ทำไมสัตว์หายากในออสเตรเลียตกเป็นเป้าการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายมากขึ้น

TANYA PLIBERSEK ILLEGAL WILDLIFE TRADE

ชิงเกิลแบ็ก ลิซาร์ด (กิ้งก่าท้องเหลือง) ตัวหนึ่ง ที่สวนสัตว์ทารองกา ในซิดนีย์ วันที่พฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม 2023 (ภาพ: AAP/Mick Tsikas) Credit: MICK TSIKAS/AAPIMAGE

มีการประมาณการว่า การค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 32,000 ล้านดอลลาร์ ออสเตรเลียเป็นประเทศหนึ่งที่มีสัตว์หายากจำนวนมาก ทำให้สัตว์ป่าในประเทศนี้ตกเป็นเป้าหมายของขบวนการค้าสัตว์ป่าตลาดมืดได้ง่าย นักวิจัยในออสเตรเลียกำลังทำงานเพื่อเปิดโปง ป้องกัน และสกัดกั้นอุตสาหกรรมผิดกฎหมายนี้ ซึ่งกำลังก่อผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อระบบนิเวศและอุตสาหกรรมของประเทศ


มีการประมาณการว่ามูลค่าการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายทั่วโลก มีมูลค่าสูงถึงหลายหมื่นล้านดอลลาร์

ในออสเตรเลีย สัตว์ป่าคุ้มครองอยู่ภายใต้กฎหมาย Environment Protection and Biodiversity Conservation Act (1999) ซึ่งกำหนดโทษหนัก ทั้งจำทั้งปรับ สูงสุดถึง 5 ปี สำหรับ ผู้ที่ถูกจับได้ว่าลักลอบนำเข้า หรือส่งออกสัตว์สงวน โดยไม่มีใบอนุญาต

อย่างไรก็ตามการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในออสเตรเลีย จนมหาวิทยาลัยแอดิเลดต้องจัดตั้งศูนย์วิจัยเฉพาะด้านอาชญากรรมสัตว์ป่า (Wildlife Crime) โดยตรง

เคที สมิธ ผู้จัดการโครงการวิจัยของศูนย์ฯ ระบุว่า การค้าผิดกฎหมายนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ซ

“ตอนนี้ยังไม่มีแรงกดดันมากพอที่จะทำให้การค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายเป็นการกระทำที่ต้องค้าขายแบบหลบซ่อน แต่ก็น่าสนใจที่จะกลับมาศึกษาเรื่องนี้อีกครั้ง ในขณะที่กฎหมายในหลายประเทศเริ่มเข้มงวดขึ้น ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะทำให้ผู้ลักลอบค้าหันไปใช้เว็บมืดมากขึ้นหรือไม่”
หน่วยงานป้องกันชายแดนออสเตรเลีย (Australian Border Force) ได้ปราบปรามปัญหานี้หลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยสกัดกั้นการลักลอบส่งออก นำเข้าสัจว์ผิดกฎหมาย ประมาณ 4,000 ตัวต่อปี รวมถึงสัตว์มีชีวิตที่ถูกทารุณ

ประเทศที่เป็นตลาดใหญ่ที่สุดสำหรับสัตว์เลื้อยคลานและผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลื้อยคลาน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี

ดร. เซบาสเตียน เชคูนอฟ หัวหน้าวิจัยด้านอาชญากรรมสัตว์ป่า กล่าวว่า เคยมีผู้ลักลอบพยายามส่งสัตว์มีชีวิตออกนอกประเทศไปเอเชีย โดยซ่อนในกระเป๋าเดินทาง แทรกไว้ในเสื้อผ้า หรือแม้แต่ซ่อนในกล่องช็อกโกแลต

"พัสดุผิดกฎหมายจำนวนมากที่ถูกเจ้าหน้าที่สกัดกั้น พบว่ามีปลายทางเป็น ฮ่องกง ซึ่งมีตลาดสัตว์เลี้ยงแปลกใหม่อยู่แล้ว ทำให้สัตว์เลื้อยคลานบางส่วนถูกขายต่อในประเทศนั้นได้ง่าย นอกจากนี้ ฮ่องกงยังเป็นศูนย์กลางการค้าและการขนส่งระหว่างประเทศ และเป็นประตูเชื่อมต่อไปจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้กลายเป็น “จุดพัก” หรือ “จุดเริ่มต้น” ที่ผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่ามักใช้ในเครือข่ายการขนส่งข้ามชาติ”

ความสนใจต่อสัตว์ป่าของออสเตรเลียเกิดจากการที่ประเทศนี้มีสัตว์หายากจำนวนมาก ซึ่งความหายากนี่เองที่เป็นแรงดึงดูดของตลาดมืดสัตว์ป่า

เจ้าหน้าที่ Border Force ระบุว่า สัตว์เลื้อยคลานพื้นเมืองบางชนิดของออสเตรเลียมีมูลค่าในตลาดมืดสูงถึง 100,000 ดอลลาร์

ดร. เชคูนอฟ และ เคที สมิธ ต่างกล่าวว่า สัตว์เลื้อยคลานออสเตรเลียเป็นกลุ่มที่น่าห่วง เพราะกว่า 1,000 ชนิด สามารถพบได้เฉพาะในออสเตรเลียเท่านั้น

“เราพบว่าความต้องการสัตว์หายากเหล่านี้เพิ่มขึ้นตามระดับ ‘ความหายาก’ ของพวกมัน ยิ่งหายากมาก ก็ยิ่งมีความต้องการมากขึ้น และน่าเสียดายที่สิ่งนี้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้สัตว์หลายชนิดเข้าใกล้การสูญพันธุ์ นอกจากนี้ การค้าผิดกฎหมายนี้ยังสร้างต้นทุนมหาศาล ทั้งด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม และเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อการนำสิ่งมีชีวิตรุกรานเข้ามา รวมถึงการแพร่กระจายของโรคต่าง ๆ อีกด้วย”
ไม่ใช่แค่สัตว์มีชีวิตเท่านั้นที่ถูกลักลอบค้า แต่รวมถึง “ผลิตภัณฑ์จากสัตว์” ด้วย

เมื่อปีที่แล้ว มีการยึดไข่นกจำนวน 3,000 ฟองจากชายผู้ต้องสงสัยในแทสเมเนีย ซึ่งเชื่อว่าเป็นไข่จากสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธ์

ผลิตภัณฑ์จากฉลาม และครีบฉลาม ก็เป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง ถูกลักลอบส่งออกจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ไปยังเอเชีย

ชาร์ลอตต์ ลาสซาลีน ซึ่งทำวิจัยระดับปริญญาเอก พบว่า ความต้องการ “สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบนบก” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นแมงมุม แมงป่อง มด แมลงกิ่งไม้ และหอยต่าง ๆ

“เราพบว่ามีสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังกว่า 580 ชนิด ที่ถูกนำมาซื้อขาย ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมาก และหลายชนิดเป็นสัตว์ที่ถูกคุกคาม หนึ่งในนั้นคือ แมงป่อง Flinders Ranges ที่อาศัยอยู่เฉพาะพื้นที่เล็ก ๆ ในรัฐเซาท์ออสเตรเลียเท่านั้น แต่กลับถูกขายเป็นสัตว์เลี้ยงกันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ ทำให้เป็นห่วงอย่างมาก เพราะมันมีจำนวนน้อยอยู่แล้ว”
นอกจากนี้ การค้าสัตว์พื้นเมืองยังสร้างผลกระทบทางวัฒนธรรมด้วย

ชนพื้นเมืองของออสเตรเลียมีความผูกพันกับสัตว์ป่าในฐานะสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์เชื่อมโยงกับบรรพบุรุษและผืนดิน (totem ) และเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว Dreamtime และความเชื่อมโยงกับผืนดิน (Country)

ผู้นำชนพื้นเมืองทั่วประเทศกำลังกดดันให้ชุมชนมีบทบาทจัดการโครงการคุ้มครองสัตว์ป่า โดยผสานองค์ความรู้ดั้งเดิมเข้ากับวิธีอนุรักษ์สมัยใหม่

เดือนนี้ ผู้มีส่วนร่วมจากทั่วโลกจะพบกันในที่ประชุม Conference of Parties ครั้งที่ 20 ที่อุซเบกิสถาน ซึ่งจะหารือการแก้ไขกฎระหว่างประเทศที่กำกับการค้าสัตว์ป่า ภายใต้ข้อตกลง CITES

ศาสตราจารย์ฟิล เคซีย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยอาชญากรรมสัตว์ป่า กล่าวว่า มีข้อเสนอกว่า 51 เรื่อง ที่จะถูกหยิบยกในที่ประชุมครั้งนี้ รวมถึงข้อเสนอของออสเตรเลียที่ต้องการเพิ่มสัตว์เลื้อยคลานสองชนิดเข้าไปในบัญชีสัตว์คุ้มครองด้วย.

“ออสเตรเลียเสนอสัตว์สองชนิดให้เพิ่มเข้าสู่บัญชีภาคผนวกที่ 2 ของ CITES ได้แก่ จิ้งจกใบไม้ Mount Elliott และ จิ้งจกหางบางลายวงแหวน การถูกขึ้นบัญชีนี้หมายความว่า จะไม่สามารถนำเข้าไปประเทศอื่น หรือส่งออกจากออสเตรเลียได้หากไม่มีใบอนุญาต และข้อตกลงนี้ ยังเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ป้องกันชายแดนของประเทศอื่นสามารถยึดสัตว์เหล่านี้ได้หากพบการลักลอบขนส่ง ออกนอกออสเตรเลีย”

Share

Recommended for you

Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand