ซูซี (นามสมมติ) เปิดเผยเรื่องราวให้เอสบีเอสไทยฟังว่าปกติแล้วเธอมักเดินทางมาออสเตรเลียเป็นประจำเพื่อมาเยี่ยมลูกๆ ที่เรียนที่นี่ และด้วยน้ำหนักสัมภาระที่มักเหลือในแต่ละเที่ยวบิน เธอจึงเริ่มรับหิ้วของเพื่อเป็นรายได้เสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ
“เมื่อต้นปี 2025 ก็ได้โพสต์ในกลุ่มคนไทยในบริสเบน บอกว่ารับหิ้วของ เพราะเห็นว่าน้ำหนักกระเป๋าเหลือ เคยทำมาแล้วสองครั้ง ไม่มีปัญหาเลยค่ะ”
ครั้งนี้มีผู้ติดต่อหลายคน หนึ่งในนั้นอ้างว่าเป็นเจ้าของร้านขายของฝากจากภาคเหนือในออสเตรเลีย และขอให้เธอช่วยนำ “เสื้อผ้าและของฝาก” น้ำหนักประมาณ 35 กิโลกรัมมาด้วย
เธอเล่าว่าพัสดุถูกส่งมาถึงบ้านในประเทศไทยก่อนเดินทางสี่วัน แต่เธอชะล่าใจและไม่ได้เปิดดูจนกระทั่งก่อนออกเดินทาง
“ตอนนั้นเราตกลงกันว่าไม่เกิน 35 กิโล เขาก็บอกว่าได้ แล้วส่งของมาที่บ้านที่ไทยก่อนเดินทาง 4 วัน ตอนนั้นก็ไม่ได้เปิดดู จนจะเดินทาง”

(ภาพจำลองเพื่อประกอบเนื้อหา) พัสดุลักษณะคล้ายกับของที่ผู้ให้สัมภาษณ์ได้รับก่อนพบว่ามีสิ่งของที่คล้ายยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ Credit: Ari Sha/unplash
จุดเริ่มต้นจากรายได้เสริมสู่เหตุการณ์เฉียดคุก
คืนก่อนเดินทาง ซูซีเริ่มจัดกระเป๋า แต่พบว่าน้ำหนักของพัสดุที่ส่งมานั้น เกินจากที่ตกลงไว้กว่า 5 กิโลกรัม และของที่ส่งมามีลักษณะน่าสงสัย
“มันเป็นถุงซีลสุญญากาศขนาดใหญ่ อัดแน่นมาก เราก็คิดว่าผ้าฝ้ายอะไรจะหนักขนาดนี้”
เมื่อเธอตัดสินใจเปิดออกตรวจสอบ ก็พบว่าภายในเนื้อผ้ามีท่อพลาสติกใสซุกอยู่ และภายในบรรจุวัตถุคล้ายเม็ดสีขาวแน่นเต็มท่อ
“ก็ลองตัดมาชิ้นหนึ่ง เลาะๆออกมา แล้วไปเจอข้างในเป็นท่อพลาสติดใสๆ แล้วข้างในก็เป็นเม็ดสีขาวๆ”
เธอเล่าว่าได้ลองดมและแตะดูแต่ไม่มีกลิ่นหรือรส จึงถ่ายรูปส่งให้ลูกชายในออสเตรเลียดู ซึ่งเตือนให้เธอระวัง เพราะสิ่งที่เห็นนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นยาเสพติด
“พอแตะๆ ลองดม ลองชิม ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส เราก็ไม่มีประสบการณ์ เลยถ่ายรูปส่งให้ลูกชายดู เขาบอกเลยว่า 80% น่าจะเป็นสารเสพติด เขาก็บอกให้ระวังและรีบหาทางจัดการ”

ภาพพัสดุจริงที่ซูซี (นามสมมติ) ได้รับก่อนเดินทางมาออสเตรเลีย โดยเธอตัดสินใจเปิดดูและพบสิ่งผิดปกติภายใน ภาพนี้เผยแพร่โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ Credit: Image supplied / Used with permission
การตัดสินใจที่เปลี่ยนชีวิต
เมื่อของต้องสงสัยกลายเป็นสิ่งที่อาจจะเป็นของผิดกฎหมาย ซูซีจึงพยายามติดต่อผู้ส่งของเพื่อขอส่งคืน และอ้างว่าเธอไม่สะดวกหิ้วของไปออสเตรเลียแล้ว
แต่คู่กรณีปฏิเสธไม่ให้ที่อยู่และพยายามให้เธอส่งของคืนโดยฝากไว้ที่คลังกระจายสินค้าของขนส่งพัสดุเอกชนรายหนึ่ง แต่ซูซีคิดว่ามันอาจเป็นแผนลวงและไม่ปลอดภัยกับตัวเอง
คิดว่าถ้าส่งกลับไปจากเป็นผู้รับ เราจะกลายเป็นผู้ส่งยาเสพติดไปให้เขาแน่ๆซูซี (นามแฝง) เล่า
สุดท้าย เธอตัดสินใจให้สามีนำพัสดุทั้งหมดพร้อมหลักฐานการสื่อสารมอบให้ตำรวจในไทย และเธอเดินทางมาออสเตรเลียตามกำหนดเดิม
หลังจากเข้าแจ้งความ และมีการตรวจสอบของกลางจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย และยืนยันว่า “ผงสีขาว” ที่พบคือยาไอซ์ (เมทแอมเฟตามีน) น้ำหนักกว่า 28 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 400 ล้านบาทไทย
"พอลงบันทึกประจำวันแล้ว เค้าก็เอาตำรวจ 30-40 นาย มาค้นที่บ้าน เพราะตอนแรกเขาก็ไม่รู้ อาจคิดว่าเราเป็นต้นตอ เขาก็ต้องสันนิษฐานไว้ก่อน"
ซูซีเผยกับเอสบีเอสไทยว่า ภายในไม่ถึงห้าวัน ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยชายหญิงสองคนในจังหวัดทางภาคเหนือ ซึ่งได้รับสารภาพว่าได้รับค่าจ้างส่งยาเสพติดมาจากขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่
การใช้ชีวิตในฐานะพยานและและความกลัวที่ตามหลอกหลอน
ภายหลังแม้คดีจะสิ้นสุดและผู้กระทำผิดได้รับโทษจำคุก ซูซีเผยว่าเธอยังเผชิญกับความเครียดและความหวาดกลัว ผลกระทบของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอนอนไม่หลับเป็นเวลาหลายสัปดาห์
และต้องอยู่กับความหวาดระแวงจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ จนต้องขอขอให้ตำรวจผลัดเวรเฝ้าบ้านเกือบหนึ่งเดือน เนื่องจากกลัวว่าจะถูกติดตามจากกลุ่มผู้ต้องหา
“มันเป็นช่วงเวลาที่กลัวที่สุดในชีวิต นอนไม่หลับเลย รู้สึกว่าตัวเองพลาดที่สุด มันกระทบไปถึงครอบครัวและลูกๆ”
เธอบอกว่า ถ้าในวันนั้นไม่ตัดสินใจตรวจสอบและได้นำพัสดุดังกล่าวขึ้นเครื่องมายังออสเตรเลีย เธอคงไม่รอดโทษจำคุกตลอดชีวิต
ถ้าวันนั้นไม่เอะใจและไม่เปิดดูของข้างใน ตอนนี้น่าจะติดคุกอยู่ที่ออสเตรเลียตลอดชีวิตซูซี (นามแฝง) เล่า
ซูซีอยากให้เหตุการณ์ที่เธอประสบมาเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนไทยในต่างแดนหรือคนที่เดินทางระหว่างประเทศที่รับหิ้วของเป็นประจำให้ระวังว่าสิ่งที่ได้อาจไม่คุ้มเสีย
“อยากให้ทุกคนระวัง ต่อให้เป็นเพื่อนหรือคนที่คุ้นเคย ก็อย่ารับของโดยไม่รู้ที่มา สิ่งที่ได้มันไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่ต้องเจอเลยค่ะ”

ภาพท่อพลาสติกที่พบอยู่ภายในพัสดุจริง ซึ่งซูซี (นามสมมติ) ตัดสินใจเปิดตรวจสอบก่อนเดินทาง ภาพนี้เผยแพร่โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ Credit: Image supplied / Used with permission
หน่วยงานออสเตรเลียเตือน “ไม่มีข้อเสนอใดคุ้มกับความเสี่ยง”
หน่วยงานความมั่นคงของออสเตรเลียออกคำเตือนอย่างเข้มงวด หลังพบหลายกรณีที่ประชาชนถูกหลอกให้ขนยาเสพติดเข้าประเทศโดยไม่รู้ตัว
โฆษกสำนักงานป้องกันชายแดนออสเตรเลีย (Australian Border Force – ABF) กล่าวผ่านอีเมลถึงเอสบีเอสไทยว่า
“กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติโดยธรรมชาติมักฉวยโอกาสจากผู้ที่เปราะบาง และพร้อมใช้ทุกวิธีเพื่อขนยาเสพติดเข้าสู่ออสเตรเลีย”
“อาชญากรเหล่านี้หลอกล่อและเอาเปรียบผู้คน โดยใช้ความสัมพันธ์กับครอบครัวหรือเพื่อนเป็นเครื่องมือ ผลลัพธ์สำหรับเหยื่ออาจร้ายแรงถึงขั้นถูกจำคุกเป็นเวลานาน”
ABF ย้ำว่าผู้ที่ถูกล่อลวงให้ทำ “งานสกปรก” ให้กลุ่มอาชญากรรม ไม่มีทางผ่านด่านตรวจของออสเตรเลียได้
และเจ้าหน้าที่จะทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้ขบวนการเหล่านี้ลักลอบเข้ามาในประเทศ ABF ยืนยันว่า
"ไม่มีข้อเสนออะไรที่คุ้มกับความเสี่ยง เจ้าหน้าที่ ABF พร้อมตรวจจับทุกความเคลื่อนไหว และคุณจะถูกจับได้อย่างแน่นอน"
ตำรวจออสเตรเลียย้ำโทษร้ายแรงถึงจำคุกตลอดชีวิต
ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian Federal Police – AFP) แจ้งกับเอสบีเอสไทยว่า ออสเตรเลียมีนโยบาย “ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง” ต่อการลักลอบนำเข้าสารเสพติด
การนำเข้ายาเสพติดที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม มีโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิตสำนักงานตำรวจแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian Federal Police – AFP)
AFP เตือนนักเดินทางไม่ให้รับฝากของหรือสัมภาระจากบุคคลอื่นโดยเด็ดขาด และให้แน่ใจว่าทราบชัดเจนถึงสิ่งที่ตนเองถือขึ้นเครื่อง
“หากมีผู้เสนอให้ขนพัสดุหรือกระเป๋ามายังออสเตรเลียแลกกับเงินหรือผลตอบแทน ควรคิดให้รอบคอบ เพราะหากข้อเสนอดูดีเกินจริง ก็มักไม่ใช่เรื่องจริง”
AFP และ ABF ทำงานร่วมกันทุกวันตามสนามบินทั่วประเทศ เพื่อตรวจจับและสกัดกั้นการนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ
ประชาชนที่ได้รับข้อเสนอให้ขนของแทนผู้อื่น หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการลักลอบขนยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ Crime Stoppers โทร. 1800 333 000
หมายเหตุ: บทสัมภาษณ์นี้จัดทำขึ้นโดย เอสบีเอส ไทย โดยได้รับความยินยอมจากผู้ให้สัมภาษณ์ซึ่งขอสงวนชื่อจริงเพื่อความปลอดภัย ข้อมูลได้รับการตรวจสอบกับฝ่ายกฎหมายและยืนยันจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องแล้ว










