“PR หรือผู้พำนักถาวร” ต่างจาก “Citizen หรือพลเมือง” อย่างไร?
ทั้งสองสถานะมีสิทธิและประโยชน์คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างและอาจส่งผลต่อชีวิตในระยะยาว

ศุภชัย โอส่าห์กิจ ทนายความคนไทยในซิดนีย์ ที่เพิ่งเข้าพิธีปฏิญาณตน เพื่อรับสัญชาติออสเตรเลีย Credit: Supachai Osakit
สิทธิและข้อจำกัดของผู้พำนักถาวร (PR)
ผู้ที่ได้รับสถานะผู้พำนักถาวร (Permanent Residency หรือ PR) จะก้าวพ้นข้อจำกัดหลายอย่างของวีซ่าชั่วคราว สามารถทำงานได้เต็มเวลาโดยไม่จำกัดชั่วโมง เข้าถึงสิทธิด้านการศึกษาและสุขภาพ เช่น บุตรหลานเข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาลฟรี และใช้สิทธิเมดิแคร์ (Medicare) ได้เช่นเดียวกับพลเมือง (Citizen)
ที่สำคัญคือสามารถซื้อบ้านหรือที่ดินได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจาก FIRB (Foreign Investment Review Bond) ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุน
อย่างไรก็ตาม สถานะผู้พำนักถาวรมีเงื่อนไขด้านเวลา หากเดินทางออกนอกประเทศเกิน 5 ปี จะต้องยื่นขอวีซ่าเพื่อกลับเข้ามาใหม่ และต้องพิสูจน์ความผูกพันกับออสเตรเลียด้วย
“ถ้าออกจากประเทศแล้วกลับเข้ามาใหม่หลังจากระยะเวลา 5 ปี จะต้องขอวีซ่าที่เรียกว่า Resident Return Visa และสิ่งที่ท้าทายก็คือจะต้องแสดงให้เห็นว่ายังมีความผูกพันกับออสเตรเลียอยู่ เช่น มีบ้าน มีครอบครัว หรือมีงานทำที่นี่ครับ”
สิทธิและหน้าที่ของพลเมือง (Citizen)
พลเมืองออสเตรเลียได้รับสิทธิทางการเมืองเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหรือการเข้าร่วมคณะลูกขุน ซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย
พลเมืองยังมีโอกาสสมัครงานในตำแหน่งราชการหรืออาชีพที่ต้องผ่านการตรวจสอบด้านความมั่นคงสูง ซึ่งผู้พำนักถาวรไม่สามารถทำได้

หนังสือเดินทางออสเตรเลียสามารถใช้เดินทางเข้าประเทศอื่นได้ 185 ประเทศ โดยไม่ต้องขอวีซ่า Source: AAP / Dan Peled
“ข้อได้เปรียบก็คือเรื่องการเดินทาง เพราะสามารถที่จะขอหนังสือเดินทางของออสเตรเลียได้ ซึ่งปัจจุบันสามารถเดินทางไปหลาย ๆ ประเทศมากกว่า 185 ประเทศ โดยที่ไม่ต้องขอวีซ่า อีกอันหนึ่งที่สำคัญมาก หลายคนอาจจะไม่ทราบคือเรื่องความคุ้มครองในต่างประเทศ พลเมืองออสเตรเลียได้รับความคุ้มครองเต็มรูปแบบจากสถานทูตและสถานกงสุลทั่วโลกในกรณีเหตุการณ์ฉุกเฉิน อย่างเช่นภัยพิบัติธรรมชาติ สงคราม หรือวิกฤตทางการเมือง”
ขั้นตอนจาก PR สู่ Citizen
เส้นทางจากสถานะผู้พำนักถาวรไปสู่พลเมือง มีเงื่อนไขที่ละเอียดและเข้มงวด ผู้สมัครต้องพำนักในออสเตรเลียมาแล้วอย่างน้อย 4 ปี โดยอย่างน้อย 12 เดือนสุดท้ายก่อนยื่นขอสัญชาติออสเตรเลียต้องถือสถานะผู้พำนักถาวร
อีกทั้งยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการอยู่นอกประเทศ ซึ่งกำหนดว่าในช่วง 4 ปีนั้นห้ามอยู่นอกประเทศเกิน 12 เดือน และในปีสุดท้ายก่อนยื่นใบสมัครห้ามอยู่นอกประเทศเกิน 90 วัน
เมื่อผ่านเกณฑ์นี้แล้วจะต้องเข้าสอบ Citizenship Test ซึ่งเป็นข้อสอบภาษาอังกฤษ ซึ่งมีทั้งหมด 20 ข้อ และต้องตอบถูกครบทุกข้อในหมวดค่านิยม (Australian values)
การสอบสัญชาติเป็นการทดสอบความรู้เกี่ยวกับออสเตรเลีย ทั้งประวัติศาสตร์ ระบบการเมือง และค่านิยม โดยมี 20 ข้อ ต้องตอบถูกอย่างน้อย 75 เปอร์เซ็นต์ และต้องตอบถูกทุกข้อในส่วนของ Australian Values ครับศุภชัยกล่าว
หลังจากสอบผ่าน ขั้นตอนสุดท้ายคือพิธีปฏิญาณตนเพื่อยืนยันความจงรักภักดีต่อออสเตรเลีย
อุปสรรคและเหตุผลที่บางคนไม่สมัคร Citizenship
แม้สิทธิของพลเมืองจะมากกว่าผู้พำนักถาวรอย่างชัดเจน แต่ก็มีหลายคนที่เลือกจะอยู่ในสถานะผู้พำนักถาวรต่อไป เนื่องจากบางคนรู้สึกว่ามีภาระหน้าที่น้อยกว่า เพราะไม่ต้องเข้าร่วมเลือกตั้งหรือคณะลูกขุน บางคนยังมีความผูกพันกับบ้านเกิด และเลือกใช้หนังสือเดินทางเดิมสำหรับการเดินทาง บางคนเดินทางบ่อยจึงไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดการพำนัก (residency requirement) เพื่อยื่นสัญชาติได้ครบถ้วน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง

คนไทยบอกเคล็ดลับสอบซิติเซ่นให้ได้ 100%
ขณะเดียวกันอุปสรรคที่ผู้ยื่นขอสัญชาติออสเตรเลียมักพบคือการนับวันพำนักผิดพลาด การสอบ Citizenship Test ที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด รวมถึงการเตรียมเอกสารไม่ครบถ้วน และแม้ประวัติอาชญากรรมเล็กน้อยก็อาจส่งผลหากผู้สมัครไม่เปิดเผยตรงไปตรงมา
“เรื่องการเตรียมเอกสาร บางคนไม่ครบถ้วน บางกรณีมีประวัติอาชญากรรมเล็กน้อยแต่ไม่เปิดเผย ซึ่งจริง ๆ แล้วถือว่าร้ายแรงกว่าความผิดนั้นเสียอีกครับ”