เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของชาวออสเตรเลียจำนวนมากก็พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
งานวิจัยล่าสุดจากองค์กร Energy Consumers Australia (ECA) ระบุว่าค่าใช้จ่ายที่แพงในการทำให้บ้านอยู่ในอุณหภูมิที่สบาย กำลังทำให้ผู้เช่าหลายล้านคนหลีกเลี่ยงการเปิดเครื่องทำความร้อนหรือเครื่องปรับอากาศโดยสิ้นเชิง
รายงาน Consumer Energy Report Card ฉบับล่าสุดของ ECA ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี พบว่า 70% ของกลุ่มตัวอย่างผู้เช่า 1,428 คนทั่วประเทศ เลือกไม่เปิดเครื่องทำความร้อนหรือความเย็นเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
ในขณะเดียวกัน 40% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า พวกเขาไม่สามารถทำให้บ้านเย็นลงในวันที่อากาศร้อนโดยไม่ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ซึ่งหมายความว่าค่าใช้จ่ายสูงเกินรับไหว
สำหรับวันที่อากาศหนาว สัดส่วนผู้ที่ระบุว่าไม่สามารถทำให้บ้านอบอุ่นได้อยู่ที่ 32% ทั่วประเทศ
แม้จะเป็นพื้นที่ที่อากาศร้อนที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ แต่ผู้เช่าในนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีกลับเป็นกลุ่มที่ลังเลที่สุดในการเปิดเครื่องทำความร้อนหรือความเย็น เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูง Credit: SBS
“ด้านหนึ่ง ผู้เช่าบอกเราว่าพวกเขาหลีกเลี่ยงการใช้พลังงาน แต่ในอีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็บอกด้วยว่าบิลพลังงานของพวกเขาสูงกว่าครัวเรือนทั่วไปที่มีขนาดใกล้เคียงกันมาก” เขากล่าวกับเอสบีเอส นิวส์
“หากไม่มีมาตรฐานบังคับใช้ ผู้เช่าจะยังคงต้องอยู่อาศัยในบ้านที่ร้อนเกินไปในหน้าร้อน หนาวเกินไปในหน้าหนาว และมีค่าใช้จ่ายสูงในการดำเนินชีวิต”
ข้อมูลแยกต่างหากจากบริษัทวิจัย SECNewgate สำรวจชาวออสเตรเลีย 1,208 คน พบว่า 65% สนับสนุนการกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำสำหรับบ้านให้เช่า
ในจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 1,056 คน เกือบครึ่งหนึ่งเห็นว่าเจ้าของบ้านควรรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้านให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำ โดยมีรัฐบาลสนับสนุน ขณะที่ 27% ระบุว่าเจ้าของบ้านควรจ่ายทั้งหมด 14% เชื่อว่ารัฐบาลควรเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย และ 7% เห็นว่าค่าใช้จ่ายควรถูกแบ่งกันระหว่างผู้เช่าและเจ้าของบ้าน
มาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำคืออะไร?
มาตรฐานเหล่านี้อาจรวมถึงข้อกำหนดต่าง ๆ เช่น การป้องกันลมรั่ว (draught-proofing) การติดตั้งฉนวนกันความร้อนอย่างเหมาะสม และการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน
ข้อมูลของ ECA ระบุว่า มีบ้านเช่าเพียงราวหนึ่งในสามในออสเตรเลียที่มีฉนวนกันความร้อนอย่างน้อยหนึ่งรูปแบบ ขณะที่บ้านที่เจ้าของอาศัยเองมีสัดส่วนถึง 78%
จิลล์ อาร์มสตรอง ผู้นำด้านงานอาคารของ Climateworks Centre กล่าวว่า
“เรารู้ว่าบ้านเช่าอยู่ในสภาพที่แย่กว่าที่อยู่อาศัยประเภทอื่น เช่น บ้านที่เจ้าของอยู่เอง และเราก็รู้ว่าผู้เช่าไม่สามารถปรับปรุงบ้านได้ เพราะพวกเขาไม่มีสิทธิ์ ดังนั้นเราจึงต้องการข้อกำหนดที่ให้เจ้าของบ้านต้องปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำในทุกรัฐ”
เธอกล่าวเสริมว่า
“จริงๆ เราไม่ควรต้องมานั่งเดาว่าบ้านหลังหนึ่งจะอยู่ได้สบายไหม หรือจะต้องเจอกับบิลพลังงานที่สูงเกินไป”
อ่านเพิ่มเติม
ที่อยู่อาศัยที่ 'หนาวเย็น' ส่งผลกระทบต่อคุณอย่างไร
รัฐวิกตอเรีย (VIC) และแคปิตอลเทร์ริทอรี (ACT)กำลังทยอยนำมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำสำหรับบ้านเช่าเข้ามาบังคับใช้
นั่นหมายความว่า ยังมีบ้านเช่ามากกว่าสองล้านหลังที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่มีข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำที่สามารถบังคับใช้ได้ ตามข้อมูลของ ECA
แบรดชอว์กล่าวว่า
“ตอนนี้ข้อกำหนดในบางรัฐยังอยู่ในระดับกว้างมาก เช่น แค่ระบุว่าบ้านต้องอยู่ใน ‘สภาพที่อยู่อาศัยได้’ ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ค่อนข้างกว้าง และไม่ได้เชื่อมโยงกับเรื่องประสิทธิภาพพลังงานเลย”
มีการเสนอให้ปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง?
แบรดชอว์ระบุว่า สิ่งแรกที่ ECA ต้องการเห็นคือการ บังคับให้เปิดเผยระดับประสิทธิภาพพลังงานของบ้าน (energy efficiency rating) ในทุกขั้นตอนการทำสัญญาเช่าในทุกรัฐและมณฑล
เขาอธิบายว่า
“บ้านที่ได้เรตติ้ง 10 คือบ้านที่มีประสิทธิภาพพลังงานสมบูรณ์แบบในทางทฤษฎี ซึ่งอุณหภูมิภายในแทบไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิภายนอกเลย”
“ในทางตรงกันข้าม บ้านที่ได้ศูนย์ดาวก็เหมือนอยู่กลางแจ้งจริง ๆ ส่วนหนึ่งดาวก็เทียบได้กับเต็นท์หลังหนึ่ง”
“ผมคิดว่าค่าเฉลี่ยของเรตติ้งบ้านในออสเตรเลียอยู่ที่ 1.8 ดังนั้นในบางแง่เราก็ใกล้เคียงกับเต็นท์มากกว่า โดยเฉพาะในกรณีบ้านเช่า”
แบรดชอว์กล่าวว่า ขั้นตอนถัดไปคือการทยอยนำ มาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ มาใช้ ซึ่งหมายความว่าบ้านจะไม่สามารถปล่อยเช่าได้ หากไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
“เมื่อมองไปในอนาคต เราน่าจะเจอสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น และผลกระทบด้านสุขภาพและสังคมตามมา ดังนั้นเรื่องนี้จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ”
มาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้แค่ไหน?
การที่บ้านมีฉนวนกันความร้อนที่ดีขึ้นและใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น หมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมากหรือต้องเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นเวลานานเพื่อให้บ้านอยู่ในอุณหภูมิที่สบาย
อาร์มสตรองกล่าวว่า สิ่งนี้สามารถช่วยลดค่าไฟประจำปีได้อย่างมีนัยสำคัญ
“ขึ้นอยู่กับขนาดบ้านและระดับความเย็นหรือความร้อนที่คุณต้องการ ผลการประเมินของเราพบว่าอาจประหยัดได้สูงถึง 2,000 ดอลลาร์ต่อปี โดยเฉพาะบ้านที่มีประสิทธิภาพแย่ที่สุด” เธอกล่าว
“เช่น บ้านที่ไม่มีฉนวนกันความร้อน มีกล่องหน้าต่างที่มีช่องว่าง หรือมีช่องระบายอากาศเก่า ๆ ที่ไม่ได้ปิด ทำให้บ้านรั่วและสูญเสียความร้อนหรือความเย็นมาก”
แต่ประโยชน์ของมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานไม่ได้มีเพียงการลดค่าไฟเท่านั้น แบรดชอว์และอาร์มสตรองระบุว่ามาตรฐานเหล่านี้ยังช่วยทำให้บ้านเงียบขึ้น ลดภาระของโครงข่ายไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยเสริมสุขภาพกายและใจของผู้อยู่อาศัยด้วย
จะทำอย่างไรให้บ้านเช่าประหยัดพลังงานมากขึ้น
ไม่ว่าพื้นที่ที่คุณอาศัยจะมีการนำมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำมาใช้แล้วหรือไม่ อาร์มสตรองแนะนำว่า การพูดคุยกับเจ้าของบ้านเกี่ยวกับการอัปเกรดที่พักเป็นสิ่งที่ควรทำ
งานวิจัยชี้ว่า เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่าบ้านของตนมีสภาพอย่างไรในหน้าร้อนหรือหน้าหนาว ดังนั้นจึงควรแจ้งพวกเขาให้ชัดเจนว่าบ้าน “ไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย” อย่างไร
อาร์มสตรองกล่าวว่า
“ควรสื่อสารให้ดีที่สุดและบันทึกเหตุผลว่าเหตุใดบ้านจึงร้อนเกินไป หนาวเกินไป หรือมีช่องระบายอากาศเก่า ๆ จากอุปกรณ์แก๊สที่ถูกถอดออกจนมองเห็นแสงจากภายนอก รวมถึงแสดงบิลค่าไฟ และเสนอแนวทางแก้ไข”
เธอเสริมว่า
“เว็บไซต์ Your Home ของรัฐบาลกลางมีคำแนะนำมากมายที่เจ้าของบ้านสามารถนำไปปฏิบัติตามได้”
