) Crime Victims Services Unit (CVSU) (08) 8924 7015 หรือ 1800 460 363