วิกฤตค่าครองชีพสาหัส คนรายได้ต่ำเสี่ยงไร้บ้าน

ชาวออสเตรเลียจำนวนหนึ่งในเจ็ดมีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญแนะว่าควรแก้ด้วยนโยบายเงินช่วยเหลือโดยทั่วกันแบบที่เคยมีช่วงโควิด-19

A collage with a sign that reads "Centrelink" in the right field, and a woman holding a baby looking sad in the right field. In the foreground is a line graph going up, and some Australian dollars.

กลุ่มต่อต้านความยากจนชี้ว่าเงินช่วยเหลือของเซ็นเตอร์ลิงก์ “ไม่เพียงพอ” เมื่อเผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุนการครองชีพและค่าเช่าบ้านที่แพงขึ้น Source: Getty / Julia Gomina/Bibek Raj Giri/monkeybusinessimages


ไมค์ แซดเลอร์เล่าว่าชีวิตเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังจากเงินช่วยเหลือจากเซ็นเตอร์ลิงก์ช่วงโควิด-19 เพิ่มขึ้นเป็น 1,115.70 ดอลลาร์ หรือประมาณ 23,000 บาทต่อสองสัปดาห์

ทันใดนั้นรายได้ของไมค์ก็กระโดดขึ้นมาอยู่เหนือเส้นความยากจน ขยับเข้าใกล้ค่ามัธยฐานของรายได้ประชาชาติ

เงินช่วยเหลือครั้งนั้นเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายบรรเทาผลจากโควิด-19 ระบาดในปี 2020 นอกจากเงินสนับสนุนจากเซ็นเตอร์ลิงก์แล้ว ไมค์ก็ยังมีรายได้จากเงินช่วยเหลือคนตกงาน หรือ JobSeeker Payment

ก่อนหน้าที่รัฐบาลจะประกาศเพิ่มจำนวนเงินช่วยเหลือของเซ็นเตอร์ลิงก์ ไมค์บอกว่าครอบครัวทั้งสี่คนของเขาได้กินแต่อาหารแปรรูป

“ราคามันฝรั่งแบบขนมขบเคี้ยวมันถูกกว่ามันฝรั่งเป็นลูก พวกเราเลยต้องซื้อมันฝรั่งทอดกรอบแทน” ไมค์บอกกับเอสบีเอสนิวส์ “แต่พอเงินช่วยเหลือช่วงโควิด-19 เพิ่มขึ้น เราเลยมีเงินซื้อมันฝรั่งเป็นลูก มีเงินซื้อผักผลไม้สด”


แต่พอโรคระบาดและช่วงกักตัวจบลง เงินช่วยเหลือคนตกงานและเงินช่วยเยาวชนก็กลับมามีจำนวนเท่าเดิม ชาวออสเตรเลียอีกหลายคนจึงตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับไมค์ที่กลับมายากจนอีกครั้ง

A numbered list depicting the gap between Australia's social service payments and what they should be receiving.
ช่องว่างความยากจนชี้ให้เห็นความลำบากด้านการเงิน Source: SBS
นักรณรงค์ออกมาเรียกร้องเพิ่มเงินช่วยเหลือจากรัฐให้มีจำนวนเท่ากับช่วงโควิด-19 เพราะชาวออสเตรเลีย รวมถึงนักเรียนนักศึกษา คนตกงาน และพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว จำนวนหลายล้านคนตกอยู่ภายใต้ความยากจน และกำลังดิ้นรนจ่ายค่าเช่าที่อยู่อาศัยที่แพงขึ้นเรื่อยๆ

ถึงแม้ว่าเงินช่วยเหลือคนตกงานจะเพิ่มขึ้นมา 12.50 ดอลลาร์เป็น 793 ดอลลาร์เมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรต่อต้านความยากจน ระบุว่าระบบสวัสดิการช่วยเหลือของออสเตรเลียยังช่วยให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจนไม่ได้

A summary of all the keys points expressed in this article about the new figures for poverty in Australia.
สรุปประเด็นสำคัญภาวะยากจนในออสเตรเลีย Source: SBS

ชาวออสเตรเลียถึงหนึ่งในเจ็ดมีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน

รายงานฉบับใหม่จากมหาวิทยาลัยนิวเซ้าท์เวลส์ สภาความมั่นคงทางสังคมแห่งออสเตรเลีย และองค์กรเกี่ยวกับคนยากจน ผู้ด้อยโอกาส และความไม่เท่าเทียม พบว่ามีชาวออสเตรเลียกว่าสามล้านคนที่มีรายได้น้อยกว่าเส้นความยากจนในปี 2022 ถึง 2023

เส้นความยากจนกำหนดจากครึ่งหนึ่งของค่ามัธยฐานจากรายได้ครัวเรือนหลังภาษี หากรายได้ต่ำกว่าครึ่งของจำนวนนั้นแปลว่ากำลังเผชิญภาวะยากจน

แคสแซนดรา โกลดี้ ผู้บริหารสูงสุดของสภาความมั่นคงทางสังคมแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่าชาวออสเตรเลียจำนวนมากต้องเลือกอดอาหาร ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคนไร้บ้าน

“ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่ภาวะยากจนกลับมากขึ้น ประชาชนได้รับผลกระทบจากค่าเช่าบ้าน และเงินช่วยเหลือคนตกงานก็ให้แค่ 401 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์เท่านั้น”

ยุวิตถี นายดู นักวิจัยอาวุโสจากศูนย์วิจัยนโยบายสังคม มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่าเงินช่วยคนตกงานนั้นน้อยกว่าครึ่งของค่าแรงขั้นต่ำ

“เวลาเราพูดถึงเส้นความยากจน ต้องอย่าลืมว่าค่าแรงขั้นต่ำนั้นยังสูงกว่าเส้นความยากจน แต่เงินช่วยเหลือนั้นน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำมากเหลือเกิน”

ดร.ยุวิตถีย้ำว่าแม้คนตกงานจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน แต่เงินช่วยเหลือจากเซ็นเตอร์ลิงก์ก็ยังไม่พอดำรงชีวิตอยู่ดี
a graph showing that Australians on the lowest incomes are the percentage of people who spend the majority of their income on rent.
ผู้เช่าบ้านที่อยู่ในเกณฑ์คนมีรายได้ต่ำเสียเงินไปกับค่าเช่าบ้านมากที่สุด Source: SBS

คนมีครอบครัวอยู่กับความยากจนอย่างไร

ไมค์และลิซ ภรรยาของเขา ได้ย้ายออกจากซิดนีย์มาอยู่ที่เมืองวากกา วากกา พร้อมกับลูกเล็กอีกสองคน เนื่องจากพวกเขาตกงานและจ่ายค่าเช่าบ้านในเมืองไม่ไหว

ทั้งไมค์และลิซตัดสินใจเรียนครุศาสตร์เพื่อจบไปเป็นครูชั้นประถมศึกษา อาชีพที่พวกเขาคิดว่าอย่างไรก็ไม่มีทางตกงาน

“แต่อย่างไรนักศึกษาก็ต้องกู้เงินเรียน เราก็อยู่ด้วยเงินกู้อันน้อยนิดอยู่สี่ถึงห้าปี พอเรียนจบก็มีหนี้ก้อนใหญ่รออยู่” ไมค์กล่าว “แต่ละรอบเงินเดือนเราเอาแต่คิดว่าจะมีเงินซื้อข้าวเท่าไหร่ก่อนเงินจะหมด”

รายงานจากสภาความมั่นคงทางสังคมแห่งออสเตรเลียพบว่าเด็กชาวออสเตรเลียนกว่าหนึ่งในหกตกอยู่ในภาวะยากจน นับเป็นจำนวนกว่า 750,000 คน

แคสแซนดราชี้ว่าภาวะยากจนในประเทศร่ำรวยนั้นส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน พวกเขาอาจรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ อาจปิดบังความเป็นอยู่ของตัวเอง เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่คนที่ประสบความสำเร็จมากกว่า

และสำหรับคนเป็นพ่อแม่เองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

"คนเป็นผู้ปกครองตกอยู่ในภาวะวิตกกังวลและเครียดเรื้อรัง พวกเขาคิดไม่ตกว่าวันนี้จะมีเงินใช้แค่ไหน ต้องตัดค่าใช้จ่ายอะไร จะเหลือเงินค่าเช่าบ้านไหม ขณะที่พวกเขาก็มีกำลังกินข้าวแค่วันละมื้อ” แคนแซนดร้ากล่าว

เธอยังเสริมอีกว่าภาวะยากจนส่งผลต่อสุขภาพจิตเป็นอย่างมาก และก่อให้เกิดภาวะวิตกกังวลรุนแรง ไมค์เปิดใจว่าเขาเองก็มีอาการไม่ต่างกัน

“พอผมมีเงินเหลือแค่ห้าเหรียญ ผมกับภรรยาจะยอมอดข้าวเพื่อให้ลูกๆ ได้กิน”

ไมค์เล่าว่าสิ่งที่แย่ที่สุดของความจนคือเขาต้องออกจากสังคมไปเลย

“เวลาที่คุณอยู่ได้ด้วยเงินช่วยเหลือจากเซ็นเตอร์ลิงก์ คุณกับครอบครัวก็ไม่มีเงินจะออกไปข้างนอกแน่นอน” ไมค์เปิดเผย “ไม่มีเงินเติมน้ำมันแล้วก็ออกไปหาใครไม่ได้ ไปหาเพื่อนที่ผับหรือไปกินพิซซ่ากันก็ไม่ได้”

ความกดดันจากค่าครองชีพสูงลิ่วและวิกฤตที่อยู่อาศัยคือปัจจัยผลักดันภาวะยากจน

รายงานชิ้นนี้ชี้ว่าตัวเร่งสำคัญของความยากจนในออสเตรเลียคือปัญหาค่าเช่าบ้านที่แพงขึ้นเรื่อยๆ เคทลิน โคลวิน โฆษกจากองค์กรแก้ไขวิกฤตที่อยู่อาศัย Everybody’s Home กล่าวว่าคนออสเตรเลียแทบจะไม่จ่ายค่าดำรงชีพพื้นฐานไม่พอเพราะค่าเช่าบ้านที่แพงจนคุมไม่อยู่ และยังผลักให้คนอีกมากเสี่ยงเป็นคนไร้บ้าน

ไม่ควรมีใครต้องเลือกว่าระหว่างจะจ่ายเงินค่าบ้านหรือจะเอาเงินไปซื้อข้าว ซื้อยา หรือของจำเป็นอื่นๆ น่าเศร้ามากที่ขณะนี้มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ชีวิตที่มั่นคงและปลอดภัยคือชีวิตที่คนเข้าถึงที่อยู่อาศัยราคาเอื้อมถึง
เคทลินบอกกับเอสบีเอสนิวส์

เธอชี้ว่าขณะนี้ออสเตรเลียยังต้องการ Social Housing หรือโครงการที่อยู่อาศัยที่รัฐให้เช่าโดยไม่หวังผลกำไร อีกกว่า 640,000 ครัวเรือน

“หากจะแก้ปัญหาความยากจน รัฐบาลจะต้องเร่งสร้างโครงการที่อยู่อาศัยให้เช่า ประชาชนรายได้น้อยจึงจะมีที่อยู่ และตลาดบ้านเช่าจะแข่งขันกันน้อยลง”

ดร.ยุวิตถีแย้งว่าเงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้านไม่ได้ช่วยคนรายได้น้อย เธอชี้แจงว่าตั้งแต่ปี 2021 ถึง 2023 ค่าเช่าบ้านโดยเฉลี่ยตามหัวเมืองใหญ่ในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30-40

เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา รัฐบาลเพิ่มจำนวนเงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้านขึ้นมาร้อยละ 10 แต่ดร.ยุวิตถีกล่าวว่าเงินช่วยเหลือต้องมีจำนวนมากกว่านี้

ไมค์ทิ้งท้ายว่าไม่ว่าใครก็อยากมีงานทำ งานทำให้พวกเขามีสังคม ทำให้คนรู้สึกมีคุณค่าและพึงพอใจในชีวิต แต่หลายคนยังไม่เข้าใจว่าปัญหาการตกงานคือเมื่อคุณไม่มีเงิน คุณก็ไม่มีสังคม

“ผมหวังว่าคนในสังคมจะไม่ปฏิบัติต่อคนตกงานราวกับพวกเขาเป็นคนนอก เราทุกคนในฐานะมนุษย์ก็อยากมีสังคมกันทั้งนั้น มันเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของเรา พอเราไม่มีเงินแล้วเราถูกกีดกันออกไปมันช่างไม่สมเหตุสมผลเลย”



Share

Published

By Arielle Richards
Presented by Atitaya Teepawat
Source: SBS

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand