ลี ฮอดจ์สัน อายุ 85 ปี ทำกิจกรรมอย่างกระฉับกระเฉงในชุมชนกับ Older Women’s Network เสมอ
แต่เมื่อปีที่แล้ว ฮอดจ์สันต้องเข้ารับการฉายรังสีรักษามะเร็งบริเวณจมูก และปีนี้มีอาการหัวใจวาย ต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง และยังต้องพักฟื้นอยู่
แอนดรูว์ สามีของเธอก็มีปัญหาสุขภาพ ทำให้กิจวัตรประจำวัน เช่น การทำความสะอาดบ้าน หรืออาบน้ำ กลายเป็นเรื่องที่ทำได้ยากขึ้น
“สิ่งที่ต้องเผชิญมันกดดันสภาพจิตใจมาก คุณจะกังวล หงุดหงิดง่าย”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เรียกร้องรัฐบาลเพิ่มงบ home care support เกรงผู้สูงอายุหลายหมื่นคนรอนาน
ลีและแอนดรูว์ ฮอดจ์สัน ได้รับการประเมินเพื่อขอรับการดูแลที่บ้าน (in-home support) หลายครั้ง ก่อนที่ฮอดจ์สันจะล้มป่วย
สุดท้ายพวกเขาสามารถขอบริการทำความสะอาดได้ 2 ชั่วโมงต่อสองสัปดาห์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอและไม่สม่ำเสมอด้วย
เราจ่ายภาษีมาทั้งชีวิต พอถึงเวลาต้องการความช่วยเหลือเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่เรากลับไม่ได้รับมันฮอดจ์สันกล่าว
ออสเตรเลียกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย ซึ่งมีความต้องการบริการดูแลผู้สูงอายุสูงขึ้น
ตามรายงาน Intergenerational Report 2023 ของกระทรวงการคลังออสเตรเลียคาดว่าใน 40 ปีข้างหน้า จำนวนผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปจะเพิ่มเป็นสองเท่า และ 85 ปีขึ้นไปจะเพิ่มเป็นสามเท่า
เคร็ก เกียร์ ผู้บริหารเครือข่ายผู้สนับสนุนผู้สูงอายุ OPAN (Older Persons Advocacy Network) ระบุว่า นี่เป็นเรื่องท้าทายสำหรับรัฐบาล
“เรามีประชากรสูงวัยมากขึ้น มีผู้สูงอายุมากขึ้น เราต้องสร้างระบบการเงินและระบบดูแลผู้สูงอายุที่ยั่งยืน ซึ่งกฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้”

ผู้ดูแลผู้สูงอายุในบ้านพักคนชรา Source: Getty / Maskot
นับเป็นตัวกฎหมายที่คณะกรรมาธิการตรวจสอบความปลอดภัยและคุณภาพในระบบการบริการดูแลผู้สูงอายุ (Royal Commission into Aged Care Safety and Quality) รอคอยมานาน ซึ่งได้เผยแพร่รายงานฉบับสุดท้ายในปี 2021 เพื่อซ่อมแซมระบบที่หลายฝ่ายมองว่าไม่มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะบางข้อของคณะกรรมาธิการฯแล้ว เช่น การขึ้นค่าแรงคนทำงานด้านการดูแลผู้สูงอายุ และเพิ่มการกำกับดูแลในบ้านพักคนชรา
เกียร์เสริมว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นแนวทางใหม่ของระบบการดูแลผู้สูงอายุ
“สิ่งที่กฎหมายใหม่ทำคือการเพิ่มมาตรฐานด้านคุณภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะกรรมาธิการฯ ต้องการ ทั้งยังคุ้มครองสิทธิ เพื่อดูแลด้านสิทธิมนุษยชนสำหรับผู้สูงอายุ และยังให้ผู้สูงอายุมีสิทธิเลือกเองผ่านระบบการทำงานที่ช่วยในการตัดสินใจ”
แต่มีความกังวลเกี่ยวกับระบบร่วมจ่ายแบบใหม่
ภายใต้กฎหมายใหม่นี้ ระบบ Support at Home จะมาแทนที่ระบบ Home Care Packages ที่อาจทำให้ผู้ใช้บริการต้องจ่ายมากขึ้น สำหรับบริการที่ไม่ใช่บริการทางการแพทย์
เพนนี ออลแมน-เพน วุฒิสมาชิกพรรคกรีนส์กล่าวว่า ผู้ให้บริการเอกชนเป็นผู้ได้ประโยชน์จากระบบนี้
“รัฐมนตรีกระทรวงการดูแลผู้สูงอายุพูดถึงกำไรที่ผู้ให้บริการ aged care ได้รับเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้สูงอายุจะต้องเป็นคนจ่ายค่าบริการนั้น”

คาดในอีก 40 ปี จำนวนผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปจะเพิ่มเป็นสองเท่า และสามเท่าสำหรับผู้สูงอายุ 85 ปีขึ้นไป Source: Getty / Getty Images
แต่สำหรับบริการที่ไม่ใช่ทางคลินิก ผู้รับบริการจะต้องร่วมจ่าย โดยจะคิดอัตราตามรายได้และทรัพย์สิน
สิ่งนี้รวมถึงบริการดูแลส่วนบุคคล เช่น การอาบน้ำ ช่วยดูแลจัดยา การเดินทาง หรือการปรับปรุงบ้าน
โดยผู้รับบำนาญเต็มจำนวนจะต้องจ่าย 5% ของค่าใช้จ่าย
ส่วนผู้รับบำนาญบางส่วนหรือผู้เกษียณที่พึ่งพาทรัพย์สินตนเอง อาจต้องจ่ายถึง 50%
รายงานของผู้ตรวจการบริการดูแลผู้สูงอายุ (Aged Care Inspector-General) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาระบุว่า
ผู้สูงอายุบางรายต้องงดอาบน้ำหรือซักผ้า เพราะไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้
เบเวอร์ลี เบเกอร์ ประธานเครือข่ายผู้หญิงสูงอายุแห่งชาติ (Older Women’s Network) กล่าวว่าผู้สูงอายุไม่ควรถูกเรียกเก็บเงินสำหรับการช่วยอาบน้ำ
“ถ้าคุณเป็นผู้หญิงสูงอายุ คุณจะรู้ว่าการอาบน้ำสำคัญต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของคุณมากแค่ไหน ถ้าคุณเสี่ยงจะล้ม หรือเกิดอุบัติเหตุในห้องน้ำ และต้องการคนช่วย นั่นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่มันเป็นเรื่องทางการแพทย์ และควรถูกจัดอยู่ในการดูแลทางการแพทย์”
เบเกอร์เสริมว่า ภาระค่าใช้จ่ายจะหนักเป็นพิเศษสำหรับผู้สูงอายุที่เช่าบ้าน
“นี่จะส่งผลกระทบมาก โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ต้องเช่าบ้าน พวกเธอแทบจะจ่ายค่าเช่าไม่ไหวอยู่แล้ว จะให้จ่ายเพิ่มได้ยังไง ระบบผู้ใช้จ่ายเอง (user-pay) ไม่ใช่แนวทางที่ดี และคนรุ่นเบบีบูมเมอร์ก็ไม่ได้รวยทุกคน”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง

คุณมีสิทธิในการได้รับบริการจากสถานดูแลคนชราอย่างไร
ปัจจุบันมีผู้สูงอายุที่รอบริการดูแลที่บ้านเกือบ 200,000 คน
โดยรัฐบาลสัญญาจะเพิ่มบริการให้อีก 83,000 ที่นั่ง ภายในกลางปีหน้า และได้จัดสรรงบประมาณเพื่อให้บริการสำหรับ 20,000 ที่นั่ง ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายนแล้ว
แพทริก รีด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการขององค์กร Uniting NSW.ACT ซึ่งให้บริการทั้งแบบอยู่บ้านและแบบสถานพยาบาลกล่าวว่า รัฐบาลควรเพิ่มจำนวนที่นั่งมากกว่านี้สองเท่า
“ตอนนี้เรามีความกดดันในสถานบริการผู้สูงอายุ ซึ่งมีอัตราการเข้าพักสูงมาก และยังส่งผลต่อโรงพยาบาลทั่วประเทศที่ต้องรับผู้ป่วยค้างเตียง เพราะไม่มีบริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน”
เรื่องนี้นำไปสู่ประเด็นการจัดสรรงบประมาณและค่าบริการในระบบดูแลสถานบริการผู้สูงอายุ
ภายใต้กฎหมายใหม่ ผู้ให้บริการจะสามารถเรียกเก็บค่ามัดจำที่พัก (Refundable Accommodation Deposit – RAD) จากผู้ที่มีศักยภาพในการจ่ายได้สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยเสียเปรียบ
ขณะที่ระบบโดยรวมเกือบเต็มความจุแล้ว (92 เปอร์เซ็นต์)
เกียร์จาก OPAN กล่าวทิ้งท้ายว่า
เราไม่อยากเห็นระบบสองมาตรฐาน เราอยากให้ทุกคน ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าไหร่ ได้รับการดูแลผู้สูงอายุที่มีคุณภาพในออสเตรเลียเกียร์กล่าว














