ความพยายามในการส่งออกปูเสฉวนจากรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียกำลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก โดยหนึ่งในพรรคการเมืองเสนอให้ยุติการค้าสัตว์ชนิดนี้ เนื่องจากกังวลเรื่องสวัสดิภาพสัตว์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เมิร์ฟ คูเปอร์ เจ้าของธุรกิจ “Crazy Crabs” ที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 1979 เป็นผู้ขายปูเสฉวนบกสายพันธุ์ออสเตรเลียให้กับร้านสัตว์เลี้ยงภายในประเทศ รวมถึงส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ฮ่องกงและสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ใบอนุญาตส่งออกของเขาหมดอายุไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และขณะนี้กระทรวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงาน สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรน้ำของรัฐบาลกลาง (Department of Climate Change, Energy, the Environment and Water: DCCEEW)
กำลังพิจารณาการขอต่ออายุใบอนุญาตซึ่งจะสามารถส่งออกได้อีก 3 ปี จากประเด็นนี้พรรค Animal Justice Party ระบุว่าเป็น “การตัดสินใจที่มักง่ายและขาดวิสัยทัศน์”
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเก็บปูเสฉวนจากธรรมชาติอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และยังไม่มีข้อมูลเพียงพอว่าการค้านี้จะยั่งยืนหรือไม่ เนื่องจากออสเตรเลียยังมีช่องว่างด้านกฎระเบียบในการดูแลการค้าปูเสฉวน
เอสบีเอส นิวส์ พยายามติดต่อ คุณ คูเปอร์เพื่อขอความเห็น แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
ธุรกิจที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก
ปูเสฉวนสายพันธุ์ Coenobita variabilis เป็นสัตว์เฉพาะถิ่นของออสเตรเลีย พบได้เฉพาะบริเวณชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย และบางส่วนของนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี
ในข้อเสนอยื่นต่อกระทรวง DCCEEW บริษัท Crazy Crabs ระบุว่าโดยเฉลี่ยแล้วมีการเก็บปูเสฉวนราว 30,000 ตัวต่อปี โดยในช่วงฤดูร้อน
เจ้าของธุรกิจและทีมงานขนาดเล็กจะออกเก็บปูเสฉวนเวลากลางคืนเป็นเวลา 4–6 วัน โดยใช้ไฟฉายและถังพลาสติก ปูที่มีขนาดเล็กมากจะถูกปล่อยไว้บนชายหาด
บริษัทอ้างว่า การเก็บปูจะทำเพียงปีละไม่กี่ครั้ง และไม่ส่งผลกระทบต่อประชากรปูในธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพียงพอเกี่ยวกับผลกระทบของการเก็บปูเสฉวนจากธรรมชาติในออสเตรเลีย

ในแต่ละปี เมิร์ฟ คูเปอร์ เก็บปูเสฉวนประมาณ 30,000 ตัวจากชายหาดในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เพื่อนำส่งให้ร้านขายสัตว์เลี้ยงทั่วประเทศออสเตรเลีย Source: Getty / Jamie La
จึงเป็นเรื่องยากที่จะทราบแน่ชัดว่ามีผู้ประกอบการส่งออกปูเสฉวนกี่ราย เก็บปูได้ปริมาณเท่าใด และกิจกรรมนี้ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติมากน้อยแค่ไหน
จากรายงานของสำนักข่าว ABC ปี 2022 ข้อมูลจากหน่วยงานประมงรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียระบุว่า มีการเก็บปูเสฉวนบกประมาณ 80,000 ตัว โดยมีผู้ประกอบการเพียง 2 รายในปีนั้น
และประเมินว่า มูลค่าเชิงพาณิชย์ของใบอนุญาตค้าปูเสฉวนอาจสูงถึง 1–5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
โฆษกกระทรวง DCCEEW ระบุว่า รัฐบาลกลางควบคุมการค้าสัตว์ป่าและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะที่มาจากสัตว์พื้นถิ่นของออสเตรเลีย เช่น ปูเสฉวน
แต่พรรค Animal Justice Party แย้งว่าคำขอใบอนุญาตครั้งนี้สะท้อนถึง “ช่องโหว่ทางวิทยาศาสตร์” ในกระบวนการพิจารณา และอาจเปิดทางให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์จากสัตว์ป่ามากขึ้น
จอร์จี เพอร์เซล ส.ส.ระดับบนรัฐวิกตอเรียจากพรรคดังกล่าวระบุว่า “ข้อเสนอนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนของความล้มเหลวของรัฐบาลกลางในการรักษามาตรฐานด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด”
แอมานดา ดอร์น สมาชิกวุฒิสภารัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย แสดงความกังวลว่า หากปล่อยให้การค้าปูเสฉวนดำเนินต่อไปโดยไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ระบบนิเวศที่เปราะบางอาจได้รับความเสียหายอย่างไม่อาจย้อนกลับได้ พร้อมระบุว่า
“การอนุญาตให้ส่งออกสัตว์พื้นถิ่นในเชิงพาณิชย์โดยไม่มีการประเมินระบบนิเวศอย่างรอบด้าน ถือเป็นเรื่องมักง่ายและขาดวิสัยทัศน์”
ในข้อเสนอขอต่อใบอนุญาต บริษัท Crazy Crabs ระบุว่า กรมอุตสาหกรรมปฐมภูมิและการพัฒนาภูมิภาคของรัฐ (DPIRD) ไม่ได้จัดให้ปูเสฉวนสายพันธุ์ Coenobita variabilis อยู่ในกลุ่มที่ต้องมีแผนการจัดการอนุรักษ์อย่างเป็นทางการ
บริษัทชี้แจงว่า ทางบริษัทมีการรายงานจำนวนปูและพื้นที่ที่เก็บทุกเดือนตามที่กฎหมายรัฐกำหนด และเสริมว่า
เราเก็บปูเสฉวนมาแล้วกว่า 50 ปี และไม่เห็นความจำเป็นต้องมีข้อจำกัด เพราะไม่ได้ไปเก็บที่เดิมซ้ำทุกปี จึงยังมีปูให้เก็บอยู่เสมอบริษัทขายปูเสฉวน Crazy Crabs
ด้านทิม นิโคลส์ ผู้จัดการจากหน่วยงานประมงรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC เมื่อปี 2022 ว่า ปูเสฉวนสายพันธุ์นี้มีจำนวนมากในธรรมชาติ และไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากระดับกิจกรรมการเก็บที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน
ผู้เชี่ยวชาญเตือน “พึ่งพาระบบรายงานตัวเอง” อาจเสี่ยงต่อระบบนิเวศ
คิม เฟดเดมา ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าสัตว์ป่าและอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย อิดิธ โควาน (Edith Cowan) กล่าวกับ SBS News ว่า การค้าปูเสฉวนในออสเตรเลียยังพึ่งพาการประเมินของผู้ถือใบอนุญาตเป็นหลัก โดยไม่มีข้อมูลประชากรพื้นฐานหรือระบบตรวจสอบอิสระจากภายนอก
“เราจำเป็นต้องรู้ว่ามีจำนวนปูเสฉวนอยู่ในพื้นที่เหล่านั้นมากแค่ไหน และพวกมันมีบทบาทอย่างไรในระบบนิเวศโดยรวม” เธอกล่าว
"ถ้าไม่มีข้อมูลพื้นฐาน ก็ไม่มีทางประเมินได้เลยว่าการค้านี้ยั่งยืนหรือไม่"
แม้การส่งออกสัตว์พื้นถิ่นในระดับระหว่างประเทศจะอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลกลาง แต่ปูเสฉวนยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนว่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองอย่างเป็นทางการ
เฟดเดมาระบุว่า สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมักถูกมองข้ามในระบบกฎหมาย เนื่องจากตรวจสอบยาก และถูกมองว่าไม่มีรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่มีจิตรับรู้ (sentient) เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

คิม เฟดเดมา ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าสัตว์ป่า ระบุว่า อุตสาหกรรมนี้จำเป็นต้องมีการกำกับดูแลมากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าสวัสดิภาพของปูเสฉวนได้รับการคุ้มครอง และเข้าใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเก็บพวกมันออกจากธรรมชาติ Credit: Stephen Heath / Edith Cowan University
“หลายคนเข้าใจว่าเปลือกหอยว่างเปล่า แต่ก่อนที่จะกลายเป็นของตกแต่ง มันเคยมีสัตว์มีชีวิตอาศัยอยู่ภายใน”
หลายประเทศในแถบเอเชีย เช่น ไทยและญี่ปุ่น การค้าปูเสฉวนและเปลือกหอยถูกถูกพิจารณาว่าเกี่ยวข้องกับการลดลงของประชากรของสัตว์เหล่านี้ในธรรมชาติหรือไม่
แม้ในออสเตรเลียจะมีข้อกำหนดให้ต้องขอใบอนุญาตในการเก็บปูเสฉวนในเชิงพาณิชย์ แต่การบังคับใช้กฎหมายยังมีข้อจำกัด และไม่มีระบบตรวจสอบอิสระ
“ระบบที่ใช้ตอนนี้คือพึ่งพาผู้ประกอบการรายงานตัวเอง ไม่มีการตรวจสอบว่าเก็บไปเท่าไหร่ และกระทบประชากรในระยะยาวอย่างไรบ้าง” เฟดเดมา กล่าว
ปูเสฉวนเหมาะเป็นสัตว์เลี้ยงหรือไม่?
แม้ปูเสฉวนจะถูกวางขายทั่วไปตามร้านสัตว์เลี้ยงและร้านออนไลน์ในฐานะ “สัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงง่าย” แต่นักวิชาการชี้ว่า ความเข้าใจนี้ คลาดเคลื่อน และอาจสร้างผลกระทบทั้งต่อสัตว์และระบบนิเวศ
คิม เฟดเดมา ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าสัตว์ป่า ระบุว่า ปูเสฉวนมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศชายฝั่ง โดยทำหน้าที่เป็น “วิศวกรระบบนิเวศ” (ecosystem engineers) เช่น:
เปลือกหอยของมันช่วยสร้างที่อยู่อาศัยให้สาหร่าย ฟองน้ำ และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอื่น ๆ และช่วยย่อยสลายซากสัตว์และเศษอินทรีย์วัตถุ ทำให้ธาตุอาหารหมุนเวียนในธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกนำมาเลี้ยงในบ้าน ปูเสฉวนมักมีอายุสั้นกว่าธรรมชาติมาก ทั้งที่ในธรรมชาติพวกมันสามารถมีชีวิตได้นานกว่า 30 ปี เธอยังเปรียบเทียบอุตสาหกรรมนี้กับการค้าดอกไม้ตัดดอก ที่ยอมรับว่าอัตราการตายสูงเป็นเรื่องปกติ
“คนบางครั้งมองสัตว์เลี้ยงเหมือนดอกไม้ที่ถูกตัดมาขาย แค่เลี้ยงในระยะสั้น ๆ แล้วก็รู้ว่ามันอายุไม่ยืน” เฟดเดมา กล่าว
ด้าน Crazy Crabs ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าปูเสฉวน รายงานว่า ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี ทำให้สามารถลดอัตราการตายระหว่างขนส่งให้เหลือใกล้ระดับที่เป็นศูนย์ได้แล้ว
ความต้องการปูเสฉวนขนาดใหญ่และหายากในตลาดสัตว์เลี้ยงกำลังเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจะหากมีการจับมากเกินไป โดยเฉพาะปูตัวใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศและเป็นพ่อแม่พันธุ์ที่ให้ลูกจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามจากงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ปูเสฉวนมีพฤติกรรมบ่งชี้ว่า “รู้สึกเจ็บ” มีความสามารถในการจดจำ แก้ปัญหา และตอบสนองต่อความเจ็บปวด
ซึ่งคิม เฟดเดมา นักวิชาการด้านการค้าสัตว์ป่า ระบุว่า เป็นข้อโต้แย้งสำคัญต่อสมมติฐานเดิมที่ว่า “สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังไม่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองด้านสวัสดิภาพเท่ากับสัตว์มีกระดูกสันหลัง”
คำถามสำคัญคือ พวกมันเหมาะจะถูกเลี้ยงในตู้หรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าของไม่มีความรู้เฉพาะและไม่เข้าใจความซับซ้อนของการเลี้ยงปูเสฉวนคิม เฟดเดมา ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าสัตว์ป่า
เธอระบุว่าขณะนี้ยังขาดข้อมูลด้านสุขภาพประชากรของปูเสฉวนในธรรมชาติ และจำเป็นต้องมีการปฏิรูปเพื่อเก็บข้อมูลระยะยาว
“การค้านี้อาจยั่งยืนก็ได้ แต่เราจะไม่มีทางรู้เลย หากไม่มีข้อมูลรองรับการตัดสินใจ”