เงินซูเปอร์ฯสูญหลายพันดอลลาร์ นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณไม่ควรวิตกกังวล

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกาได้กำหนดกำแพงภาษีศุลกากรที่ครอบคลุมหลายด้าน ซึ่งรวมถึงภาษีเหล็กและอลูมิเนียมของออสเตรเลียด้วย และภาษีนี้ส่งผลกระทบต่อยอดเงินสะสมเพื่อการเกษียณหรือเงินซูเปอร์ของเราด้วย

Someone putting money into a piggy bank.

บัญชีเงินเกษียณของออสเตรเลียลดลงเนื่องมาจากหุ้นตก Source: Getty / FJZEA

ฟังพอดคาสต์ในเรื่องอื่นๆ ของเราได้ที่นี่:  https://podfollow.com/sbs-thai

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์นี้ ส่วนใหญ่เกิดจากความกังวลว่ามาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจในประเทศ และหุ้นออสเตรเลียเช่นกัน

และเมื่อทรัมป์ยืนยันว่าออสเตรเลียจะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเริ่มบังคับใช้เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันพุธ ทำให้การเทขายหุ้นออสเตรเลียยังคงดำเนินต่อไป

ดัชนี S&P/ASX 200 สูญเสียมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์ จากที่ขาดทุนอยู่ 25,000 ล้านดอลลาร์เมื่อวันอังคาร

ขณะนี้ดัชนีกำลังมุ่งหน้าสู่ "การปรับฐาน" ซึ่งหมายความว่าดัชนี ASX200 ร่วงลง 10 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่าจากจุดสูงสุดล่าสุด

และยังส่งผลกระทบต่อบัญชีเงินซูเปอร์ของชาวออสเตรเลียอีกด้วย
A graph showing ASX200 stocks since Trump became president.
ตลาดหุ้นออสเตรเลียร่วงลง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมและเหล็กกล้าจากออสเตรเลีย 25 เปอร์เซ็นต์ Source: SBS

ทำไมกำแพงภาษีของทรัมป์ส่งผลต่อเงินบำนาญของคุณ

หากคุณสังเกตเห็นว่าเงินซูเปอร์ฯของคุณลดลง คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่คิดเช่นนั้น

นั่นเป็นเพราะกองทุนบำนาญมักลงทุนในตลาดหุ้นประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ชาน โอลิเวอร์ (Shane Oliver) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ AMP กล่าว

“เหตุผลที่กองทุนบำนาญมีความเสี่ยงสูงต่อหุ้นก็เพราะว่าให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าแก่ผู้ลงทุนในระยะยาว แต่ราคาหุ้นก็ผันผวนมากเช่นกัน”
ศาสตราจารย์ทิม ฮาร์คอร์ต หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ กล่าวกับSBS NEWS ว่า "สงครามการค้าสามารถส่งผลให้ราคาหุ้นตกต่ำได้ หากเศรษฐกิจโลกกำลังจะถดถอย"

ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีกับคู่ค้าสำคัญอย่างจีน เม็กซิโก แคนาดา และสหภาพยุโรป (อียู) แคนาดา จีน และอียู ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเพิ่มเช่นกัน

นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบานีซี ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ตอบโต้ด้วยการขึ้นการเก็บภาษีศุลกากรเพื่อหลีกเลี่ยง "ความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรง" และ "การทำร้ายเศรษฐกิจ"

"การดำเนินการดังกล่าวจะยิ่งทำให้ราคาสินค้าของผู้บริโภคชาวออสเตรเลียสูงขึ้นและเงินเฟ้อสูงขึ้น" เขากล่าวเสริม

ซูซาน ธอร์ป ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าวว่าตลาดหุ้นออสเตรเลียตอบสนองต่อสภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 ธอร์ปกล่าวกับ SBS NEWS ว่า "สภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความสำคัญต่อทั้งโลก เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจขนาดเล็กอย่างออสเตรเลียที่ต้องพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศที่มีเสถียรภาพและมีประสิทธิภาพ"

“ตลาดหุ้นในออสเตรเลียจึงตอบสนองต่อข่าวจากสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับข่าวในประเทศ เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศส่งผลกระทบต่อเรา”

สิ่งนี้สามารถส่งผลต่อยอดเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(เงินซูเปอร์ฯ)ของชาวออสเตรเลียได้

เธอกล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างรวดเร็วของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความไม่แน่นอน ซึ่งทำให้ธุรกิจและผู้กำหนดนโยบายวางแผนได้ยาก”

“การลงทุน เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจในอนาคตที่ไม่แน่นอนมากขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนระมัดระวังในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน และมักจะชะลอการลงทุน”

ดังนั้น ชาวออสเตรเลียควรต้องกังวลเกี่ยวกับยอดเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของตนหรือไม่

ปัจจุบัน ยอดเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของออสเตรเลียมีมูลค่าประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์

แม้ว่าชาวออสเตรเลียบางคนอาจเห็นยอดเงินคงเหลือในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพลดลงทันที แต่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นการลงทุนระยะยาวและสามารถต้านทานความผันผวนได้ ธอร์ปกล่าวว่าในระยะยาว ยอดเงินคงเหลือของเราจะยังคงเพิ่มขึ้น

เธอบอกกับ SBS News ว่า “เงินออมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะลงทุนในหุ้น รวมถึงสินทรัพย์อื่นๆ เช่น พันธบัตร เงินสด อสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน”

“กองทุนสำรองเลี้ยงชีพขนาดใหญ่ลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ทั้งในออสเตรเลียและต่างประเทศ”
A graph of the ASX200 stock market.
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลดลง Source: SBS
“ราคาหุ้นที่ลดลงในออสเตรเลียและต่างประเทศ หมายความว่าเงินสะสมเพื่อการเกษียณของเรามีมูลค่าลดลง สินทรัพย์อื่นๆ อาจชดเชยได้ในระยะสั้น และในระยะยาว ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้น

ผลตอบแทนจากการลงทุนจากเงินสะสมเพื่อการเกษียณจะขึ้นและลงตามผลตอบแทนในตลาดการเงิน การสามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้หมายความว่าเมื่อเวลาผ่านไป เราจะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น”

ชาวออสเตรเลียคนใดที่จะได้รับผลกระทบจากการลดลงนี้?

หากคุณยังอายุน้อย มีเวลาทำงานเหลืออีกสิบปีหรือมากกว่านั้น หรือมีเงินคงเหลือต่ำกว่า ธอร์ปกล่าวว่าคุณจะผ่านช่วงขาลงนี้ไปได้

“หากคุณยังมีเวลาทำงานเหลืออีกสิบปีหรือมากกว่านั้น การตกต่ำในระยะสั้นอาจไม่สำคัญ” เธอกล่าว “คนรุ่นใหม่มีเวลาฟื้นตัวจากการตกต่ำนานกว่า”

นอกจากนี้ เธอยังกล่าวอีกว่าผู้ที่มีเงินคงเหลือต่ำกว่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดมากที่สุดคือชาวออสเตรเลียสูงอายุที่เกษียณอายุแล้วหรือเหลืองานอีกไม่กี่ปี

“คนที่มีเงินคงเหลือสูงกว่า เหลือเวลาทำงานน้อยกว่า หรือเกษียณแล้วเป็นกลุ่มที่เสี่ยงที่สุด” เธอกล่าว
เงินเกษียณที่ลดลงอาจทำให้คุณอยากตรวจสอบยอดเงินคงเหลือเป็นประจำเพื่อดูว่ามีเงินลดลงหรือไม่ แต่ ธอร์ปเตือนว่าไม่ควรทำเช่นนี้ เนื่องจากเงินเกษียณของเรามีการผันผวนตามปกติของตลาด

“ตลาดการเงินนั้น 'มีความผันผวน' มีการเปลี่ยนแปลงรายวันมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลายเดือนและหลายปี ดังนั้นการติดตามยอดเงินคงเหลือจึงมีประโยชน์ แต่หากมากเกินไปก็อาจสร้างความสับสนได้” เธอกล่าว

“ควรจำไว้ว่าเงินออมเกษียณส่วนใหญ่นั้นมาจากรายได้ที่นายจ้างของเรานำมาสมทบ และนั่นก็สำคัญไม่แพ้ผลตอบแทน”

ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกในภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ที่ เว็บไซต์หรือ เฟซบุ๊ก และ Instagram


Share

Published

By Alexandra Koster
Presented by Warich Noochouy
Source: SBS

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand