รัฐบาลเดินหน้าขยายโครงการก๊าซครั้งใหญ่ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย มีอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

Climate protestors on the eve of the Federal Government's NWS decision (Christopher Tan).jpg

กลุ่มผู้ประท้วงต่อการตัดสินใจอนุมัติการขยายโครงการโดยรัฐบาลกลางในรัฐนิวเซาท์เวลส์ Credit: Christopher Tan

รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมแห่งรัฐบาลกลาง มาร์รี วอตต์ (Murray Watt) ได้อนุมัติการขยายโครงการก๊าซนอร์ทเวสต์เชลฟ (North West Shelf Gas Project) ครั้งใหญ่ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย โครงการนี้เป็นหนึ่งในแหล่งก๊าซนอกชายฝั่งที่มีมูลค่าสูงที่สุดของประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทวูดไซด์ (Woodside) ซึ่งต้องการขยายอายุของโครงการออกไปอีก 40 ปี โครงการตั้งอยู่บนคาบสมุทรบูรัป (Burrup Peninsula) ในภูมิภาคพิลบารา (Pilbara) ซึ่งรู้จักกันอีกชื่อว่า มูรูจูกา (Murujuga) โดยพื้นที่นี้ถือเป็นเขตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม


บนสันเขาหินสีแดงของคาบสมุทรเบอร์รับ (Burrup peninsula) ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย มีร่องรอยแกะสลักอยู่บนหิน ซึ่งมีอายุนับหมื่นๆ ปีในพื้นที่ Murujuga

ร่องรอยเหล่านี้รวมถึงสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ และภาพแกะสลักใบหน้ามนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดที่เคยพบ เป็นสายสัมพันธ์ลึกซึ้งที่เชื่อมโยงกับบรรพบุรุษและเรื่องราวของชุมชน

พื้นที่นี้กำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้ยืนยันสิ่งที่ชนชาวพื้นเมืองเจ้าของพื้นที่มีความกังวล ต่อประเด็นมลพิษจากอุตสาหกรรม ว่าอาจส่งผลกระทบจากการกัดกร่อนศิลปะโบราณเหล่านี้

หนึ่งในผู้ที่ออกมาแสดงความกังวลคือ Raelene Cooper หญิงชาว Mardudhunera และเจ้าของพื้นที่ดั้งเดิมของ Murujuga

เธอได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางและเรียกร้องให้หยุดการขยายโครงการก๊าซ จนกว่าประเด็นด้านมรดกจะได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม

“เรื่องนี้มีแต่เงินและการทำลายล้าง พวกเขากำลังพยายามลบล้างประวัติศาสตร์ของฉัน ประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้ และสิ่งที่มันมีความหมายต่อผู้คนที่นี่ นี่คือหุบเขา Juukan ในแบบสโลว์โมชั่น สุดท้ายแล้ว รัฐบาลไม่ได้คิดถึงพวกเราเลย นอกจากว่าเราคือคนส่วนน้อย” เธอกล่าว

โครงการ North West Shelf ของบริษัท Woodside เป็นหนึ่งในศูนย์ก๊าซธรรมชาติเหลวที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยก๊าซถูกสกัดจากแท่นขุดเจาะนอกชายฝั่งสามแห่ง แล้วส่งผ่านท่อไปยังโรงงานก๊าซที่เมือง Karratha

และจากที่นั่น ก๊าซจะถูกแปรรูปและส่งออกไปยังญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน

นอกจากนี้ โครงการนี้ยังทำการจัดหาก๊าซภายในประเทศให้กับรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย

จุดที่เป็นปัญหาคือใบอนุญาตสิ่งแวดล้อมของโครงการปัจจุบันที่จะหมดอายุในปี 2030 แต่ทาง Woodside ต้องการให้โครงการดำเนินต่อไปอีก 40 ปี จนถึงปี 2070

ซึ่งแผนนี้ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่ตลอดหลายเดือน ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศต่างออกเตือนว่า การขยายโครงการ North West Shelf จะต้องแลกมากับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงในอนาคต

ทางด้าน Greg Bourne อดีตผู้บริหารของบริษัท BP และปัจจุบันเป็นสมาชิกสภาสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่า เขารู้สึกตกใจกับปริมาณการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้อง

“การปล่อยมลพิษนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน โดยส่วนแรกคือการปล่อยมลพิษภายในออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 700 ถึง 800 ตันต่อปี แต่เมื่อก๊าซ LNG ถูกเผาไหม้ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลี หรือจีน ตลอดอายุโครงการจะมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 4 พันล้านตันสู่ชั้นบรรยากาศ ในช่วงเวลาที่เราควรลดการปล่อยมลพิษลง” เขากล่าว

ในขณะที่ทางด้านโฆษกของบริษัท Woodside กล่าวว่า โครงการนี้มีความสำคัญในระดับประเทศ สร้างงานนับพันตำแหน่ง และสร้างรายได้ภาษีและค่าสัมปทานกว่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์

โดยจะมีพนักงานมากกว่า 2,000 คนทำงานในพื้นที่นี้ และตลอดช่วงเวลา 40 ปีของการดำเนินงาน โครงการนี้สร้างค่าสัมปทานกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์

“ข้อตกลงที่เราต้องทำถ้าหากเราต้องการส่งออกผลิตภัณฑ์แบบนี้ คือเราต้องร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อลดการปล่อยมลพิษ ห่วงโซ่อุปทานนี้จะต้องลดลง หากเราต้องการหยุดภาวะโลกร้อน” เขากล่าว

แม้โครงการ North West Shelf จะได้รับการอนุมัติแล้ว แต่ประเด็นขัดแย้งของ Woodside ยังคงไม่สิ้นสุดลง เพราะบริษัทยังต้องการเจาะแหล่งก๊าซ Browse Basin นอกชายฝั่ง Kimberley

พื้นที่นี้อยู่ใกล้แนวปะการัง Scott Reef ซึ่งเป็นเขตสงวนทางทะเลที่มีความอ่อนไหวทางนิเวศวิทยา เป็นถิ่นอาศัยของปลาวาฬสีน้ำเงินแคระและเต่าทะเลกรีน ซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์

ทางด้าน Sophie McNeil สมาชิกพรรค Greens ที่เพิ่งได้รับเลือกเข้าสภาสูงของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย และเป็นโฆษกของพรรคในประเด็นเชื้อเพลิงฟอสซิล กล่าวว่า

“ไม่ใช่แค่ว่าโครงการนี้เป็นโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ หรือว่าเป็นการระเบิดคาร์บอนมหาศาลที่สภาพภูมิอากาศของเราไม่สามารถรองรับได้ แต่เพราะมันถูกสร้างขึ้นบนแนวปะการังที่ยังคงสมบูรณ์ หากเป็น Great Barrier Reef หรือที่ควีนส์แลนด์ คุณคงไม่กล้าฝันว่าจะทำแบบนี้ แต่ Woodside คิดว่าพวกเขาสามารถทำได้ เพราะพื้นที่นี้อยู่ห่างไกลในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย”

Woodside ยืนยันว่าโครงการนี้มีความจำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงด้านพลังงานระยะยาวสำหรับพันธมิตรระหว่างประเทศ และเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเวสเทิร์นออสเตรเลีย


Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand