แบรนด์สกินแคร์ 6 รายถูกสั่งถอนสินค้า หลังตรวจพบส่วนผสมไมโครบีดส์ที่ถูกห้ามใช้ในรัฐนิวเซาท์เวลส์
หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW Environment Protection Authority – EPA) ได้ออกคำสั่งให้บริษัทผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 6 ราย ถอนสินค้าของตนออกจากชั้นวางทั่วรัฐ หลังตรวจพบว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีส่วนผสมของไมโครบีดส์ (microbeads) ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกขนาดเล็กที่ถูกห้ามใช้ตามกฎหมายของรัฐ
หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมฯ ได้ออก “หนังสือแจ้งให้ปฏิบัติตามกฎหมาย” (compliance notices) ต่อบริษัท 6 แห่ง รวมถึง Coles Group และ Natio โดยสั่งให้ยุติการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดังกล่าวโดยทันที
ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมรายหนึ่งกล่าวว่า การตรวจพบไมโครบีดส์ในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ครั้งนี้ เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลจำเป็นต้องออกกฎหมาย “ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น” เพื่อห้ามใช้ไมโครบีดส์ในระดับประเทศ ไม่ใช่เพียงระดับรัฐ
อีกด้านหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญอีกคนแสดงความกังวลว่า ความไม่สอดคล้องกันของนิยามและขอบเขตการแบนไมโครบีดส์ในแต่ละรัฐ อาจทำให้ผู้บริโภคยังคงมีความเสี่ยงที่จะได้รับสารเหล่านี้ แม้ในผลิตภัณฑ์ใช้ประจำวัน เช่น ยาสีฟัน หรือครีมล้างหน้า
ผลิตภัณฑ์ใดบ้างที่ถูกสั่งให้ถอนออกจากชั้นวางสินค้า
แบรนด์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 6 ราย ถูกสั่งให้ถอนสินค้าของตนออกจากชั้นวางในรัฐนิวเซาท์เวลส์ หลังตรวจพบว่ามีส่วนผสมของ “ไมโครบีดส์” (microbeads) ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกขนาดเล็กที่ถูกห้ามใช้ในรัฐตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา
รายชื่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่ถูกสั่งให้ถอนออกจากชั้นวางสินค้า
หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมรัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW EPA) ระบุว่า มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 8 รายการจาก 6 แบรนด์เครื่องสำอางและสกินแคร์ ที่ถูกสั่งให้ถอนออกจากการจำหน่าย หลังตรวจพบว่ามีส่วนผสมของไมโครบีดส์ ซึ่งถูกห้ามใช้ในรัฐตั้งแต่ปี 2022
รายชื่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ได้แก่
- Aesthetics Skincare Pty Ltd — Aesthetics Bio Fermented Triple Action Scrub
 - Coles Group Ltd — KOi For Men Cleansing Face Scrub Oat & Desert Lime
 - Frostbland Pty Ltd — Alya Skin Pomegranate Exfoliator Facial Scrub และ Alya Skin Exfoliating Sorbet
 - JMSR Australia Pty Ltd — Jan Marini Bioglycolic Resurfacing Body Scrub และ Jan Marini Cranberry Orange Exfoliator
 - McPherson’s Consumer Products Pty Ltd — Dr LeWinn’s Essentials Gentle Exfoliant Weekly Facial Polishing Gel
 - Natio Pty Ltd — Natio Men’s Purifying Face Scrub และ Natio Ageless Skin Renewal Exfoliator
 

หน่วยงานสิ่งแวดล้อมรัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW EPA) สั่ง 6 แบรนด์สกินแคร์ดังถอนสินค้าจากชั้นวาง หลังตรวจพบ ไมโครบีดส์
แชปเพลเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์บางรายการที่ถูกสั่งห้ามนั้นใช้ “พลาสติกชีวภาพ (bioplastics)” เช่น กรดโพลิแลกติก (Polylactic Acid – PLA) และ เซลลูโลสอะซีเตต (Cellulose Acetate) ซึ่งแม้จะผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติและสามารถหมุนเวียนได้ แต่ไม่สามารถย่อยสลายได้ง่ายในสิ่งแวดล้อม
และยังถูกจัดให้อยู่ในประเภท “พลาสติก” ภายใต้กฎหมาย Plastic Reduction and Circular Economy Act 2021 ของรัฐนิวเซาท์เวลส์
เขายังกล่าวด้วยว่า บริษัทที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการถอนสินค้าทันทีหลังจากได้รับแจ้ง และหน่วยงาน EPA กำลังทำงานร่วมกับผู้ค้าปลีกรายใหญ่ เช่น เคมิสต์แวร์เฮาส์ (Chemist Warehouse) และ ไพรซ์ไลน์ 
(Priceline) เพื่อเร่งนำสินค้าที่ได้รับผลกระทบออกจากชั้นวางทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้เฉพาะในรัฐนิวเซาท์เวลส์เท่านั้น หมายความว่า ผลิตภัณฑ์บางรายการอาจยังคงถูกวางจำหน่ายได้ในรัฐอื่นของออสเตรเลีย
ไมโครบีดส์คืออะไร และทำไมจึงถูกแบน
ไมโครบีดส์ (Microbeads) คือเม็ดพลาสติกขนาดเล็กที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและของใช้ส่วนบุคคล โดยมักถูกเติมลงไปเพื่อช่วยในการผลัดเซลล์ผิว เพิ่มเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ หรือช่วยยืดอายุการเก็บรักษา
ในอดีต ไมโครบีดส์เคยเป็นส่วนผสมยอดนิยมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เช่น สครับขัดผิว เจลล้างหน้า และยาสีฟัน แต่ปัญหาคือเม็ดพลาสติกเหล่านี้ไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เมื่อถูกล้างลงท่อระบายน้ำ มันจะไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติและกลายเป็นของเสียพลาสติกขนาดจิ๋วที่ถูกสัตว์น้ำกินเข้าไป
ทารา โจนส์ จากสมาคมอนุรักษ์ทางทะเลแห่งออสเตรเลีย (Australian Marine Conservation Society) ระบุว่า ไมโครพลาสติก รวมถึงไมโครบีดส์ เป็นปัญหาใหญ่สำหรับมหาสมุทรและสิ่งมีชีวิตทางทะเล
“ไมโครพลาสติกแทบจะไม่สามารถกำจัดออกจากสิ่งแวดล้อมได้เลย เมื่อมันหลุดลงท่อ มันจะไม่หายไปไหน แต่คงอยู่และสร้างความเสียหายต่อสัตว์และพืชในทะเลต่อไป” โจนส์กล่าวกับเอสบีเอสนิวส์
เธอเสริมว่า “สัตว์ทุกขนาด ตั้งแต่แพลงก์ตอนตัวเล็กไปจนถึงปลาวาฬ ต่างก็สามารถกินไมโครพลาสติกเหล่านี้เข้าไปได้”
ไมโครพลาสติกไม่ได้ถูกพบเฉพาะในสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังถูกตรวจพบ “ภายในร่างกายมนุษย์” อีกด้วย ซึ่งเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลให้กับ ดร. คาเรน เราเบนไฮเมอร์  อาจารย์อาวุโสจากมหาวิทยาลัยวอลลองกอง 
เธอกล่าวกับ เอสบีเอสนิวส์ ว่า
“ทุกครั้งที่เราตรวจในร่างกายหรือในสิ่งแวดล้อม เราพบไมโครพลาสติกอยู่เสมอ”
“ไมโครพลาสติกมีรูปร่างหลากหลาย และดูเหมือนว่าจะสะสมในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้แตกต่างกัน — รวมถึงในลำไส้และสมองด้วย”
ดร.เราเบนไฮเมอร์ยังระบุว่า ตัวพลาสติกเองสามารถสร้างความเสียหายได้ แต่สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือมันอาจ “ปล่อยสารเคมี” ที่ดูดซับมาจากผลิตภัณฑ์ที่มันอยู่ด้วยออกมา
“นี่ไม่ใช่เพียงปัญหาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของสุขภาพมนุษย์ น้ำดื่มที่เราบริโภค ความมั่นคงทางอาหาร และแม้แต่คุณภาพของดินก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน” เธอกล่าว
การแบนที่ไม่เป็นเอกภาพ
ออสเตรเลียยัง ไม่มีการแบนไมโครบีดส์ในระดับประเทศ อย่างเป็นทางการ แต่แต่ละรัฐและเขตปกครองได้ออกกฎควบคุมของตนเอง โดยมุ่งเป้าไปที่ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายประเภท “ล้างออกได้” (rinse-off) เช่น สครับล้างหน้า หรือเจลอาบน้ำ ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายจำกัดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
ผลิตภัณฑ์ที่มีไมโครบีดส์แบบล้างออกได้ถูกแบนในบางรัฐ ได้แก่
- รัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW) — ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022
 - แคปิคอลเทร์ริทอรี (ACT) — ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023
 - รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (WA) — ตั้งแต่เดือนกันยายน 2023
 - รัฐควีนส์แลนด์ (QLD) — ตั้งแต่เดือนกันยายน 2023
 
ส่วน นอร์ทเทิร์นเทร์ริทอรี (NT)  ได้เสนอร่างกฎหมายเพื่อแบนผลิตภัณฑ์ที่มีไมโครพลาสติกแบบล้างออกได้ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2025
ขณะที่ รัฐวิกตอเรีย (VIC)  เซาท์ออสเตรเลีย (SA)  และแทสเมเนีย ZTAS) ยังไม่มีการประกาศห้ามใช้ไมโครบีดส์
ทารา โจนส์ จากสมาคมอนุรักษ์ทางทะเลแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่า แม้การรณรงค์ “ยุติการใช้ไมโครบีดส์โดยสมัครใจ” ในผลิตภัณฑ์ล้างออกจะถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่การบังคับใช้ของ EPA ล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่า “ยังจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลจากภาครัฐที่เข้มงวดกว่านี้”
เธอยังกล่าวด้วยว่า การระบุว่าในผลิตภัณฑ์ใดมีไมโครบีดส์หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคทั่วไปทำได้ยาก
“ผู้บริโภคไม่ควรต้องมีปริญญาด้านวิทยาศาสตร์พอลิเมอร์ ถึงจะรู้ได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ตนใช้มีการเติมพลาสติกเข้าไปหรือไม่”

ออสเตรเลียยังไม่มีกฎหมายแบน “ไมโครบีดส์” ในระดับประเทศ แต่ละรัฐและดินแดนจึงออกกฎควบคุมกันเองตามเขตพื้นที่ Source: SBS
เหตุใดการควบคุมไมโครบีดยังคงไม่ชัดเจน
ดร. คาเรน เราเบนไฮเมอร์  ระบุว่า การแบนไมโครบีดส์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในแต่ละรัฐของออสเตรเลีย “มีขอบเขตจำกัด” และ “ถูกนำไปใช้แบบไม่สอดคล้องกัน” 
เธออธิบายว่า กฎหมายส่วนใหญ่ของแต่ละรัฐจะใช้กับเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภท “ล้างออกได้” (rinse-off) เท่านั้น ซึ่งเปิดช่องให้เกิดการตีความที่แตกต่างกันได้
“อย่างเช่น ยาสีฟัน ก็อาจถูกตีความว่าเป็นผลิตภัณฑ์ล้างออกได้ เพราะคุณต้องบ้วนปากหลังแปรงฟัน” เธอกล่าว
นอกจากนี้ ไมโครบีดยังถูกพบในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ครีมกันแดด เครื่องสำอาง และกลิตเตอร์ตกแต่งผิว ซึ่งมักอยู่นอกนิยามของผลิตภัณฑ์ที่ถูกห้ามในกฎหมายปัจจุบัน ทำให้ยังสามารถจำหน่ายได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
ดร. คาเรน เราเบนไฮเมอร์ กล่าวว่า ระบบการแบนไมโครบีดส์แบบ “ต่างคนต่างทำ” ของแต่ละรัฐในออสเตรเลีย ทำให้ภาคอุตสาหกรรมปฏิบัติตามได้ยาก
“เมื่อบางรัฐแบน แต่บางรัฐไม่แบน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็มักจะเล็ดลอดข้ามพรมแดนไปขายในพื้นที่อื่นได้ มันเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยากมาก” เธอกล่าว
เธอยังเสริมด้วยว่า ควรมีความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลมากกว่านี้
“สำหรับเรื่องพลาสติก สิ่งสำคัญที่สุดคือการเปิดเผยและการติดตามได้ ทุกครั้งที่เรากำหนดกฎระเบียบ เราก็เหมือนยอมรับโดยปริยายว่าสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากนั้นไม่ผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้นการบังคับให้บริษัทเปิดเผยส่วนผสมจึงเป็นกุญแจสำคัญในการติดตามและควบคุมได้จริง”
ด้านทารา โจนส์ กล่าวเสริมว่า แม้มาตรการแบนไมโครบีดส์ที่ใช้อยู่ ถือเป็น “จุดเริ่มต้นที่ดี” แต่ยังต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติมอีกมาก
“การแบนไมโครพลาสติกที่ถูกเติมโดยตั้งใจในผลิตภัณฑ์ล้างออกถือเป็นก้าวแรกที่ดี แต่ยังมีผลิตภัณฑ์อีกมากมายที่มีไมโครบีดส์แต่ไม่ได้อยู่ในหมวดนั้น เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เครื่องสำอาง มอยส์เจอไรเซอร์ และสเปรย์ระงับกลิ่นกาย ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่ครอบคลุมอยู่ในกฎหมายของรัฐหรือในโครงการยุติการใช้โดยสมัครใจ” เธอกล่าว
วิธีตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์มีไมโครบีดส์หรือไม่
หากต้องการตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือของใช้ส่วนตัวมีไมโครพลาสติกหรือไมโครบีดส์หรือไม่ วิธีง่ายที่สุดคือ ดูจากรายชื่อส่วนผสม (ingredients list) บนฉลากผลิตภัณฑ์
ส่วนผสมที่มักบ่งชี้ว่ามีไมโครบีดส์ ได้แก่:
- Polyethylene (PE)
 - Polyethylene Terephthalate (PET)
 - Polypropylene (PP)
 - Polymethyl Methacrylate (PMMA)
 - Nylon (PA)
 
นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังสามารถใช้แอปพลิเคชัน Beat the Microbead ซึ่งช่วยสแกนบาร์โค้ดของผลิตภัณฑ์เพื่อดูว่าในสูตรนั้นมีไมโครบีดส์หรือไม่ ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้อย่างปลอดภัยและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
Share



