นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี และพรรคแรงงานชนะการเลือกตั้งทั่วไปแบบถล่มทลาย พร้อมเดินหน้าสู่การดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง
แล้วนโยบายสำคัญที่หาเสียงไว้นั้นจะเริ่มเมื่อไหร่?
พรรคแรงงานคว้าที่นั่งเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้สำเร็จ โดยคาดว่าจะครองอย่างน้อย 92 ที่นั่ง ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน (พรรคร่วมฯ) มีประมาณ 40 ที่นั่ง
ก่อนการเลือกตั้ง พรรคแรงงานได้ประกาศนโยบายสำคัยหลายด้าน ทั้งสาธารณสุข การศึกษา และพลังงาน
เรามีรายละเอียดว่านโยบายเหล่านี้จะเริ่มต้นใช้เมื่อใด
การลดหนี้การศึกษา (HECS cut)
พรรคแรงงานให้คำมั่นว่าจะลดหนี้เงินกู้นักศึกษา (HECS) 20% ซึ่งจะช่วยล้างหนี้รวมประมาณ 16,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับชาวออสเตรเลียราว 3 ล้านคน
นโยบายนี้ครอบคลุมถึงบัญชีเงินกู้ที่ขึ้นกับรายได้ทั้งหมด เช่น HELP, VET Student Loan, Australian Apprenticeship Support Loan และเงินกู้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลประกาศนโยบายนี้ครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยระบุว่าจะเริ่มมีผลภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2025
และล่าสุดนายกรัฐมนตรีอัลบานีซีกล่าวว่าจะผลักดันเรื่องนี้เป็นลำดับแรกทันทีที่รัฐสภากลับมาเปิดสมัยประชุม
ลดหย่อนภาษี (Tax cuts)
รัฐบาลอัลบานีซีประกาศว่าจะลดหย่อนภาษีให้กับผู้เสียภาษีทุกคนในออสเตรเลีย ซึ่งกฎหมายผ่านรัฐสภาเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
แผนลดภาษีนี้จะเริ่มเป็นขั้นตอน โดยเริ่มจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 อัตราภาษีรายได้จะลดจาก 16% เหลือ 15%
และจากนั้นในวันที่ 1 กรกฎาคม 2027 จะลดลงอีกครั้ง เหลือ 14%
สำหรับคนที่มีรายได้มากกว่า $45,000 ต่อปี จะจ่ายภาษีน้อยลงประมาณ $268 ในปีงบประมาณ 2026-27 และจะลดลงอีกเป็น $536 ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2027-28 เป็นต้นไป
การลดหย่อนภาษีสำหรับคนทำงานที่บ้าน (Working from home tax deduction)
รัฐบาลอัลบานีซีให้คำมั่นว่า คนที่ทำงานจากบ้านจะสามารถขอลดหย่อนภาษีได้ทันที $1,000 เพื่อช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการทำงาน
นายอัลบานีซีกล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยลดค่าครองชีพแบบถาวร และทำให้การยื่นภาษีสะดวกและรวดเร็วขึ้นสำหรับผู้เสียภาษีกว่า 5.7 ล้านคน
โดยรัฐบาลระบุว่า การลดหย่อนนี้จะเริ่มใช้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2026-27 เป็นต้นไป
ค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียนต่างชาติ (International student visa fees)
เพื่อระดมทุนสำหรับนโยบายที่หาเสียงไว้ พรรคแรงงานประกาศเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าจะปรับขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักเรียนต่างชาติ จากเดิม $1,600 เป็น $2,000
การขึ้นค่าธรรมเนียมครั้งนี้คาดว่าจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นราว $760 ล้านดอลลาร์ในช่วงประมาณการงบประมาณหน้า
และการปรับค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียนนี้จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
บัล์กบิลลิ่ง (Bulk billing)
อีกหนึ่งนโยบายหลักในการหาเสียงของพรรคแรงงานคือ การปฏิรูประบบบัล์กบิลลิ่ง หรือการพบแพทย์โดยไม่ต้องสำรองจ่ายจ่ายเงินล่วงหน้า (bulk billing)
โดยจะขยายสิทธิประโยชน์ของบัล์กบิลลิ่งให้ครอบคลุมชาวออสเตรเลียทุกคน และเพิ่มเงินสนับสนุนให้กับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ให้บริการแบบบัล์กบิลลิ่งกับผู้ป่วยทุกราย
พรรคแรงงานตั้งเป้าว่า ภายในปี 2030 การพบแพทย์ทั่วไป 9 ใน 10 ครั้งจะเป็นแบบบัล์กบิลลิ่ง
แบตเตอรี่พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar batteries)
รัฐบาลให้คำมั่นว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานหมุนเวียนสำหรับครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็ก ด้วยการลดราคาค่าแบตเตอรี่สำหรับเก็บพลังงานแสงอาทิตย์
โดยมาตรการนี้จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
เงินอุดหนุนการดูแลเด็ก (Subsidised childcare)
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ผ่านกฎหมายใหม่ ที่เปิดโอกาสให้ครอบครัวสามารถเข้าถึงบริการดูแลเด็กโดยได้รับเงินอุดหนุนได้ 3 วันต่อสัปดาห์
ครอบครัวที่มีรายได้ระหว่าง $50,000 ถึง $100,000 ต่อปี คาดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยได้ปีละประมาณ $1,460
โดยพรรคแรงงานมองว่านี่เป็นก้าวสำคัญสู่ระบบดูแลเด็กถ้วนหน้าในอนาคต
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ การยกเลิกข้อกำหนดเรื่อง “การทดสอบกิจกรรมของผู้ปกครอง” (activity tests)
ซึ่งหมายความว่า พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องทำงานหรือเรียนหนังสือจึงจะมีสิทธิ์รับเงินอุดหนุนค่าเลี้ยงดูบุตร และนโยบายนี้จะเริ่มใช้ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2026 เป็นต้นไป