ผู้นำทีมวิจัย ดร.จันลูก้า ดิ เซ็นโซ นักวิชาการจากสถาบันการศึกษาและอบรมภาวะเสพติดแห่งชาติ เปิดเผยกับเอสบีเอสนิวส์ว่างานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาว่ากระแสงดแอลกอฮอล์จะดำเนินต่อไปหรือไม่
"พฤติกรรมดื่มแอลกอฮอล์น้อยลงเป็นสัญญาณที่ดีเพราะคนรุ่นใหม่ไม่ได้ดื่มน้อยลงเพียงเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น พวกเขามีแนวโน้มจะดื่มน้อยลงไปตลอดชีวิต" ดร.จันลูก้ากล่าว
นอกจากเจนซีแล้ว คนรุ่นมิลเลนเนียลก็ยังดื่มน้อยกว่าคนรุ่นก่อนหน้าพวกเขาอีกด้วย

Source: SBS
แล้วอะไรเป็นแรงผลักดันให้คนรุ่นใหม่ดื่มแอลกอฮอล์น้อยลง
นักวิจัยชี้ว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้คนบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้อยลง อย่างเช่น ค่าครองชีพที่สูงขึ้น คนหันมาใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากขึ้น เทรนด์การดูแลสุขภาพที่กำลังมาแรง และวัฒนธรรมที่ไม่ได้ให้คุณค่าการดื่มเท่าในอดีต
"คนกลุ่มเจนซีเขาไม่ได้คิดว่าการไม่ดื่มแอลกอฮอล์เวลาออกไปข้างนอกเป็นเรื่องแปลกแยก คนกลุ่มนี้ยังงดดื่มเป็นเรื่องปกติและยังให้ความสำคัญกับสุขภาพและวิถีชีวิตเป็นหลัก" ดร.จันลูก้าเสริม
ไมเคิล ลิฟวิงสตัน รองศาสตราจารย์ด้านการวิจัยแอลกอฮอล์ที่สถาบันวิจัยยาแห่งชาติของมหาวิทยาลัย Curtin
เขาบอกเอสบีเอสนิวส์ว่าคนรุ่นใหม่สื่อสารกันบนโลกออนไลน์มากกว่าคนรุ่นก่อน แล้วการเลี้ยงดูของพ่อแม่ก็เน้นเรื่องข้อเสียของการดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น
คนรุ่นใหม่มีพฤติกรรมเสี่ยงน้อยกว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว นอกจากจะดื่มน้อยลงแล้วก็ยังเลี่ยงอุบัติเหตุบนท้องถนน พฤติกรรมลวนลามทางเพศ และอาชญากรรมอื่นๆ น้อยลง
งานวิจัยอื่นๆ ยังชี้ว่าคนรุ่นใหม่มีความกังวลต่อการใช้ชีวิตในอนาคตมากกว่าคนรุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะเรื่องวิกฤตสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและความมั่นคงทางการเงิน
รศ.ไมเคิลบอกว่าปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์น้อยลงเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับสุขภาพจิตของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเยาวชนที่มีภาวะวิตกกังวลมากขึ้น
พลวัตทางวัฒนธรรมมีผลอย่างไร
ดร. Kirrily Thompson ผู้เขียนงานวิจัยนี้อธิบายว่าการดื่มแอลกอฮอล์เป็นวัฒนธรรมที่ฝังรากในสังคมออสเตรเลียมาหลายสิบปี แต่ตอนนี้กำลังเปลี่ยนไป
เธอบอกว่าแอลกอฮอล์ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญอีกต่อไป เวลาคนออสเตรเลียรุ่นใหม่ต้องการเข้าสังคมหรือจัดงานฉลอง
การดื่มแอลกอฮอล์ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายประการ ตั้งแต่มะเร็งชนิดต่างๆ โรคตับ รวมไปถึงโรคหัวใจ
ตัวเลขประมาณการจากองค์การอนามัยโลก คาดว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 2 พัน 6 ร้อยล้านคนจากการดื่มแอลกอฮอล์ในปี 2019
แล้วเทรนด์นี้มีที่ไหนอีก?
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2001 วัยรุ่นออสเตรเลียอายุ 14-17 ปี กว่าร้อยละ 70 ระบุว่าพวกเขาเคยดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา
แต่ตัวเลขจากแบบสอบถามครัวเรือนและยุทธศาสตร์ยาเสพติดแห่งชาติเปิดเผยว่าปัจจุบันมีวัยรุ่นเพียงแค่ร้อยละ 30 เท่านั้นที่ระบุว่าเคยดื่มแอลกอฮอล์
แนวโน้มดังกล่าวยังเกิดขึ้นในกลุ่มประเทศรายได้สูงอย่างนิวซีแลนด์ แคนาดา สหราชอาณาจักร และประเทศในยุโรปอย่าง สวีเดน