ทำไมประเทศเพื่อนบ้านของออสเตรเลียจึงขายหนังสือเดินทางในราคา 200,000 ดอลลาร์

การประกาศขายหนังสือเดินทางแก่ผู้สนใจของเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการระดมทุนเพื่อเพิ่มงบประมาณในการเคลื่อนย้ายประชาชนของประเทศออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Graphic showing the Nauru coastline and some passports

รัฐบาลนาอูรูประกาศขายหนังสือเดินทางซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือโครงการการจัดการกับผลกระทบเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Source: SBS

ประเทศนาอูรูเป็นเพื่อนบ้านในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกของออสเตรเลีย และกำลังริเริ่มมีโครงการประกาศขายหนังสือเดินทางของประเทศ

เพื่อสบทบงบประมาณช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายผู้อยู่อาศัยหลายพันคนออกจากบ้านเรือนที่อยู่ในระดับต่ำที่มีแนวโน้มจะถูกน้ำท่วมจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น

หนังสือเดินทางของประเทศนาอูรูจะมีราคาขั้นต่ำตั้งแต่ 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ (204,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย) สำหรับผู้สมัครคนเดียวหรือค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 2-4 คนจะประมาณ 137,500 ดอลลาร์สหรัฐ (216,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย)

และสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปมีค่าใช้จ่ายประมาณ 145,000 ดอลลาร์สหรัฐ (227,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย)

ซึ่งผู้สมัครที่ประสบความสำเร็จได้รับสัญชาติและมีสิทธิ์ถือหนังสือเดินทางของนาอูรู

เหตุใดนาอูรูจึงขายหนังสือเดินทาง

โครงการให้สัญชาตินี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการย้ายถิ่น และช่วยให้ผู้ถือหนังสือเดินทางสามารถไปเยี่ยมเยือนหลายๆ ประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

แม้ว่าผู้คนจำนวนมากที่ซื้อหนังสือเดินทางของนาอูรูอาจไม่เคยไปเยือนประเทศแปซิฟิกเลย

แต่ข้อดีคือหากคุณถือหนังสือเดินทางของนาอูรูคุณจะสามารถเดินทางไปยังหลายๆ ประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เช่น ฮ่องกง ไอร์แลนด์ สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร


เช่นเดียวกับเกาะเล็กๆ อื่นๆ ในแปซิฟิกใต้ นาอูรูมีความเสี่ยงต่อผลกระทบจากกการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีการประเมินว่าพื้นที่มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของนาอูรูไม่สามารถอยู่อาศัยได้

นอกจากนั้นประเทศนี้กำลังเผชิญกับการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ซึ่งคุกคามพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่อยู่ต่ำ

เพื่อเป็นการสนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถในการอยู่รอดของนาอูรู รัฐบาลได้จัดตั้งโครงการ Higher Ground Initiative (HGI) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะย้ายที่อยู่อาศัยและโครงสร้างพื้นฐานที่มีตกอยู่ในความเสี่ยงไปยังพื้นที่ที่สูงขึ้น
หมู่เกาะแปซิฟิกเป็นพื้นที่รับความเสี่ยงจากของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก่อนพื้นที่อื่นๆ ซึ่งทำให้อนาคตของผู้คนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวเริ่มมีความไม่แน่นอนมากขึ้น

นอกจากนี้ประเทศในแถบนี้ยังมีแผนงานขยายการผลิตอาหารในท้องถิ่น ฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติที่เสื่อมโทรม และบุกเบิกวิถีชีวิตแบบใหม่บนเกาะแปซิฟิก

ตามที่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความสามารถในการฟื้นตัวของชาติของประเทศนาอูรูระบุว่า HGI เป็น "การดำเนินงานจากรุ่นสู่รุ่น" และ "มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่รอดในระยะยาวและความอยู่รอดของนาอูรูในฐานะรัฐชาติที่มีอธิปไตย"

โครงการนี้ได้ชื่อว่าเป็น "การดำเนินการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศที่สำคัญที่สุดประการเดียวของนาอูรู"

ความสัมพันธ์ของออสเตรเลียกับนาอูรูเป็นอย่างไร?

ในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ออสเตรเลียและนาอูรูมีความสัมพันธ์ที่ต่อกันมายาวนาน โดยที่ออสเตรเลียเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดของนาอูรู

ในเดือนธันวาคม 2024 นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี และประธานาธิบดีเดวิด ไวเอารานีบก อาเดียง ของนาอูรูได้ลงนามในสนธิสัญญานาอูรู-ออสเตรเลีย

ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยส่งเสริมความปลอดภัยและความมั่นคงทางเศรษฐกิจระหว่างกัน

นอกจากนั้นประเทศนาอูรูยังเป็นที่ตั้งของสถานกักกันผู้อพยพนอกชายฝั่งของออสเตรเลีย ซึ่งผู้ขอลี้ภัยที่เดินทางมาทางเรือจะถูกส่งไปกักตัวที่นั่น

ในทศวรรษ 1960 รัฐบาลออสเตรเลียเสนอให้อพยพชาวนาอูรูทั้งหมดไปอาศัยยังเกาะเคอร์ติสนอกชายฝั่งควีนส์แลนด์

สาเหตุจากความเสียหายเป็นวงกว้างจากการขุดฟอสเฟตโดยบริษัทของออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอังกฤษในนาอูรู

นอกจากสร้างความเสียหายกับบริษัทต่างๆ นอกเหนือไปจากนั้นผลกระทบที่ตามมาทำให้นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าประเทศแห่งนี้อาจจะจะไม่เหมาะสมในการอยู่อาศัย

ในเวลานั้นออสเตรเลียไม่ได้ให้อำนาจอธิปไตยเหนือเกาะเคอร์ติสกับนาอูรู แต่จะมอบสถานะพลเมืองออสเตรเลียแก่ชาวนาอูรูแทน

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นชาวนาอูรูปฏิเสธที่จะย้ายไปเกาะเคอร์ติสตามข้อเสนอของออสเตรเลีย

และทำให้นาอูรูก็กลายเป็นประเทศเอกราชในปี 1968 และเริ่มดำเนินกิจการเหมืองของตนเองตั้งแต่นั้นมา

ออสเตรเลียช่วยเหลือประเทศในแปซิฟิกที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไร

นาอูรูเป็นหนึ่งในหลายประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เผชิญกับผลกระทบร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และออสเตรเลียสนับสนุนการดำเนินการด้านสภาพอากาศในพื้นที่เหล่านี้ผ่านโครงการริเริ่มและข้อตกลงด้านเงินทุนต่างๆ

ซึ่งรวมถึงโครงการสนับสนุนสภาพภูมิอากาศและมหาสมุทรในแปซิฟิกระยะที่ 3 ในชื่อโครงการ Australian Humanitarian Partnership Disaster READY และ Pacific Resilience Facility

ในปี 2023 ออสเตรเลียและประเทศตูวาลูได้ประกาศข้อตกลงทั้งสองฝ่าย โดยแต่ละปีออสเตรเลียจะรับชาวตูวาลูจำนวน 280 คนที่ต้องเผชิญกับการพลัดถิ่นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

หลังการประกาศดังกล่าว เพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคยินดีที่จะลงนามในข้อตกลงที่คล้ายคลึงกันกับออสเตรเลีย

A beach with a palm tree in the foreground
ประเทศนาอูรูประกาศขายหนังสือเดินทางเพื่อระดมทุนเพื่อช่วยบรรเทาความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Source: AAP / Ben McKay
หลังจากทำข้อตกลงถิ่นที่อยู่กับตูวาลูออสเตรเลียกล่าวว่าประตูยังเปิดกว้างสำหรับการทำข้อตกลงกับชาติแปซิฟิกอื่นๆ

ในขณะนั้น รองนายกรัฐมนตรี ริชาร์ด มาร์ลส์ กล่าวว่าออสเตรเลียต้องมีหน้าที่รับผิดชอบเพื่อให้แน่ใจว่าประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกจะไม่กลายเป็นพื้นที่ที่ด้อยพัฒนาที่สุดในโลก

“นี่เป็นขั้นตอนที่ฉันหวังว่าประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิกจะยินดีให้ความร่วมมือ เพราะมันแสดงถึงก้าวสำคัญในการมีส่วนร่วมที่สำคัญของออสเตรเลียในมหาสมุทรแปซิฟิก” เขากล่าว

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ sbs.com.au/thai

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ facebook.com/sbsthai

สามารถติดตามเราได้ในช่องทางใหม่ทาง Instagram ที่ sbs_thai

Share

Published

By Jessica Bahr
Source: SBS

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand