"เราต้องลงมือเดี๋ยวนี้" เสียงเรียกร้องเรื่องการเหยียดเชื้อชาติในที่ทำงาน ที่ยังฝังรากลึกในออสเตรเลีย

Woman bullied at work

"เรเชล เครื่องถ่ายเอกสารไม่ทำงานวันนี้ มันต้องเป็นเพราะมันดำแน่ๆ" เพื่อนที่ทำงานกล่าวกับเรเชล Source: Pixabay

คณะกรรมการว่าด้วยการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติของออสเตรเลียชี้ ควรมีมาตรการสอบสวนระดับชาติเรื่องการเหยียดเชื้อชาติในสถานที่ทำงาน หลังผู้นำชุมชน ผู้สนับสนุนสิทธิ และสหภาพแรงงานรวมตัวที่แคนเบอร์ราเพื่อหารืออุปสรรคเชิงระบบที่ชาวพื้นเมืองและผู้อพยพต้องเผชิญ


เรเชล บอส เป็นครูสอนหนังสือกว่า 20 ปี และหลงใหลงานด้านการศึกษาของชาวอะบอริจิน

แต่ในฐานะหญิงชาวคอว์นรา เธอกล่าวว่าเส้นทางอาชีพครูของเธอต้องเผชิญกับการเหยียดเชื้อชาติมาโดยตลอด

“ฉันไม่ได้รับโอกาสให้เลื่อนขั้น เพราะเขาอยากให้ฉันอยู่ในห้องเรียนต่อไป เนื่องจากฉันทำงานกับเด็กอะบอริจินได้ดีมาก ฉันถูกให้ไปสอนวิชาที่ไม่ใช่วิชาที่ฉันสอน เพราะตรงนั้นมีเด็กอะบอริจินอยู่ รวมถึงเวรเฝ้าลานเด็กเล่นด้วย”
เธอบอกว่า การเหยียดเชื้อชาติในที่ทำงานเป็นเรื่องจับต้องยาก เพราะมักเกิดจากการกระทำเชิงคุกคามที่เกิดขึ้นซ้ำๆ (micro-aggression)

สุดท้าย เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้สะสมขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2019 เธอรับไม่ไหวอีกต่อไป หลังเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดล้อเล่นเกี่ยวกับเธอ

“ตอนนั้นฉันกำลังถ่ายเอกสารบทกลอนอยู่ที่เครื่องถ่ายเอกสาร ฉันก้มๆ เงยๆ อยู่ เพราะกระดาษติดเครื่องแล้วมันไม่ทำงาน เพื่อนร่วมงานเดินผ่านมาแล้วพูดว่า ‘เรเชล เครื่องถ่ายเอกสารไม่ทำงานวันนี้ มันต้องเป็นเพราะมันดำแน่ๆ’”

เธอลาออกทันทีในสัปดาห์นั้น

และไม่ได้กลับไปที่ห้องเรียนอีกเลย
โดยปกติมันก็คงจะถูกปล่อยผ่านเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบัว แต่สิ่งที่สำคัญที่หลายคนควรเข้าใจก็คือ การเหยียดเชื้อชาติมันเหมือน ‘ความตายจากบาดแผลพันครั้ง’ เรื่องเล็กๆ ที่สะสมขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งเหตุการณ์ใหญ่ๆ ทุกอย่างมันถาโถมจนคุณรับไม่ไหวในที่สุด
บอสอธิบาย
Former schoolteacher Rachel Bos in Canberra (SBS).jpg
ราเชล บอส เล่าถึงประสบการณ์ถูกเหยียดเชื้อชาติในที่ทำงาน
บอสเข้าร่วมการประชุมที่แคนเบอร์ราในฐานะผู้แทนของสหภาพแรงงานออสเตรเลีย (Australian Council of Trade Unions หรือ ACTU) พร้อมกับผู้นำชุมชนและผู้สนับสนุนสิทธิในที่ทำงาน เพื่อเรียกร้องให้มีการสอบสวนระดับชาติว่าด้วยการเหยียดเชื้อชาติในสถานที่ทำงาน

โดยที่ประชุมระบุว่า อัตราการเหยียดเชื้อชาติในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น เนื่องจากโควิด-19 การลงประชามติเสียงชาวพื้นเมือง เหตุโจมตี 7 ตุลาคม และถ้อยคำทางการเมืองที่ต่อต้านชาวอินเดีย

คีรีธรัน ศิวารามันกล่าวว่า แม้สังคมจะรู้ถึงผลกระทบด้านลบ แต่ยังไม่มีภาพรวมว่าการเหยียดเชื้อชาติในที่ทำงานสร้างความเสียหายได้มากเพียงใด

“การเหยียดเชื้อชาติในที่ทำงานเป็นเหมือนโรคร้าย มันกระทบคนทุกช่วงของเส้นทางการจ้างงาน กระทบตั้งแต่ตอนที่คนมาจากต่างประเทศแล้วคุณวุฒิไม่ถูกยอมรับ ถ้าชื่อไม่ใช่ชื่อแบบอังกฤษก็ไม่ได้รับเรียกสัมภาษณ์งาน หรือรู้สึกไม่ปลอดภัยทางวัฒนธรรมในที่ทำงาน แต่เรายังไม่รู้ขอบเขตที่แท้จริงว่า มันกระทบชีวิตผู้คนอย่างไรบ้าง เรารู้แต่ว่ามันลดทอนคุณค่าคนและทำลายเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของเรา แต่เราควรเรียนรู้ถึงผลกระทบให้มากขึ้น”

ภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ (Race Discrimination Act) ได้ ประชาชนสามารถร้องเรียนได้ แต่คณะกรรมการฯกล่าวว่านั่นเป็นเพียงภาพย่อยของสิ่งที่เกิดขึ้นจริง

ศิวารามันกล่าวว่า การเหยียดเชื้อชาติในเชิงระบบกำลังขัดขวางไม่ให้คนเติบโตในอาชีพ และข้อมูลมักไม่ครบถ้วน เพราะคนไม่กล้าออกมาพูดหรือไม่รู้ช่องทางร้องเรียน

“เรายังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะรู้ว่าการเหยียดเชื้อชาติกระทบคนกลุ่มไหนมากที่สุด เรารู้แค่ภาพรวมว่ากลุ่มใดมีความเสี่ยง แต่เราต้องการทำการสอบสวนเพื่อฟังเรื่องราวของผู้คน ระบุอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องเข้าไปแก้ไขก่อน”
multicultural workplace, diversity workplace, opportunities for migrants,inclusion, Filipinos in Australia
“การเหยียดเชื้อชาติในที่ทำงานเป็นเหมือนโรคร้าย มันกระทบคนทุกช่วงของเส้นทางการจ้างงาน" เสียงจากการประชุมที่แคนเบอร์รา Credit: Photo by RF._.studio from Pexels
มิเชล โอนีล ประธาน ACTU กล่าวว่า การสอบสวนเรื่องความเคารพในที่ทำงาน (Respect at Work) ในปี 2018 เป็นโมเดลที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง

“และฉันดีใจที่เห็นว่า หลังจากรายงานถูกเผยแพร่มา 5 ปี ข้อเสนอทั้ง 45 ข้อถูกนำไปปฏิบัติทั้งหมด และมันได้เปลี่ยนชีวิตคนทำงานที่เคยถูกคุกคามในที่ทำงาน มันช่วยป้องกันการคุกคามด้วย มีสิ่งที่ต้องทำอีกมากก็จริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าเปลี่ยนไปในทางที่ดี”

เธอกล่าวว่า สหภาพได้รับเรื่องร้องเรียนจากทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะแรงงานต่างชาติในพื้นที่ภูมิภาคที่มีความเสี่ยงต่อการถูกเอาเปรียบด้วยการเหยียดเชื้อชาติ

และเธอมองว่าการสอบสวนระดับชาติจะสร้างผลดีต่อสังคมออสเตรเลีย
เราคิดว่าการสอบสวนเรื่องการเหยียดเชื้อชาติในที่ทำงานมีศักยภาพที่จะทำแบบเดียวกัน คือเปิดประเด็นออกมา ทำให้เข้าใจปัญหา สามารถพัฒนากลยุทธ์เพื่อจัดการ และเปลี่ยนชีวิตคนทำงานกับสถานที่ทำงานให้ดีขึ้น
โอนีลกล่าว
ติดตามเอสบีเอส ไทย ได้อีกทาง เว็บไซต์ | เฟซบุ๊ก | อินสตาแกรม

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand