ประเด็นสำคัญ
- กลุ่มคนวัย 50 ปีขึ้นไป มักถูกเรียกว่า 'sandwich generation' เพราะต้องรับผิดชอบพ่อแม่ที่สูงอายุและลูก
- งานวิจัยพบว่า มีเพียง 56% ของนายจ้างที่เปิดกว้างเรื่องการจ้างแรงงานอายุ 50-64 ปี
- ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า นายจ้างหลายรายไม่พบความแตกต่างด้านผลงานระหว่างแรงงานรุ่นเก่ากับแรงงานรุ่นใหม่
ชีวิตคนทำงานวัย 50 ปีในออสเตรเลียเต็มไปด้วยความท้าทาย
คนกลุ่มนี้มักถูกเรียกว่า “sandwich generation” เพราะต้องดูแลทั้งพ่อแม่ที่สูงวัย และลูก ๆ ไปพร้อมกัน
งานวิจัยจากสถาบันทรัพยากรมนุษย์ออสเตรเลีย (Australian HR Institute) และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนออสเตรเลีย (Australian Human Rights Commission) พบว่า หลายองค์กรเริ่มจัดคนทำงานวัย 51 ปีขึ้นไปเป็น “แรงงานสูงอายุ”
ทั้งที่กว่าครึ่งของนายจ้างยอมรับว่าหาคนทำงานได้ยาก แต่กลับมีเพียง 56% ที่เปิดรับการจ้างคนวัย 50–64 ปีอย่างจริงจัง
ซาราห์ แมคแคนน์-บาร์ตเลตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสถาบันฯ กล่าวว่า เกณฑ์อายุที่ถูกมองว่า “แก่” นั้นลดต่ำลง
“นั่นอาจเป็นเพราะเราอยู่ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว และมีสมมติฐานว่าคนสูงวัยไม่เก่งด้านเทคโนโลยีเท่าคนหนุ่มสาว อีกเหตุผลหนึ่งคือคนรุ่นใหม่ต้องการก้าวหน้าในสายงานอย่างรวดเร็วขึ้น จึงอาจทำให้ภาพลักษณ์ของคนอายุ 50 ปี ถูกมองว่าแก่เร็วเกินกว่าที่ควร”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง

อะไรคือการเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน และคุณควรทำอย่างไรเมื่อตกเป็นเหยื่อ
แม้ในความเป็นจริง นายจ้างหลายรายไม่เห็นความแตกต่างด้านผลงานระหว่างคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ แต่ทัศนคติเหล่านี้ยังคงฝังรากลึก
ศาสตราจารย์แครอล คูลิก จากมหาวิทยาลัยเซาท์ ออสเตรเลีย ศึกษาปรากฏการณ์ “queue jumpers” หรือคนทำงานที่เลือกเกษียณก่อนเวลากล่าวว่า
สิ่งที่เราเห็นมาตลอดและไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือผู้จัดการฝ่ายบุคคลมักเชื่อว่าต้องการลูกจ้างที่ให้ ‘ผลตอบแทนจากการลงทุน’ ได้ดี จึงเชื่อว่าการจ้างคนหนุ่มสาวจะอยู่ในงานนานกว่า ขณะที่คนอายุใกล้เกษียณมีแนวโน้มที่จะออกเร็วกว่าศาสตราจารย์คูลิกกล่าว
อย่างไรก็ตาม ศจ.คูลิกกล่าวว่าความเชื่อนี้ไม่ถูกต้อง เพราะงานวิจัยหลายชิ้นกลับพบว่าคนหนุ่มสาวเปลี่ยนงานบ่อยกว่า
ดังนั้นการเปลี่ยนทัศนคติจึงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากผู้คัดเลือกบุคลากรจำนวนหนึ่งยังยึดติดความเชื่อแบบเก่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับลูกจ้าง
“เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับการจ้างงานที่สืบต่อกันมาหลายทศวรรษว่าองค์กรจ้างพนักงานใหม่เพราะศักยภาพ และถือเป็นพันธะระยะยาว แต่ตอนนี้สิ่งที่ผู้คนต้องการจากการทำงานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เช่น ทุกวันนี้ 60–70% ของคนรุ่นใหม่ที่เข้าสู่ตลาดแรงงานบอกว่าไม่อยากเป็นผู้จัดการ แต่ในอดีตองค์กรใช้วิธีเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการเพื่อรักษาคนเอาไว้ ดังนั้นความคิดของผู้จัดการจ้างงานยังไม่ตามข้อมูลใหม่ ๆ”

วิศวกรถือแท็บเล็ตและโมเดลหุ่นยนต์อุตสาหกรรม Source: Getty / Getty Images
“ผู้ประกอบการทุกวันนี้ต้องตระหนักว่าสังคมออสเตรเลียเปลี่ยนไป ลูกค้าก็เปลี่ยนไป บริษัทจึงควรสะท้อนภาพลักษณ์และเสียงของคนสูงอายุมากขึ้น อีกทั้งเรายังมีปัญหาขาดแคลนแรงงานเรื้อรัง ดังนั้นวิธีเดียวที่จะตอบสนองต่อการขาดแคลนนี้ได้ คือการดึงดูดแรงงานสูงอายุเข้ามามีส่วนร่วม”
ดร. มาร์ลีน คราซอโวตสกี จากองค์กร EveryAGE Counts ซึ่งเป็นเครือข่ายรณรงค์ต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางอายุกล่าวว่า เมื่อประชากรออสเตรเลียมีอายุเฉลี่ยสูงขึ้น ปรากฏการณ์ “sandwich generation” จะพบมากขึ้น
และหนึ่งในวิธีลดการเลือกปฏิบัติคือการเปิดโอกาสให้คนต่างวัยทำงานร่วมกัน
“ฉันอยากเห็นการยอมรับความจริงที่ว่าปัจจุบันตลาดแรงงานของเราเป็นแบบหลายรุ่น (multi-generational) เราอาจมีแรงงาน 5 รุ่นอยู่ในที่เดียวกัน และความท้าทายคือจะใช้ศักยภาพ ความรู้ ทักษะ มุมมอง และพลังงานที่ต่างกันให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร ฉันหวังว่าในอนาคตจะมีแผนการชัดเจนมากขึ้นว่าจะดึงศักยภาพของผลผลิตจากแรงงานหลายรุ่น เพราะทั้งหมดนี้สำคัญอย่างยิ่งต่อการเพิ่มผลิตภาพของประเทศ”