ลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างต่ำที่สุดในออสเตรเลียจะได้รับการปรับขึ้นค่าแรง 3.5% ตามมติของคณะกรรมาธิการแฟร์เวิร์ก (Fair Work Commission)
โดยค่าแรงขั้นต่ำระดับชาติจะเพิ่มจากชั่วโมงละ 24.10 ดอลลาร์ เป็น 24.94 ดอลลาร์ หรือจากสัปดาห์ละ 915.90 ดอลลาร์ เป็น 947.95 ดอลลาร์ (สำหรับชั่วโมงทำงานมาตรฐาน 38 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม และกระทบแรงงานประมาณ 1 ใน 5 คนทั่วประเทศที่ได้รับค่าจ้างตามมาตรฐาน (award wage)
คณะกรรมาธิการแฟร์เวิร์ก (Fair Work Commission) ประกาศมติดังกล่าวที่นครซิดนีย์เมื่อเช้าวันอังคาร (3 มิ.ย.)
หลังพิจารณาข้อเสนอจากรัฐบาลและภาคส่วนต่าง ๆ ในกระบวนการทบทวนค่าแรงประจำปี
อดัม แฮทเชอร์ ประธานคณะกรรมการฯ ระบุว่า กลุ่มแรงงานที่พึ่งพาระบบค่าแรงขั้นต่ำนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและประกอบด้วยลูกจ้างชั่วคราวหรือลูกจ้างพาร์ตไทม์เป็นจำนวนมาก
“เรากังวลว่า หากไม่ใช้โอกาสในการทบทวนค่าแรงประจำปีนี้ ความสูญเสียของค่าแรงตามมูลค่าจริงที่เกิดขึ้น อาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบค่าจ้างสมัยใหม่อย่างถาวร” เขากล่าว
“และจะส่งผลให้ค่าแรงขั้นต่ำระดับชาติ และคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อยที่สุดในสังคมแย่ลงตลอดไป”
แต่สหภาพแรงงานเสนอให้ปรับขึ้นค่าแรง 4.5% แซลลี แมกมานัส เลขาธิการสภาสหภาพแรงงานแห่งออสเตรเลีย (ACTU) ระบุว่า การขึ้นค่าแรงต่ำกว่า 2.5% ถือว่าเป็นอัตรา “เลวร้าย”
“เราต้องการให้คนทำงานได้รับมากขึ้นบ้าง เพราะหลายปีที่ผ่านมาค่าครองชีพพุ่งสูง แต่ค่าแรงกลับตามไม่ทัน” แมกมานัสให้สัมภาษณ์กับ ABC ก่อนการประกาศมติ
ด้านหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งออสเตรเลีย (ACCI) เสนอให้ขึ้นไม่เกิน 2.5% โดยให้เหตุผลว่าการขึ้นมากกว่านี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
พรรคแรงงานสนับสนุนให้ปรับขึ้นสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอยู่ที่ 2.4% เมื่อช่วงสิ้นเดือนมีนาคม
ในปี 2024 ที่ผ่านมาคณะกรรมการแรงงานยุติธรรมฯ เคยปรับขึ้นค่าจ้างตามมาตรฐาน (award wage) ที่ 3.75% ซึ่งยังต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อประจำปีซึ่งอยู่ที่ 3.8%

แซลลี แมกมานัส เลขาธิการสภาสหภาพแรงงานแห่งออสเตรเลีย (ACTU) แสดงความยินดีกับการขึ้นค่าแรงครั้งนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอเรียกร้องให้ปรับขึ้น 4.5% Source: AAP / James Ross
“คนอาจจะตัดสินใจไม่ซื้อกาแฟ ไม่ซื้อแซนด์วิช หรือไม่สั่งเบียร์แต่เขาไม่สามารถลดค่าเช่าร้านหรือลดค่าสาธารณูปโภคได้”
ลุค แอคเตอร์สตราท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสภาองค์กรธุรกิจขนาดเล็กแห่งออสเตรเลีย (Council of Small Business Organisations Australia)
กล่าวว่าผู้ประกอบการต้องเป็นฝ่ายแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการขึ้นค่าแรง
“การปรับขึ้นค่าแรง 3.5% ในวันนี้ ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อปัจจุบัน จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งหลายแห่งก็ประคองตัวอยู่บนกำไรที่น้อยอยู่แล้ว” เขาระบุในแถลงการณ์
“เจ้าของกิจการจำนวนไม่น้อยอาจต้องควักเงินส่วนตัวมารับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าได้อีกต่อไป”

นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี กล่าวย้ำว่า การขึ้นค่าแรงครั้งนี้จะไม่ทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น
“สิ่งที่เรามุ่งหวังคือให้ประชาชนไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังท่ามกลางค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น”
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวทั้งนี้ ในปี 2024 คณะกรรมการแรงงานยุติธรรมแห่งชาติ (FWC) เคยปรับขึ้นค่าจ้างตามมาตรฐาน (award wage) ที่ 3.75% ซึ่งต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อประจำปีที่อยู่ที่ 3.8% เล็กน้อย