หลังเกิดเหตุภูเขาไฟฟากาอารีของนิวซีแลนด์ปะทุ เมื่อวานนี้ (10 ธ.ค.) มีการตั้งคำถามว่า เหตุใดนักท่องเที่ยวจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังพื้นที่ซึ่งมีภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและได้รับการเฝ้าระวังมาเป็นเวลาหลายปี
มีผู้เสียชีวิต 6 คน และอีก 8 คน ซึ่งมีชาวนิวซีแลนด์ และนักท่องเที่ยวจากออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ จีน และมาเลเซีย ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่รวมในยอดดังกล่าวแต่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว
นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กล่าวว่า “จะมีหลายคำถามที่จะต้องได้รับคำตอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สถานที่แห่งนั้นคือภูเขาไฟที่ยังไม่ดับซึ่งคาดเดาอะไรไม่ได้”
ขณะที่ จีโอเน็ท (Geonet) ศูนย์เตือนธรณีพิบัติภัยแห่งชาติของนิวซีแลนด์ได้ติดตามกิจกรรมของภูเขาไฟลูกนี้บนเกาะฟากาอารี พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ส่วนบุคคล และขึ้นอยู่กับผู้จัดทัวร์ว่าจะตัดสินใจให้มีการเข้าเยี่ยมชมได้เมื่อใด

New Zealand Prime Minister Jacinda Ardern meets with first responders at the Whakatane Fire Station. Source: Getty
หลังการปะทุของภูเขาไฟดังกล่าวในปี 2016 จีโอเน็ทได้จัดให้ภูเขาไฟแห่งนี้อยู่ในการเตือนภัย โดยเปลี่ยนจากระดับ 1 เป็นระดับ 2 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการปะทุขนาดเล็กเกิดขึ้น
ทั้งนี้ เกาะฟากาอารี (Whakaari) หรือไวท์ ไอแลนด์ (White Island) ตั้งอยู่บนวงแหวนไฟในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นจุดที่เกิดแผ่นดินไหวและการปะทุของภูเขาไฟอยู่บ่อยครั้ง และเป็นยอดของภูเขาไฟใต้ทะเลซึ่งทอดยาวเป็นพื้นที่ 48 กิโลเมตร จากชายฝั่งเมืองฟากาทาเน (Whakatane) ทางตะวันออกพื้นที่เกาะตอนเหนือของนิวซีแลนด์
ไวท์ ไอแลนด์ ทัวร์ (White Island Tour) หนึ่งในผู้จัดทัวร์ท่องเที่ยวได้รับุบนเว็บไซต์ ซึ่งต่อมาได้ถูกลบออกไปว่า ทางบริษัทจัดทัวร์ในช่วงที่ระดับการเตือนภัยแปรผัน แต่ได้ระบุเพิ่มเติมอีกว่า ผู้โดยสารควรทราบไว้เสมอว่า อาจมีกิจกรรมการปะทุของภูเขาไฟเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าการเตือนภัยจะอยู่ในระดับใดก็ตาม

นักท่องเที่ยวขณะกำลังถ่ายภาพภูเขาไฟฟากาอารีปะทุ Source: EPA
นอกจากนี้ เว็บไซต์ดังกล่าวยังได้ระบุไว้อีกว่า ทางบริษัทได้ “ปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยที่ครอบคลุม ซึ่งจะกำกับดูแลการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของเราบนเกาะแห่งนี้ในระดับเตือนภัยที่แตกต่างกัน”
นายพอลล์ ควินน์ (Paul) ประธานของ งาติ อวา โฮลด์ดิง (Ngati Awa Holding) ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการไวท์ ไอแลนด์ ทัวร์ กล่าวกับวิทยุเรดิโอนิวซีแลนด์ว่า การเตือนธรณีพิบัติภัยในระดับสูงเมื่อช่วงสองสามสัปดาห์ก่อนนั้น ไม่อยู่ในระดับที่บริษัทต้องหยุดการทำกิจกรรมการท่องเที่ยว
“หากเป็นระดับ 3 ขึ้นไป เราจะปฏิบัติตามเกณฑ์ของจีโอเน็ทโดยตรง แต่ในระดับ 2 นั้น อยู่ในแนวทางการจัดกิจกรรมของเรา” นายควินน์กล่าว
โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับอนุญาตให้เดินทางไปยังเกาะแห่งนี้ในฐานะลูกทัวร์ของบริษัทดังกล่าวเท่านั้น และจะได้รับหมวกเนื้อหนา และหน้ากากเพื่อป้องกันก๊าซกำมะถัน มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ราว 10,000 คนต่อปี
นางรอส ดาวลิง (Ross Dowling) นักวิจัยด้านการท่องเที่ยวของมหาวิทยาลัยเอดิธ โคแวน (Edith Cowan University) ในนครเพิร์ธ กล่าวว่า “จำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมภูเขาไฟที่ยังไม่ดับนั้นมีเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา และการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย”

White Island Tour operators rescuing people from the Island after the eruption. Source: Twitter / Michael Schade
“สิ่งที่เป็นแรงจูงใจก็คือ การได้ไปเยี่มชนสถานที่ซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่คาดเดาไม่ได้ และสำหรับนักท่องเที่ยวส่วนมาก พวกเขาคาดหวังว่าจะสามารถเยี่ยมชมสถานที่ซึ่งมีอันตรายเหล่านั้นได้ ภายใต้ความปลอดภัยที่เหมาะสม”
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ เรย์ แคส (Ray Cas) จากวิทยาลัยโลก อากาศ ชั้นบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยโมแนช กล่าวกับ Science Media Centre ว่า “ไวท์ ไอแลนด์ คือหายนะที่รอวันเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายปี”
“ผมเคยไปเยี่ยมชมอยู่สองครั้ง ผมรู้สึกตลอดเวลาว่ามันอันตรายเกินไปที่จะอนุญาตให้กลุ่มนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมสถานที่ซึ่งผู้คนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้แห่งนี้กันแบบรายวัน ทั้งทางเรือหรือเฮลิคอปเตอร์” เขากล่าวเสริม
นายเชน โครนิน (Shane Cronin) นักวิทยาภูเขาไฟ กล่าวกับ Science Media Centre ว่า “การปะทุแบบฉับพลันและไม่ทันตั้งตัวจากภูเขาไฟอย่างที่ ไวท์ ไอแลนด์นั้น สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์ sbs.com.au/thai ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ facebook.com/sbsthai
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย

คาดอีก 3 ปีข้างหน้าราคาไฟฟ้าออสเตรเลียจะถูกลง