เดวิด ลิตเติลเพราด์ หัวหน้าพรรคเนชันแนล ประกาศว่า พรรคของเขาจะไม่ร่วมจัดตั้งพันธมิตร (Coalition) กับพรรคเสรีนิยมอีกต่อไป
ถือเป็นการยุติความสัมพันธ์ทางการเมืองที่มีมายาวนานกว่า 80 ปีระหว่างสองพรรคฝ่ายขวาของออสเตรเลียหลังการเจรจารอบที่สองกับหัวหน้าพรรคเสรีนิยม ซูซาน ลี เมื่อเช้าวันนี้ (อังคาร 20 พ.ค.)
แม้ลีจะเสนอให้มีการเจรจาโดยเน้นการแบ่งตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีตามสัดส่วน ส.ส. ของแต่ละพรรค โดยไม่แตะต้องนโยบายหลัก
แต่ลิตเติลเพราด์กล่าวว่า พรรคของเขาจะ “ดำเนินการอย่างเป็นอิสระตามหลักการ” เพราะไม่สามารถตกลงกันในประเด็นสำคัญ
เช่น นโยบายการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการผลิตไฟฟ้า ที่มีงบประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์สำหรับพัฒนาภูมิภาค และอำนาจในการควบคุมบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่
“เราเจราจากันด้วยความเคารพ ผมบอกหัวหน้าพรรคลี อย่างชัดเจนว่า เรายังมีโอกาสที่จะร่วมมือกันได้ แต่ตอนนี้ พรรคเสรีนิยมกำลังอยู่ในช่วงค้นหาทิศทางใหม่ และเราจะไม่เป็นตัวถ่วงในกระบวนการนั้น” ลิตเติลเพราด์กล่าว
“ยังไม่ปิดประตู” ร่วมมือพรรคเสรีนิยมในอนาคต
เดวิด ลิตเติลเพราด์ ชี้แจงว่าการตัดสินใจไม่ร่วมมือกับพรรคเสรีนิยมในขณะนี้ ไม่ใช่การปิดโอกาสถาวร พร้อมย้ำว่าจะยังมีการพูดคุยกับซูซาน ลี ผู้นำพรรคเสรีนิยมอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับทิศทางความร่วมมือในอนาคต
“เราเคยเป็นพันธมิตรกันมากว่า 80 ปี และผมเชื่อว่าในอนาคตก็อาจจะกลับมาร่วมมือกันอีก” ลิตเติลเพราด์กล่าว
เขาระบุด้วยว่า การที่พรรคเนชันแนลจะเข้าไปกำหนดนโยบายให้พรรคอื่นไม่ใช่เรื่องเหมาะสม
และต่างฝ่ายควรมีเวลาในการนิยามจุดยืนของตนเอง โดยเฉพาะพรรคเสรีนิยมที่ต้องการเวลาทบทวนประเด็นสำคัญสำหรับผู้สนับสนุนของตน
“เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราคงจะได้กลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง เพื่อเสนอทางเลือกที่ชัดเจนให้กับประชาชนออสเตรเลีย แทนรัฐบาลของแอนโทนี อัลบาเนซี” เขากล่าว
พรรคเนชันแนลตัดสินใจแยกเดี่ยวหลังจากรักษาที่นั่งในสภาล่างไว้ได้ทั้งหมด และเสียเพียง 1 ที่นั่งในวุฒิสภา ในขณะที่พรรคเสรีนิยมเสียที่นั่งถึง 12 ที่ในการเลือกตั้งล่าสุด
พรรคเสรีนิยมและพรรคคันทรี (ชื่อเดิมของพรรคเนชันแนล) เคยจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันครั้งแรกในปี 1949 สมัยนายกรัฐมนตรีโรเบิร์ต เมนซีส์