ปัญหา “การทำงานต่ำกว่าคุณวุฒิ” ศักยภาพผู้พยพย้ายถิ่นที่ถูกมองข้ามในออสเตรเลีย"

แม้ผู้อพยพย้ายถิ่นจำนวนมากจะเคยทำงานเป็นผู้บริหารหรือวิชาชีพชั้นสูงในประเทศบ้านเกิดของตน แต่เมื่อมาถึงออสเตรเลีย พวกเขากลับหางานในสายงานเดิมไม่ได้ในระยะยาว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่ผู้ลี้ภัยเท่านั้น แต่เราทุกคนต่างก็เสียประโยชน์จากเรื่องนี้

A woman leads a meeting at a table with several others.

จากรายงานการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่มีงานทำร้อยละ 30 และผู้ชายที่มีงานทำร้อยละ 19 เคยทำงานในตำแหน่งผู้บริหารหรือวิชาชีพชั้นสูงมาก่อนเดินทางมาออสเตรเลีย Source: Getty / Jacob Wackerhausen

สิบปีหลังจากเดินทางมาอยู่ออสเตรเลีย ผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่เคยทำงานเป็นผู้จัดการหรือวิชาชีพชั้นสูงในประเทศบ้านเกิด ยังคงประสบปัญหาในการหางาน

รายงานฉบับใหม่จากสถาบันศึกษาครอบครัวแห่งออสเตรเลีย (Australian Institute of Family Studies – AIFS) ระบุว่า กลุ่มผู้ลี้ภัยเหล่านี้กำลังเผชิญกับ “ปัญหาการทำงานต่ำกว่าคุณวุฒิ” (occupational downgrade)

ผลการวิจัยนี้ตอกย้ำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า ผู้ลี้ภัยในออสเตรเลียจำนวนมากต้องเจอกับอุปสรรคในการหางานที่เหมาะสมกับความสามารถ

จอห์น ฟาน คอย (John van Kooy) หัวหน้าผู้เขียนรายงานฉบับนี้ ให้สัมภาษณ์กับเอสบีเอส นิวส์ (SBS News) ว่า

“เราศึกษาเกี่ยวกับประเภทของอาชีพที่พวกเขาทำก่อนย้ายมาออสเตรเลีย เปรียบเทียบกับงานที่พวกเขาหาได้ในช่วง 10 ปีหลังจากนั้น สิ่งที่พบคือมีความเปลี่ยนแปลงด้านลบอย่างเห็นได้ชัด”
ฟาน คอย กล่าวว่า

“เรานิยามสิ่งนี้ว่า ‘การทำงานต่ำกว่าคุณวุฒิ’ หมายถึงกลุ่มคนที่เคยทำงานในตำแหน่งระดับมืออาชีพหรือผู้บริหารมาก่อน เช่น ด้านธุรกิจ ทรัพยากรบุคคล และเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่แม้จะมีถิ่นพำนักถาวรในออสเตรเลียมาแล้วกว่า 10 ปี หลายคนก็ยังหางานในระดับเดียวกันไม่ได้”

การศึกษานี้สำรวจผู้ย้ายถิ่นฐานผ่านโครงการมนุษยธรรมประมาณ 2,400 คน เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี นับตั้งแต่ได้รับวีซ่าครั้งแรกในปี 2013

โดยผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่มาจากอิรัก อัฟกานิสถาน อิหร่าน และเมียนมา ซึ่งสะท้อนถึงกลุ่มผู้ลี้ภัยที่ออสเตรเลียรับเข้ามาในช่วงเวลานั้นๆ

การศึกษาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาติดตามกลุ่มผู้ลี้ภัยระยะยาวที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานและการสนับสนุนหลังเดินทางมาถึง

 แนวโน้มการทำงานต่ำกว่าคุณวุฒิชัดเจนขึ้นในกลุ่มผู้หญิง

รายงานระบุว่า ก่อนเดินทางมาออสเตรเลีย ผู้หญิงผู้อพยพย้ายถิ่นที่มีงานทำ 30% เคยทำงานในตำแหน่งระดับผู้บริหารหรือวิชาชีพชั้นสูง

เช่นเดียวกับ19% ของผู้ชายที่มีงานทำในระดับใกล้เคียงกัน แต่หลังจากอยู่ในออสเตรเลียเป็นเวลา 10 ปี ตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือเพียง 17% ในกลุ่มผู้หญิง และ 10% ในกลุ่มผู้ชาย
ผู้ชายเพียงครึ่งเดียวที่เคยทำงานด้านธุรกิจ ทรัพยากรบุคคล การตลาด และเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) ในประเทศบ้านเกิด ยังคงมีงานทำในสายเดิมในออสเตรเลียหลังผ่านไป 10 ปี

โดยส่วนใหญ่เปลี่ยนมาทำงานด้านช่าง เทคนิค หรือเป็นพนักงานเครื่องจักร แต่ในกลุ่มผู้หญิง ปัญหาการทำงานต่ำกว่าคุณวุฒิยิ่งรุนแรงกว่า

มากกว่าสองในสาม หรือราว 67% ของผู้หญิงที่เคยเป็นผู้จัดการหรือวิชาชีพชั้นสูงในบ้านเกิด กลับไม่มีงานทำที่ได้รับค่าจ้างในออสเตรเลีย

ที่เหลือส่วนใหญ่ทำงานเป็นผู้ดูแล ผู้ช่วยทำความสะอาด ผู้ช่วยครู หรือพนักงานขาย ซึ่งล้วนเป็นงานที่อยู่ในระดับล่างกว่าศักยภาพทางอาชีพเดิมของพวกเธอ
ฟาน คอย ระบุว่า ผู้หญิงที่มีลูกเล็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ มีแนวโน้มจะไม่มีงานทำมากกว่าผู้ชายถึง 84% ในช่วงเวลาเดียวกัน

การศึกษายังพบว่า หลังจากอาศัยอยู่ในออสเตรเลียเป็นเวลา 10 ปี มีผู้หญิงเพียง 39% และผู้ชาย 63% ที่ยังอยู่ในตลาดแรงงาน ส่วนคนที่ยังไม่มีงานทำ ราว 33% ของผู้หญิง และ 41% ของผู้ชายระบุว่าต้องการมีงานทำ

เขาอธิบายว่า ผู้ลี้ภัยต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายอย่าง เช่น ทักษะภาษาอังกฤษ โดยผู้ที่สามารถเรียนรู้ภาษาได้เร็ว มักจะเข้าสู่ตลาดแรงงานได้เร็วกว่า

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่อง การรับรองวุฒิการศึกษาและทักษะจากต่างประเทศ ซึ่งมักไม่เป็นที่ยอมรับในระบบของออสเตรเลีย

“ประโยชน์ทางเศรษฐกิจนับพันล้าน” ที่ยังไม่ถูกใช้

จากรายงานของ AIFS อ้างถึงรายงานปี 2024 จากองค์กร Settlement Services Australia (SSI) ซึ่งเป็นหน่วยงานไม่แสวงกำไรที่ให้บริการด้านการตั้งถิ่นฐาน

โดยประเมินว่าหากแรงงานผู้ย้ายถิ่นและผู้ลี้ภัยในออสเตรเลียได้ทำงานที่สอดคล้องกับทักษะและวุฒิการศึกษาของตนเองอย่างเต็มที่ จะช่วยสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้ประเทศได้ถึง 9 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

เดน มัวส์ (Dane Moores) หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์สัมพันธ์ของ SSI กล่าวว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ย้ายถิ่นฐานถาวรในออสเตรเลียทำงานต่ำกว่าทักษะที่มี และกลุ่มผู้ลี้ภัยมีแนวโน้มสูงกว่าที่จะเผชิญกับการถูกใช้งานไม่เต็มศักยภาพ

“ผู้ลี้ภัยจำนวนมากเดินทางมายังออสเตรเลียพร้อมด้วยประสบการณ์วิชาชีพและทักษะที่มีคุณค่า แต่กลับต้องเผชิญกับระบบที่ไม่เห็นคุณค่าความสามารถของพวกเขา และมีอุปสรรคมากมายในการรับรองวุฒิหรือทักษะอย่างเป็นทางการ”

เขายังกล่าวเสริมว่า

“ผู้ลี้ภัยจำนวนมากนอกจากจะมีคุณสมบัติส่วนตัวที่น่าทึ่ง เช่น ความมุ่งมั่นและความอดทนแล้ว พวกเขายังมีทักษะสำคัญที่ออสเตรเลียต้องการอย่างเร่งด่วน เช่น ด้านสุขภาพ การศึกษา และวิศวกรรม แต่ทักษะเหล่านี้จำนวนมากถูกละเลย”
“เราทุกคนต่างเสียประโยชน์” หากปล่อยให้ศักยภาพผู้ลี้ภัยถูกมองข้าม

ฟาน คอย กล่าวว่าระบบการรับรองวุฒิการศึกษาและทักษะในออสเตรเลียมีพัฒนาการดีขึ้นในช่วงหลัง แต่ก็ยัง “ต้องมีการปรับปรุงอีกมาก”

เขาอ้างถึงการปฏิรูประบบการย้ายถิ่นของรัฐบาลกลางเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งมีเป้าหมายหนึ่งคือการเพิ่มแรงงานทักษะเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรในหลายสาขา

แต่รายงานฉบับใหม่เผยว่า ผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่มีทักษะสูง ประสบการณ์ และวุฒิการศึกษา กลับต้องใช้เวลานานกว่าจะสามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้

“หากเราปล่อยให้วุฒิหรือทักษะของพวกเขาไม่ได้ใช้งาน หรือไม่สามารถเข้าถึงงานที่เหมาะสมกับความสามารถหรือความฝันในอาชีพได้ เราทุกคนต่างก็เสียประโยชน์” เขากล่าว

 ฟาน คอยเน้นว่า การตั้งถิ่นฐานไม่ใช่เรื่องระยะสั้นแต่เป็นการลงทุนระยะยาว

“นี่คือการลงทุนระยะยาว และเป็นการเดินทางระยะยาวที่เราควรเดินร่วมไปกับพวกเขา

การตั้งตัวไม่ได้เกิดขึ้นแค่ใน 2–3 ปีแรกหลังจากเดินทางมาถึง แต่เป็นประสบการณ์ตลอดชีวิต และเราควรมองด้วยมุมมองแบบนั้น”
แม้ผ่านประสบการณ์เลวร้าย ผู้ลี้ภัยจำนวนมากยังลุกขึ้นสู้และเริ่มต้นธุรกิจของตนเองในออสเตรเลีย

แม้ผู้ลี้ภัยจะมีภูมิหลังและประสบการณ์ที่หลากหลาย ฟาน คอย กล่าวว่า หลายคนแสดงให้เห็นถึงความอดทนและความเข้มแข็งตลอดเส้นทางการเดินทางมายังออสเตรเลีย

“ผู้ลี้ภัยต้องผ่านประสบการณ์ที่บอบช้ำทางจิตใจ เช่น การใช้เวลานานในประเทศที่เป็นจุดเปลี่ยนผ่าน หรืออยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย พวกเขาสะสมทั้งประสบการณ์และความเข้มแข็ง ซึ่งสามารถกลายเป็นทรัพยากรอันมีค่าสำหรับระบบเศรษฐกิจของออสเตรเลีย”

แต่เขาก็ย้ำว่า

“ประสบการณ์เหล่านี้ก็อาจส่งผลด้านลบต่อสุขภาพจิตของผู้ที่เคยเผชิญเหตุการณ์รุนแรงเช่นกัน”

อย่างไรก็ตาม รายงานพบว่า มากกว่าหนึ่งในห้าของผู้ลี้ภัยที่ร่วมวิจัย เริ่มต้นธุรกิจของตนเองหรือกลายเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระภายในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรที่เกิดในออสเตรเลีย

ฟาน คอยมองว่า หนึ่งในเหตุผลอาจมาจากการที่ผู้ลี้ภัยเข้าถึงตลาดแรงงานทั่วไปได้ยาก จึงเลือกเส้นทางการเป็นเจ้าของกิจการหรือทำงานอิสระ

“แต่นี่ก็สะท้อนให้เห็นว่าผู้ลี้ภัยเป็นกลุ่มที่มีความพยายามและความยืดหยุ่นสูง พวกเขาทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อหารายได้ เลี้ยงดูครอบครัว และสร้างชีวิตใหม่ในออสเตรเลีย”


ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share

Published

By Emma Brancatisano, Sandra Fulloon
Presented by Chayada Powell
Source: SBS

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand