มีเพียง 4 ยี่ห้อเท่านั้นที่สามารถป้องกันแสงแดดได้ตามค่าที่ระบุไว้บนฉลาก เช่น SPF50+ ขณะที่อีก 16 ยี่ห้อให้ประสิทธิภาพต่ำกว่าที่อ้าง
หลังการเปิดเผยผลทดสอบ มีแบรนด์หนึ่งออกมาระบุว่าจะส่งผลิตภัณฑ์ 4 รายการของตนไปทดสอบค่า SPF ซ้ำกับห้องแล็บอิสระในต่างประเทศ
ขณะที่แบรนด์อื่น ๆ โต้แย้งผลการทดสอบของ Choice และยังยืนยันว่าสินค้าของตนมีคุณภาพตามที่โฆษณาไว้
ค่า SPF (Sun Protection Factor) คือค่าที่บอกว่าผลิตภัณฑ์สามารถป้องกันรังสี UV ได้มากเพียงใด
ยิ่งตัวเลขสูง ผิวก็จะได้รับรังสียูวีน้อยลง แต่ถ้าค่าจริงต่ำกว่าที่ระบุบนฉลาก ก็อาจทำให้ผู้ใช้ได้รับอันตรายจากแสงแดดโดยไม่รู้ตัว.
Choice ระบุว่า การทดสอบครั้งนี้ดำเนินการในห้องแล็บเฉพาะทาง โดยใช้วิธีทาครีมกันแดดบนผิวของอาสาสมัครในบริเวณหนึ่ง
และเปรียบเทียบกับบริเวณผิวที่ไม่ได้ทา จากนั้นใช้เครื่องจำลองแสงแดด (solar simulator) ฉายลงไป เพื่อวัดผลจริงของประสิทธิภาพการกันแดด
ผลการทดสอบชี้ว่า มีเพียง 4 จาก 20 ผลิตภัณฑ์ที่กันแดดได้ตามค่า SPF ที่โฆษณาไว้ ส่วนที่เหลืออีก 16 รายการ ไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่ระบุบนฉลาก.
กลุ่มผู้บริโภค Choice เปิดเผยว่า จากการทดสอบผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่โฆษณาว่าเป็น SPF 50+ พบว่าหลายยี่ห้อให้ค่าป้องกันรังสี UV ต่ำกว่าที่ระบุไว้บนฉลาก ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการทดสอบ ได้แก่:
Aldi Ombra Everyday Sunscreen Lotion 50+ มีผลทดสอบได้ค่า SPF เพียง 26
Banana Boat Baby Zinc Sunscreen Lotion SPF 50+ ผลทดสอบได้ 28
Bondi Sands SPF 50+ Zinc Mineral Body Lotion ผลทดสอบได้ 26
Cancer Council Everyday Value Sunscreen 50 ผลทดสอบได้ 27
Cancer Council Ultra Sunscreen 50+ ผลทดสอบได้ 24
Banana Boat Sport Sunscreen Lotion SPF 50+ ผลทดสอบได้ 35
Neutrogena Sheer Zinc Dry-Touch Lotion SPF 50 ผลทดสอบได้ 24
Woolworths Sunscreen Everyday Tube SPF 50+ ผลทดสอบได้ 27
Nivea Sun Kids Ultra Protect and Play SPF 50+ ผลทดสอบได้ 41
แม้บางยี่ห้อยังมีระดับ SPF ที่พอป้องกันได้ แต่ก็น้อยกว่าที่โฆษณาไว้มาก ซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
โดยเฉพาะในประเทศอย่างออสเตรเลียที่มีระดับรังสียูวีสูงตลอดทั้งปี
จากผลการทดสอบของ Choice พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลแย่ที่สุด คือ Ultra Violette Lean Screen SPF 50+ Mattifying Zinc Skinscreen
ซึ่งระบุบนฉลากว่ามีค่า SPF 50+ แต่ผลการทดสอบจริงกลับได้ค่าเพียง SPF 4 เท่านั้น
Choice ระบุว่า ผลนี้น่ากังวลจนต้องทดสอบซ้ำ โดยส่งล็อตอื่นของผลิตภัณฑ์เดียวกันไปยังห้องแล็บอิสระในประเทศเยอรมนี เพื่อยืนยันความถูกต้อง
แอชลีย์ เดอ ซิลวา ซีอีโอของ Choice กล่าวว่า
“เราตกใจมากกับผลการทดสอบของ Ultra Violette Lean Screen SPF 50+ ถึงขั้นต้องส่งไปตรวจซ้ำที่แล็บในเยอรมนี และผลก็ออกมาใกล้เคียงเดิม คือได้ค่า SPF แค่ 5”
ในขณะที่ครีมกันแดดส่วนใหญ่ไม่ผ่านการทดสอบของ Choice แต่ก็มี 4 ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์ และให้ประสิทธิภาพสูงกว่าหรือใกล้เคียงกับค่า SPF ที่ระบุบนฉลาก ได้แก่:
La Roche-Posay Anthelios Wet Skin Sunscreen SPF 50+ ผลทดสอบได้ SPF 72
Neutrogena Ultra Sheer Body Lotion SPF 50 ผลทดสอบได้ SPF 56
Cancer Council Kid Sunscreen 50+ ผลทดสอบได้ SPF 52
Mecca Cosmetica To Save Body SPF 50+ Hydrating Sunscreen ผลทดสอบได้ SPF 51
หลายบริษัทยืนกราน ผลิตภัณฑ์ของตนกันแดดได้จริง
หลังจากที่กลุ่มคุ้มครองผู้บริโภค Choice เปิดเผยผลการทดสอบครีมกันแดดที่พบว่าหลายยี่ห้อมีค่า SPF ต่ำกว่าที่ระบุไว้บนฉลาก หลายบริษัทก็ออกมาตอบโต้และยังยืนยันในคุณภาพของสินค้า
Ultra Violette ซึ่งถูกวิจารณ์หนักที่สุด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ Lean Screen SPF 50+ ถูกทดสอบแล้วพบว่ามีค่า SPF แค่ 4 ระบุว่า
“เราไม่ยอมรับผลทดสอบนี้แม้แต่น้อย และเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์”
โดยอ้างว่าผลิตภัณฑ์ของตนมีส่วนผสมของ ซิงก์ออกไซด์ 22.75% ซึ่งควรให้การป้องกันสูง และตั้งข้อสงสัยต่อกระบวนการทดสอบของ Choice พร้อมกล่าวว่า
“การศึกษานี้ขัดแย้งกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค”
Cancer Council Australia ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ 3 รายการไม่ผ่านการทดสอบ (ได้แก่ Kids Clear Zinc 50+, Everyday Value Sunscreen 50 และ Ultra Sunscreen 50+) ระบุว่า
“เรากังวลอย่างมากกับผลการทดสอบของ Choice”
แต่ยังยืนยันว่า
“เรามีผลทดสอบจากผู้ผลิตของเรา ที่แสดงว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐาน SPF ที่ระบุบนฉลาก”
ทั้งนี้ ความแตกต่างของผลการทดสอบอาจเกิดจากปัจจัยด้านวิธีการทดสอบ มาตรฐานที่ใช้ หรือความแตกต่างของล็อตผลิตภัณฑ์
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้บริโภคระมัดระวังและหมั่นทาครีมกันแดดซ้ำเมื่ออยู่กลางแดดเป็นเวลานาน
อ่านเพิ่มเติม

ผู้ชายก็ควรให้ความสนใจเรื่องมะเร็งผิวหนัง
หลังเผยแพร่ผลการทดสอบครีมกันแดด 20 ชนิด พบว่าเพียง 4 ชนิดเท่านั้นที่มีค่า SPF ตรงตามที่ระบุบนฉลาก
บริษัทยาหลายแห่งจึงออกแถลงการณ์ตอบโต้ และบางรายตัดสินใจส่งผลิตภัณฑ์ไปตรวจซ้ำอย่างเป็นทางการ
โฆษกของบริษัทหนึ่ง ระบุว่า
“เพื่อความมั่นใจ เราได้ส่งผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 รายการที่กล่าวถึงไปตรวจสอบซ้ำกับห้องแล็บอิสระในต่างประเทศ และจะดำเนินการตามผลการตรวจสอบโดยทันทีหากพบข้อบกพร่อง”
Choice ได้เผยแพร่คำชี้แจงของแบรนด์ต่าง ๆ ดังนี้:
Aldi และ Coles ขอผลการทดสอบจาก Choice เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม
Banana Boat ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ของตนเป็นไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลยาในออสเตรเลีย (Therapeutic Goods Administration – TGA)
Bondi Sands และแบรนด์อื่น ๆ แสดงความไม่เห็นด้วยกับผลประเมินของ Choice
ในขณะเดียวกัน Choice เรียกร้องให้ TGA ตรวจสอบผลิตภัณฑ์กันแดดเหล่านี้ด้วยตนเอง
และขอให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคออสเตรเลีย (ACCC) ตรวจสอบว่าแบรนด์ใดบ้างที่อาจโฆษณาค่า SPF เกินจริง ซึ่งอาจเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค
TGA เตรียมสอบสวนผลทดสอบ SPF ของ Choice
ขณะนี้กำลังสอบสวนผลการทดสอบครีมกันแดดของ Choice และหากพบความผิดปกติ จะดำเนินมาตรการทางกฎหมายตามความจำเป็น
TGA อธิบายว่า ผลการทดสอบค่า SPF อาจแตกต่างกันได้ในแต่ละห้องแล็บ เนื่องจากต้องอาศัยการทดลองกับมนุษย์ซึ่งมีความแปรปรวนตามสภาพผิวแต่ละบุคคล
อย่างไรก็ตาม ผลทดสอบบางรายการที่ Choice เปิดเผยก็ยังอยู่ในช่วง SPF 30 ซึ่งจัดว่าให้ "การปกป้องในระดับสูง" และยังมีประสิทธิภาพ
TGA ยังย้ำว่า ในบริบทของออสเตรเลียซึ่งมี อัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก การทาครีมกันแดดยังคงเป็น มาตรการสำคัญในการป้องกันอันตรายจากรังสียูวี พร้อมแนะนำให้ประชาชน
หลีกเลี่ยงแสงแดด โดยการสวมหมวกปีกกว้าง ใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกาย และสวมแว่นกันแดดควบคู่กับการใช้ครีมกันแดดอย่างเหมาะสม