ขณะที่คนทั่วประเทศไว้อาลัย ในเหตุฆาตรกรรมอันน่าสยดสยองของนางแฮนนาห์ คลาร์ก และลูกทั้ง 3 คนของเธอ คือ ดญ.อาไลชาห์ ดญ.ไลอานาห์ และ ดช.เทรย์ โดยน้ำมือพ่อของพวกเขาเอง คนจำนวนมากกำลังพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา และบางทีอาจอยากเรียนรู้จากเรื่องนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกในอนาคต
READ MORE

เหตุเผาครอบครัวทำผู้ชายหลายคนฉุกคิด
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เรารู้ว่า การกระทำรุนแรงต่อผู้หญิงและลูกๆ ของเธอ ไม่ใช่เรื่องที่พบเจอได้ยาก โดยเฉลี่ยมีผู้หญิง 1 คน ถูกฆาตรกรรมในประเทศออสเตรเลียทุกสัปดาห์ โดยฆาตรกรเป็นคู่ครองในอดีตหรือปัจจุบันของพวกเธอเอง
การฆ่ายกครัว – คือการฆาตรกรรมคนในครอบครัว โดยที่ฆาตรกรฆ่าคู่ครองและลูกๆ ของพวกเขา อาจจะเป็นเรื่องที่พบเจอได้ยากมากกว่า แต่การวิจัยบอกเราว่า วิธีการที่เราคิด พูด และเขียนเกี่ยวกับกรณีเหล่านั้นเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะมันจะกำหนดทัศนคติของสังคมและส่งอิทธิพลต่อหนทางที่เราพยายามจะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น
ในบริบทนี้ เราจำเป็นจะต้องเข้าใจว่าการฆ่ายกครัวเป็นรูปแบบหนึ่งของความรุนแรงที่เกิดจากพื้นฐานของเพศสภาพ (gender-based violence) ไม่ว่าเหตุเหล่านั้นจะมีประวัติการถูกทำร้ายร่างกายมาก่อนหรือไม่ก็ตาม
ลักษณะร่วมในการฆ่ายกครัว

แม้ว่าจะมีงานวิจัยเกี่ยวกับการฆ่ายกครัวอยู่ไม่มาก แต่สิ่งที่เรารู้ชี้ให้เห็นว่ามันเป็นอาชญากรรมที่ได้รับอิทธิพลจากพื้นฐานของเพศสภาพ (gendered crime) เป็นอย่างสูง
การเรียกว่าเป็น ความรุนแรงที่เกิดจากพื้นฐานของเพศสภาพ (gender-based violence) ไม่ใช่แค่การพุ่งเป้าไปว่ามันคือความรุนแรงของเพศชายต่อเพศหญิง แม้ว่าส่วนใหญ่จะใช่ก็ตาม แต่มันคือความรุนแรงที่ถูกผลักดันโดยสังคมและโครงสร้างมิติของเพศสภาพ
นั่นหมายความว่าเพศสภาพมีบทบาทสำคัญว่าใครคือผู้ที่กระทำความรุนแรง และใครคือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ กระทำอย่างไรและเหตุใดจึงทำเช่นนั้น
ในหลายกรณีของการฆ่ายกครัว การวิจัยแสดงให้เห็นว่า โดยมากส่วนใหญ่มักจะกระทำโดยเพศชายที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบคู่รักต่างเพศ
ประวัติความรุนแรงในครอบครัวคือปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ แต่การศึกษาวิจัยการฆ่ายกครัวในแต่ละราย แสดงอัตราความรุนแรงที่แตกต่างกัน แต่จากรายงานล่าสุดของงานวิจัยที่ออกมา พบว่าจากกรณีฆ่ายกครัวต่างๆ พบว่ามีการระบุถึงประวัติความรุนแรงในครอบครัวร้อยละ 39-92 ของกรณีเหล่านั้น
อีกปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ การที่เหยื่อที่เป็นผู้ใหญ่ กำลังขอเลิกหรือแสดงความต้องการที่จะออกจากความสัมพันธ์นั้นของพวกเขา
อย่างไรก็ตามการฆ่ายกครัวไม่จำเป็นต้องเคยมีความรุนแรงเกิดขึ้นมาก่อน แต่ความปรารถนาและความรู้สึกอยากมีสิทธิ์ควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควบคุมเหนืออำนาจทางการเงินและเหนือสถาบันครอบครัว กลายเป็นลักษณะร่วมกันที่พบได้บ่อย การฆ่ายกครัวโดยมากจะเกิดขึ้นเมื่อเผชิญการสูญเสียการควบคุมในด้านต่างๆ เหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “หัวหน้าครอบครัว” ที่เป็นผู้ชาย
การสูญเสียความควบคุมในแง่มุมของ “ความเป็นชาย” คือหัวใจสำคัญในการฆ่ายกครัว แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีประวัติอย่างชัดเจนของการข่มเหงในครอบครัวก็ตาม ในผู้ก่อเหตุบางราย พฤติกรรมของพวกเขาอาจดูเหมือนเกิดขึ้น “อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย” แต่สิ่งนี้ได้ถูกอธิบายไว้ในการศึกษาวิจัย ชี้ว่า ชีวิตที่กำลังหลุดลุ่ยของพวกเขานั้น ความจริงแล้วถูกผูกไว้อย่างแน่นหนากับอัตลักษณ์ทางเพศสภาพของพวกเขา
ประกอบกับปัจจัยที่ว่า บรรดาการฆ่ายกครัวนั้นมักจะ มีการวางแผนล่วงหน้า
file-20200224-24694-rmqef7.jpg?ixlib=rb-1.1.0&q=45&auto=format&w=754&fit=clip
การควบคุมคือปัจจัยของการฆาตกรรมส่วนใหญ่
หลายปัจจัยเหล่านี้ ถูกพบในกรณีการฆ่ายกครัวครั้งที่ผ่านๆ มาในประเทศออสเตรเลีย ทั้งปัญหาทางการเงิน การใกล้จะแยกทางกัน ข้อพิพาทเรื่องสิทธิปกครองบุตร และการวางแผนฆาตรกรรมอย่างระมัดระวัง
ยกตัวอย่างในปี 2016 นายเฟอร์นันโด แมนริคิว ฆาตรกรรมนางมาเรีย ลัทซ์ และลูกทั้ง 2 คนของพวกเขาคือ ด.ช.มาร์ติน และด.ญ.เอลิสา โดยการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เข้าไปในบ้านขณะที่พวกเขาหลับ โดยตัวเขาเองก็เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจากก๊าซนั้นเช่นกัน
ในการไต่สวนหาความจริงของการฆาตรกรรมดังกล่าวพบว่า แม้ว่าจะไม่มีประวัติที่ภายนอกรับรู้เกี่ยวกับความรุนแรงในความสัมพันธ์ดังกล่าว แต่นายแมนริคิวมีพฤติกรรม “หึงหวง” ต่อภรรยาของเขา มีความตึงเครียดทางการเงิน และมีการวางแผนการก่ออาชญากรรมเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ หลังจากที่เขาทราบว่านางมาเรียกำลังจะจากเขาไป
READ MORE

พวกเขาพยายามให้เธอ “หลบหนี” จากสามี
จากข้อมูลที่เรามีในปัจจุบันเกี่ยวกับคดีฆาตรกรรมนางคลาร์กและลูกๆ ของเธอ ทราบว่าตัวเธอนั้นต้องพบกับการ “ถูกบังคับควบคุม” โดยการแต่งกายของเธอ และความเคลื่อนไหวต่างๆ ของเธอถูกควบคุมอย่างใกล้ชิด และถูกบีบบังคับให้ต้องทำตามโดยสามีของเธอเอง
นางคลาร์กยังได้รับหมายคุ้มครองจากศาลเรื่องความรุนแรงในครอบครัวเพื่อปกป้องเธอให้ปลอดภัยจากสามี เธอเพิ่งออกจากความสัมพันธ์และได้แสดงความกลัวว่าสามีอาจจะฆ่าเธอได้ การควบคุมและการสูญเสียความสามารถในการควบคุมที่ใกล้เข้ามา คือสาเหตุที่ทำให้นายแบกซ์เตอร์ก่อเหตุเช่นนั้นต่อนางคลาร์กและลูกๆ ของเธอ โดยเด็กๆ ก็สามารถเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่เกิดจากพื้นฐานของเพศสภาพ ได้เช่นกัน
สื่อมวลชนพูดถึงเรื่องนี้อย่างไร
ข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนออกไปเกี่ยวกับการฆ่ายกครัวครั้งที่ผ่านมา สื่อมักจะเน้นไปที่สถานการณ์ส่วนตัวของผู้กระทำผิด ปัญหาเรื่องการเงิน และความเจ็บปวดกับความโศกเศร้าที่พวกเขาต้องเผชิญ
บ่อยครั้ง เวลาที่พ่อฆาตรกรรมลูกๆ ของตน มีแนวโน้มที่จะถูกรายงานผ่านสื่อว่าเป็นเรื่องของความเจ็บป่วยทางจิตมากกว่าจะเป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากพื้นฐานของเพศสภาพ
นอกจากนี้ สื่อมวลชนกระแสหลักโดยมาก มักละเลยที่จะเพิ่มข้อมูลหน่วยงานช่วยเหลือความรุนแรงทางครอบครัว เช่น 1800Respect ในการรายงานข่าวกรณีเหล่านี้
การรายงานข่าวฆ่ายกครัวของนายแบกซ์เตอร์ เริ่มเห็นการเพิ่มข้อมูลหน่วยงานช่วยเหลือความรุนแรงทางครอบครัวเข้าไปในรายงานข่าวมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการได้ข้อมูลตั้งแต่ช่วงแรกถึงประวัติความรุนแรงในครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกับการรายงานข่าวแบบเรียบเฉย เช่นการใช้ภาษาแบบลดความรุนแรงในการรายงานข่าวของกรณีดังกล่าว และยังจัดวางให้ตัวของนายแบกซ์เตอร์เป็นเหยื่อคนหนึ่งด้วย
เรียกได้ว่าความรุนแรงทางเพศเติมเชื้อเพลิงให้กับสงครามวัฒนธรรม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ถ้าเราต้องการชี้ถึงการฆ่ายกครัว เราต้องปล่อยวางเรื่องสงครามทางวัฒนธรรมไว้ชั่วขณะ และใช้ความรู้ที่มีอยู่เพื่อจัดการกับสาเหตุเหล่านั้นที่เป็นรากฐานแห่งปัญหา
หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักกำลังได้รับผลกระทบจากการข่มเหงทางเพศ หรือจากความรุนแรงในครอบครัว ให้โทรศัพท์ไปที่หมายเลข 1800RESPECT หรือ 1800 737 732 หรือไปที่เว็บไซต์ 1800RESPECT.org.au ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้โทรศัพท์ไปที่หมายเลข 000
ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ sbs.com.au/thai ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ facebook.com/sbsthai
เรื่องราวที่น่าสนใจ

วิกตอเรียกับเอซีทีประกาศภาวะฉุกเฉินจัดการวิกฤตโคโรนา