Explainer

ช่องแคบฮอร์มุซคืออะไร และจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในออสเตรเลียอย่างไร?

สภาความมั่นคงสูงสุดของอิหร่านกำลังพิจารณาว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซหรือไม่ หลังมีรายงานว่ารัฐสภาอิหร่านเห็นชอบให้ดำเนินการดังกล่าว เพื่อตอบโต้การโจมตีของสหรัฐฯ ต่อแหล่งนิวเคลียร์หลายแห่งในอิหร่าน

Gurads carrying weapons are patrolling the waters in a boat. There's a ship sailing in the distance.

ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นหลังสหรัฐฯ โจมตีแหล่งนิวเคลียร์ของอิหร่าน ได้ปลุกกระแสความกังวลขึ้นมาอีกครั้งว่าอิหร่านอาจปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งจะเสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนครั้งใหญ่ต่อการค้าพลังงานของโลก Source: Getty / Morteza Nikoubaz

สำนักข่าวโทรทัศน์ของอิหร่านรายงานว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติของอิหร่านจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซหรือไม่

หลังจากที่มีรายงานว่ารัฐสภาอิหร่านให้การสนับสนุนมาตรการนี้เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐอเมริกาโจมตีแหล่งนิวเคลียร์หลายแห่งของอิหร่าน

ที่ผ่านมา อิหร่านเคยขู่จะปิดช่องแคบแห่งนี้หลายครั้ง แต่ยังไม่เคยดำเนินการจริง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะกระทบต่อการค้าทางเรือ และอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกผันผวนอย่างรุนแรง

ช่องแคบฮอร์มุซคืออะไร?

ช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ตั้งอยู่ระหว่างประเทศโอมานและอิหร่าน เป็นทางเดินเรือที่เชื่อมอ่าวเปอร์เซียทางเหนือกับอ่าวโอมานและทะเลอาหรับทางใต้

บริเวณที่แคบที่สุดของช่องแคบนี้มีความกว้างประมาณ 33 กิโลเมตร โดยเส้นทางเดินเรือที่ใช้จริงกว้างเพียงด้านละ 3 กิโลเมตรเท่านั้น

ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันดิบมากกว่าหนึ่งในห้าของโลก

ทำไมช่องแคบฮอร์มุซจึงมีความสำคัญ?

เพราะปริมาณน้ำมันประมาณหนึ่งในห้าที่โลกใช้อยู่ในปัจจุบันต้องขนส่งผ่านช่องแคบนี้

จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลวอร์เทกซา (Vortexa) ชี้ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงเดือนที่ผ่านมา มีการขนส่งน้ำมันดิบ คอนเดนเสต (condensate) หรือของเหลวควบแน่นจากก๊าซธรรมชาติ เป็นสารไฮโดรคาร์บอนที่สามารถนำไปกลั่นเป็นเชื้อเพลิงได้ เช่น น้ำมันเบนซิน และเชื้อเพลิง ผ่านช่องแคบฮอร์มุซวันละประมาณ 17.8 ถึง 20.8 ล้านบาร์เรล

ประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปก (OPEC) อย่างซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต และอิรัก ล้วนส่งออกน้ำมันส่วนใหญ่ผ่านช่องแคบนี้ โดยมีจุดหมายปลายทางหลักคือเอเชีย

แม้บางประเทศ เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบีย พยายามหาทางส่งออกผ่านเส้นทางอื่นเพื่อลดการพึ่งพาช่องแคบฮอร์มุซ แต่เส้นทางนี้ก็ยังคงเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของโลก
Strategic maritime chokepoints in global oil trade are displayed on a map.
ในการค้าขายน้ำมันระดับโลก มีจุดผ่านยุทธศาสตร์ทางทะเลอยู่ทั้งหมด 7 แห่ง โดยช่องแคบฮอร์มุซถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 2 ของจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุด Source: Getty / Muhammed Ali Yigit
ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วระบุว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบียสามารถใช้ท่อส่งน้ำมันทางเลือกได้ราว 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อลดการพึ่งพาช่องแคบฮอร์มุซ

อย่างไรก็ตาม ประเทศกาตาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) รายใหญ่ที่สุดของโลก ยังคงต้องพึ่งพาช่องแคบนี้เกือบทั้งหมดในการขนส่ง LNG ออกสู่ตลาดโลก

และเพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงในพื้นที่ สหรัฐฯ ได้วางกองกำลังของกองเรือที่ 5 ประจำการอยู่ที่บาห์เรน เพื่อคุ้มครองเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ในบริเวณช่องแคบฮอร์มุซ

ประวัติความตึงเครียดในภูมิภาค

ในปี 1973 ประเทศผู้ผลิตน้ำมันอาหรับ นำโดยซาอุดีอาระเบีย ได้ประกาศคว่ำบาตรน้ำมันต่อชาติตะวันตกที่สนับสนุนอิสราเอลในสงครามกับอียิปต์ ส่งผลให้เกิดวิกฤตพลังงานทั่วโลก

ในอดีต ประเทศตะวันตกเป็นลูกค้าหลักของน้ำมันดิบจากชาติอาหรับ แต่ปัจจุบันภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะจีน อินเดีย และญี่ปุ่น กลายเป็นผู้ซื้อหลักของน้ำมันจากกลุ่มโอเปก (OPEC)

สหรัฐฯ เพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่าสองเท่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้เปลี่ยนสถานะจากผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก กลายเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่

ในช่วงสงครามอิหร่าน–อิรัก (ค.ศ. 1980–1988) ทั้งสองประเทศพยายามโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของกันและกันในเหตุการณ์ที่รู้จักกันในชื่อ “สงครามเรือบรรทุกน้ำมัน” หรือ Tanker War เพื่อบ่อนทำลายการส่งออกพลังงานของฝ่ายตรงข้าม

เหตุการณ์สำคัญที่ตอกย้ำความตึงเครียดในช่องแคบฮอร์มุซ

กรกฎาคม 1988 เรือรบสหรัฐฯ ยิงเครื่องบินโดยสารของอิหร่านตกโดยอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 290 คนบนเครื่องบิน ขณะที่อิหร่านมองว่าเป็นการโจมตีโดยเจตนา

มกราคม 2012 อิหร่านขู่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ เพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ และยุโรป

พฤษภาคม 2019 เรือบรรทุกน้ำมัน 4 ลำ รวมถึงเรือของซาอุดีอาระเบีย 2 ลำ ถูกโจมตีใกล้ชายฝั่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกช่องแคบฮอร์มุซ

ปี 2023 และ 2024 อิหร่านยึดเรือพาณิชย์ 3 ลำบริเวณช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งบางกรณีเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ยึดเรือที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน

เหตุการณ์เหล่านี้สร้างความกังวลว่า หากเกิดความขัดแย้งเต็มรูปแบบในอ่าวเปอร์เซีย อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเสถียรภาพของการค้าพลังงานทั่วโลก

สถานการณ์นี้จะส่งผลต่อราคาเชื้อเพลิงในออสเตรเลียอย่างไร

ข้อมูลจากสำนักข่าว ABC รายงานว่าราคาน้ำมันเบนซินในออสเตรเลียอาจพุ่งสูงถึงลิตรละ 2.20 ดอลลาร์ หากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยังยืดเยื้อ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกเพิ่มสูงขึ้น

ปัจจุบัน ราคาน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 178.6 เซนต์ต่อลิตร แต่หากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบยังคงสูงขึ้น อาจทำให้ราคาหน้าปั๊มพุ่งแตะระดับ 2.20 ดอลลาร์ต่อลิตรได้


ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share

Published

Presented by Chayada Powell
Source: Reuters

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand
ช่องแคบฮอร์มุซคืออะไร และจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในออสเตรเลียอย่างไร? | SBS Thai