คลิปเสียงสะเทือนทำเนียบและข้อเรียกร้องให้นายกฯ รับผิดชอบ

สายตรงจากเมืองไทย เอสบีเอส ไทย

สายตรงจากเมืองไทย เอสบีเอส ไทย Credit: Unsplash/Mos Sukjaroenkraisri

คลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร กับอดีตผู้นำกัมพูชาก่อแรงสั่นสะเทือนทางการเมือง ฝ่ายการเมืองแสดงจุดยืนแตกต่าง ขณะที่พรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากรัฐบาล เกิดกระแสเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกมารับผิดชอบและชี้แจงต่อสาธารณะ


คำถาม - กรณีเรื่องคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยกับสมเด็จฮุนเซน มีท่าทีจากนักวิชาการและฝ่ายการเมืองอย่างไรบ้าง เกี่ยวกับคลิปเสียงที่ถูกปล่อยออกมา

ประเด็นร้อนตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อวาน ที่มีการปล่อยคลิปเสียงความยาวประมาณ 17 นาที หลุดออกมาในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นบทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร และ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็สะเทือนเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างมาก

โดยผู้ที่ปล่อยตลิปเสียงนี้ คือตัวของ สมเด็จฯ ฮุน เซน เอง

แม้ว่าต่อมานายกฯ จะแถลงว่าเป็นเทคนิคส่วนหนึ่งของการเจรจา และตำหนิสมเด็จฮุนเนตว่า คิดถึงแต่เรื่องของคะแนนความนิยม ไม่นึกถึงเรื่องความสัมพันธ์ การปล่อยคลิปนี้ออกมา เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่การแถลงของนายกรัฐมนตรีอาจจะยังไม่เพียงพอต่อความรู้สึกของสังคม

ผศ. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า นี่คือจุดอ่อนของนายกฯ แพทองธาร และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่คิดว่าเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา เป็นเรื่องที่คุยกันได้ ประมาทต่อสถานการณ์

จนกลายมาเป็นเรื่องร้อนของรัฐบาล แม้นายกรัฐมนตรีแพทองธารจะออกมาแถลงข่าวอย่างรวดเร็วหลังจากคลิปเสียงดังกล่าวถูกเผยแพร่ แต่แค่นี้ อาจยังไม่พอ

คลิปเสียงบทสนทนาดังกล่าว เป็นการคุยกันส่วนตัว คุยหลังไมค์ แต่กลายเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมากที่สุด เสียงที่ออกมานั้น เป็นเรื่องที่เสียหายต่อรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี และดูเหมือนวาสสมเด็จฯ ฮุน เซน จะรู้ว่าการเมืองไทยตอนนี้เป็นอย่างไร

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และสส.ของพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การปล่อยคลิปดังกล่าวออกมาถือเป็นวิธีการสกปรกที่ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่เคารพกติกา

ผู้ปล่อยคลิปเสียง มีแต่ความกระหายสงคราม กระหายคะแนนนิยม ให้เกิดความแตกแยก โดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียที่จะเกิดกับประชาชนทั้งสองประเทศ

รัฐบาลเข้าใจถึงความรู้สึกไม่สบายใจของประชาชนคนไทยที่ได้ฟัคลิปการสนทนา และยอมรับว่าหลายประเด็นมีความอ่อนไหว แต่ขอยืนยันว่าทั้งหมดเป็นไปเพื่อความสงบสุขของประเทศชาติ

บางประเด็นที่ต้องพูดเพราะต้องการให้ฮุนเซนหยุดความบ้าคลั่ง หยุดสร้างความปั่นป่วน หยุดก่อสงครามเพื่อสนองผลประโยชน์ของตนเอง

น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นะบุว่า นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันมาตลอดว่า ต้องการใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รักษาอธิปไตยของประเทศไทย

โดยที่ประชาชนปลอดภัย และได้รับผลประโยชน์สูงสุด โดยใช้วิธีการเจรจาพูดคุยเพื่อสร้างสันติภาพ ทั้งในรูปแบบทางการและไม่เป็นทางการ

แต่การนำคลิปเสียงการเจรจาระหว่างผู้นำสองประเทศมาเปิดเผยนั้น ผิดมารยาททางการทูต เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะนั่นเท่ากับเป็นการปิดประตูการเจรจา ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี

คำถาม- ผลพวงจากคลิปเสียงดังกล่าวได้ส่งผลสะเทือนต่อนายกรัฐมนตรีของไทยอย่างไรบ้าง และมีความเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้นบ้าง ที่ทำให้รัฐบาลสั่นคลอน

จะมีความเคลื่อนไหวจากหลายภาคส่วนต่อจากนี้ เพื่อจะเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแพทย์ทนทานชินวัตรรับผิดชอบกับกรณีคลิปเสียงสนทนา

เริ่มจากวันนี้ คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ที่มี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา เป็นประธาน กมธ. นัดแถลงข่าว เตรียมยื่นคำร้องเอาผิดนายกรัฐมนตรี

โดยระบุว่า มีถ้อยคำในบทสนทนาหลายช่วงที่นายกฯ สื่อสารเข้าข่ายกระทำผิดรัฐธรรมนูญในหลายมาตรา

ส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเห็นว่าการตำหนิผู้นำทหาร (พล.ท.บุญสิน พาดกลาง มทภ.2) ถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ

และยังเป็นการกระทำที่เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริตและละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่ง ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง

โดยทาง สว. จะเข้าชื่อยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบจริยธรรมของนายกรัฐมนตรี และเสนอถอดถอนออกจากตำแหน่ง

 ซึ่งถ้าจำกันได้ ก่อนหน้านี้นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เคยถูกยื่นร้องเรื่องจริยธรรมมาแล้ว แนะนำไปสู่การวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

 ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นนักร้องเรียนคนสำคัญ ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.

เพื่อให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตรว่ามีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) หรือไม่

และเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) หรือไม่

ซึ่งหากกกต. พิจารณาแล้วเห็นว่ามีมูลตามคำร้องของนายเรืองไกร ก็ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดสภาพการเป็นรัฐมนตรีต่อไป

ขณะที่ทางฟากฝั่งของฝ่ายการเมือง ก็เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแพทองธารรับผิดชอบกับสถานการณ์

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุติ ผู้นำฝ่ายค้าน เรียกร้องให้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยด้วยการยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน

และป้องกันไม่ให้บุคคลบางกลุ่มปลุกปั่นความผิดพลาดของนายกฯ บานปลายไปสู่สถานการณ์ที่ไม่เป็นผลดีต่อระบบประชาธิปไตย

สอดคล้องกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล กับ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ที่เรียกร้องให้ยุบสภาฯ เพื่อแก้วิกฤตการเมืองในระยะสั้น ทั้งของประเทศและของพรรคเพื่อไทยเอง หลีกเลี่ยงไม่ให้ถึงทางตันนำไปสู่เหตุการณ์รัฐประหาร

ส่วนพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เขาออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง

 คำถาม- ข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบต่อสถานการณ์ในครั้งนี้ หลักๆจะมีเรื่องยุบสภาและลาออก แนวทางต่างๆเหล่านี้มีรายละเอียดของข้อกฎหมายอย่างไรบ้าง

สถานการณ์ทางการเมืองของรัฐบาล “แพทองธาร ” เข้าสู่จุดเปราะบางอย่างยิ่ง หากจะเดินหน้าบริหารงานต่อไป ก็ยังสามารถทำได้

เพราะยังมีเสียงสส. ร่วมรัฐบาลเกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร แต่เกินครึ่งไปเพียงไม่กี่เสียง นับว่าเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ อาจจะต้องบริหารประเทศภายใต้ภาวะกดดัน

ส่วนอีก 2 แนวทางทั้งเรื่องของการยุบสภาและการลาออก ก็จะมีข้อกฎหมายและบริบททางสังคมที่แตกต่างกัน

กรณีประกาศยุบสภา จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งในมาตรา 103 ของรัฐธรรมนูญ บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องการยุบสภาไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่

และให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่มีผลบังคับใช้

ซึ่งกรณีนี้ กกต. จะต้องเตรียมงบประมาณที่จะใช้ในการเลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และช่วงระหว่างรอรัฐบาลใหม่ อาจทำให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณสะดุดบ้าง เนื่องจากตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569

ส่วนกรณีที่นายกฯ ประกาศลาออก ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 บัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ด้วยการเสนอให้สส.โหวตเห็นชอบ

โดยชื่อนั้นจะต้องอยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคการเมืองที่มี สส.ไม่น้อยกว่า 25 คนขึ้นไป และชื่อที่ถูกเสนอจะต้องมี สส.ยกมือรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของ สส.ที่มีอยู่ของสภาฯ หรือ 50 คน และจะต้องมีการลงมติเห็นชอบโดยเปิดเผย

สำหรับรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ถูกเสนอชื่อก่อนหน้านี้ มีทั้งหมด 6 คน ได้แก่ 1.นายอนุทิน ชาญวีรกุล จากพักภูมิใจไทย , 2.นายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย , 3.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ , 4.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ, 5.นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากพรรครวมไทยสร้างชาติ และ 6. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จากพรรคประชาธิปัตย์

แต่จากรายชื่อที่เหลือทั้ง 6 คนนั้น มีเพียง 4 คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในครั่งนี้ได้ หากนายกฯแพทองธาร ลาออก

เพราะ พล.อ.ประวิตร และ นายจุรินทร์ ถูกตัดสิทธิ์ เนื่องจากมีสส. ไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด คือได้เสียง สส.ไม่ถึง 25% ของ สส.ที่มีอยู่.
 
ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ เฟซบุ๊ก และ Instagram

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand
คลิปเสียงสะเทือนทำเนียบและข้อเรียกร้องให้นายกฯ รับผิดชอบ | SBS Thai