ซินตา เวลาสโก คุณแม่ลูกสองในนครซิดนีย์ เธอเป็นเสาหลักทางการเงินของครอบครัวขณะเดียวกันก็ยังต้องส่งเสียญาติผู้ใหญ่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ด้วย
แม้ว่าซินตาจะยังมีเวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะเกษียณ เพราะตอนนี้เธออายุ 45 ปีเท่านั้น แต่เพียงแค่คิดว่าจะต้องเก็บเงินให้พอใช้เพื่อการใช้ชีวิตอย่างสบายในบั้นปลายชัวิตเธอก็รู้สึกหนักใจแล้ว
“ในฐานะครอบครัวที่มีรายได้ทางเดียว เราต้องคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพราะทุกดอลลาร์มีค่า” เวลาสโกให้สัมภาษณ์กับเอสบีเอส
ซินตาเป็นหนึ่งในชาวออสเตรเลียที่รู้สึกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ ซึ่งงานวิจัยล่าสุดชี้ว่าความกังวลดังกล่าวมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ChatGPT said:ซินตา เวลาสโก กล่าวว่า เธอกำลังวางแผนการเงินอย่างรอบคอบเพื่อเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณ ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลพ่อแม่ที่ชราภาพด้วย Source: SBS / Cameron Carr
ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณในออสเตรเลียพุ่งสูงขึ้น
จากการคำนวณมาตรฐานการเกษียณล่าสุดของสมาคมกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งออสเตรเลีย (Association of Superannuation Funds of Australia – ASFA) พบว่าภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายรายปีสำหรับการเกษียณอย่างเพียงพอในออสเตรเลียสูงขึ้นมากกว่า 13,000 ดอลลาร์
คู่สามีภรรยาชาวออสเตรเลียที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ปัจจุบันต้องใช้เงินมากกว่า 75,000 ดอลลาร์ต่อปีเพื่อการเกษียณ ขณะที่คนโสดต้องใช้ประมาณ 53,000 ดอลลาร์ต่อปี
การวิเคราะห์จาก AMP พบว่า มีกลุ่มคนที่มีความเปราะบางในสังคม ไม่มั่นใจความสามารถทางการเงินหลังการเกษียณของตน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษียณของ AMP เบน ฮิลเลอร์ ระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นยิ่งทำให้ผู้คนกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการออมเพื่อเกษียณ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง
“มีข้อมูลที่น่าเป็นห่วงหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องความแตกต่างระหว่างเพศ ซึ่งพบว่าผู้หญิงมีอัตราความกังวลในเรื่องการเกษียณเมื่อเทียบกับผู้ชายในระดับสูง” ฮิลเลอร์ให้สัมภาษณ์กับเอสบีเอสบีเอส นิวส์
“มีเพียง 2 ใน 5 ของผู้หญิงที่มั่นใจเกี่ยวกับการเกษียณ ขณะที่ผู้ชายอยู่ที่ 3 ใน 5 และสิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือผู้หญิงที่เป็นโสด หรือผู้ที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความกังวลสูงที่สุดในบรรดาชาวออสเตรเลียทั้งหมด
อ่านเพิ่มเติม

ATO Tax Talk: เงินเกษียณ (ซูเปอร์แอนนูเอชัน)
ฮิลเลอร์กล่าวว่า ผู้หญิงมักต้องทำงานไปพร้อมกับการเลี้ยงดูลูก และบางครั้งยังต้องดูแลพ่อแม่ของตนเองมากกว่าผู้ชาย
“จากงานวิจัยชี้ชัดว่ามีการแบ่งภาระที่ไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ผู้หญิงต้องรับภาระมากกว่าทั้งการดูแลลูกและพ่อแม่ และแน่นอนว่านั่นทำให้พวกเธอไม่สามารถโฟกัสกับอนาคตได้เต็มที่ และส่งผลให้มีความมั่นใจเรื่องการเกษียณต่ำกว่า” เขากล่าว
‘Sandwich generation’ กังวลเรื่องการเกษียณมากที่สุด
ซินตา เวลาสโก ยังเป็นหนึ่งใน “Sandwich generation” หรือกลุ่มคนที่ต้องดูแลทั้งลูกและพ่อแม่ที่ชราภาพไปพร้อมกัน
ข้อมูลจาก AMP ระบุว่า กลุ่มชาวออสเตรเลียวัย 40 ปีที่อยู่ในภาวะต้องรับผิดชอบดูแลญาติพี่น้อง เป็นกลุ่มที่มีความกังวลเรื่องการเกษียณน้อยที่สุด จากการสำรวจพบว่ามีไม่ถึง 2 ใน 5 คนที่รู้สึกมั่นคงทางการเงิน
สำหรับเวลาสโกฌะเธอเป็นผู้รับผิดชอบด้านการเงินของครอบครัว เธอต้องแบกรับทั้งค่าใช้จ่ายของลูก ๆ และการดูแลพ่อแม่ของทั้งเธอและสามี ขณะที่สามีของเธอยังไม่มีงานทำ

การวิเคราะห์จาก AMP พบว่า มีกลุ่มคนที่มีความเปราะบางในสังคม ไม่มั่นใจความสามารถทางการเงินหลังการเกษียณของตน Source: SBS / Leon Wang
“เราลองดูว่ามีบริการสมัครสมาชิกรายเดือนอะไรที่สามารถตัดออกได้บ้าง” เธอกล่าว
“รวมถึงการใช้เหตุผลกับการใช้จ่ายประจำวัน อย่างเช่นการลดการออกไปกินข้าวนอกบ้าน เราพยายามจะใช้ชีวิตอย่างรอบคอบที่สุด และใช้จ่ายน้อยกว่ารายได้”
เวลาสโกย้ายมาอยู่ออสเตรเลียได้ 8 ปีแล้ว และบอกว่าการมีเครือข่ายสังคมและการขอคำปรึกษาด้านการเงินมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ย้ายถิ่นที่ต้องวางแผนเกษียณ
“ถ้าวันไหนรู้สึกไม่มีทางออก ฉันก็สามารถถามผู้เชี่ยวชาญอย่างที่ปรึกษาทางการเงินได้ว่า ‘นี่คือสิ่งที่ฉันกังวล คุณคิดว่าฉันควรโฟกัสตรงไหน’”
แล้วชาวออสเตรเลียกลุ่มใดมั่นใจเรื่องการเกษียณ?
เมื่อสอบถามความคิดของชาวออสเตรเลียต่อการเกษียณและความสามารถในการรับมือค่าใช้จ่าย งานวิจัยของ AMP พบความเหลื่อมล้ำในประเด็นดังกล่าวหลายด้าน เช่น
คนที่มีคู่ครองมีความมั่นใจในการเกษียณมากกว่าคนโสด โดย 60% ของผู้ที่อยู่ในความสัมพันธ์รู้สึกมั่นคงทางการเงิน เทียบกับเพียง 40% ของผู้ที่ไม่มีคู่
ขณะที่กลุ่มคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มั่นใจเรื่องการเกษียณน้อยที่สุด โดยมีผู้หญิงอายุ 40 กว่าปีที่มีลูกเล็ก เพียงร้อยละ20 เท่านั้นที่รู้สึกว่าตนเองพร้อมทางการเงิน
อ่านเพิ่มเติม

Settlement Guide: ระบบเงินซูเปอร์เป็นอย่างไร?
ขณะเดียวกัน ผู้หญิงที่หย่าร้างหรือแยกทางก็มีความมั่นใจเรื่องการเกษียณน้อยกว่าผู้ชายในสถานะเดียวกัน
ฮิลเลอร์กล่าวว่า ความท้าทายทางการเงินของกลุ่มเหล่านี้อาจรุนแรงขึ้น หากไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านของตนเองและเป็นผู้เช่า
“การเกษียณอาจยาวนานถึง 20, 30 หรือแม้แต่ 40 ปี และการต้องเผชิญกับตลาดเช่าบ้านในช่วงเวลานั้น โดยที่ไม่มีทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์รองรับ ยิ่งทำให้กลุ่มนี้เปราะบางมากขึ้น” เขากล่าว