เจอร์รี* (นามสมมติ) กำลังมองหาทางลัด เขาต้องการได้สถานะผู้พำนักถาวรในออสเตรเลียให้ทันก่อนคริสต์มาส
ดังนั้น ในเดือนเมษายน นักศึกษาต่างชาติรายนี้จึงใช้แอปอีคอมเมิร์ซของจีนชื่อเสี่ยวหงซู (Xiaohongshu) เพื่อโพสต์ออนไลน์
เขาโพสต์ว่า กำลังมองหา “ผู้สมัครหลัก” ที่จะพาเขาไปยื่นคำร้องขอวีซ่าทักษะถาวรประเภทซับคลาส (Subclass) 189 และ 190 ซึ่งทั้งสองเป็นวีซ่าสำหรับผู้ย้ายถิ่นที่มีทักษะ
หลังจากนั้นมีผู้ตอบกลับมาหาเจอร์รี บอกว่าสามารถทำหน้าที่เป็น “เอเยนต์” ให้ โดยมี “ผู้สมัครหลัก” ที่เตรียมไว้แล้ว และผู้สมัครคนดังกล่าว “มีคะแนนสูงมาก”
การขายวีซ่า ‘คู่สมรส’ สำหรับวีซ่าทักษะในตลาดมืด
ในโครงการย้ายถิ่นฐานแบบทักษะของออสเตรเลีย ผู้สมัครหลักจะยื่นขอถิ่นที่อยู่ถาวรโดยพิจารณาจากคุณสมบัติและประสบการณ์การทำงาน
พวกเขาสามารถสมัครคู่สมรสหรือบุตรในฐานะผู้สมัครรองได้ โดยอนุญาตให้รวมคู่สมรสในใบสมัครได้เพียงหนึ่งคน และผู้สมัครทั้งหมดจะถูกประเมินด้วยระบบให้คะแนน โดยพิจารณาจากอายุ ประสบการณ์การทำงาน การศึกษา และความสามารถด้านภาษาอังกฤษ
แต่การสืบสวนของ SBS Mandarin พบว่า ตำแหน่งผู้สมัครรองซึ่งควรจะสงวนไว้สำหรับสมาชิกครอบครัว กลับถูกนำมาซื้อขายกันอย่างเปิดเผยบนตลาดมืด ผ่านแอปออนไลน์ เช่น เสี่ยวหงซู (Xiaohongshu)

เจอร์รี* ใช้แอปอีคอมเมิร์ซของจีนในการหานายหน้าเพื่อทำเรื่องวีซ่า Credit: SBS Mandarin
เจอร์รี ผู้ที่ขอไม่เปิดเผยชื่อในรายงานนี้ ได้พบกับเอเยนต์ที่สำนักงานในนครซิดนีย์เมื่อเดือนเมษายน และลงนามในสัญญาในเดือนพฤษภาคม
จากนั้นเขาจ่ายเงินมัดจำ 5,000 ดอลลาร์ พร้อมเซ็นสัญญา และเอเยนต์แจ้งว่าได้หาคู่ “พาร์ทเนอร์” ให้แล้ว
“พวกเขาช่วยจับคู่กับผู้สมัครหลักที่เหมาะสมให้กับเรา” เจอร์รีเล่าให้เอสบีเอส ภาษาจีนแมนดาริน
เอเยนต์ด้านการย้ายถิ่นฐานได้หาคู่สมรสปลอมให้เจอร์รี โดยเป็นผู้ทำงานด้านพยาบาลซึ่งมีคะแนนการย้ายถิ่นฐานถึง 90 คะแนน
“เธอบอกผมว่าตอนถ่ายรูปต้องจะต้องโพสท่ายังไง”
หลังจากจับคู่แล้ว ทั้งคู่ต้องสร้างหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ฉบับแต่งขึ้น เพื่อยืนยันว่าเป็นคู่สมรสจริง
“เราต้องเริ่มสร้างความสัมพันธ์แบบคู่ชีวิต (de-facto) ขึ้นมา” เจอร์รีกล่าว
“เอเยนต์บังคับให้เราออกไปกินข้าวด้วยกัน ถ่ายรูปคู่ที่มีความใกล้ชิด
“เอเยนต์จะคอยบอกเราด้วยว่าต้องโพสท่าอย่างไร
“ผมรู้สึกผิดปกติ เพราะผู้สมัครหลักของผมมีความชำนาญมากในการถ่ายรูปพวกนี้ ราวกับว่าเธอเคยทำกับคนอื่นมาก่อนแล้ว
“เธอบอกผมอย่างละเอียดว่าต้องวางมือไว้ตรงไหน และโพสท่าอย่างไรสำหรับการถ่ายภาพ”
เอเยนต์ด้านการย้ายถิ่นฐานแนะนำให้เจอร์รีเปิดบัญชีธนาคารร่วมกับ “คู่สมรส” เพื่อให้การใช้จ่ายทั้งหมดผ่านบัญชีนี้
“เพื่อที่รัฐบาลจะได้เชื่อว่าเราอยู่ด้วยกันจริง” เจอร์รีอธิบาย
“พวกเขายังบอกด้วยว่าจะช่วยจัดทำบิลค่าน้ำค่าไฟ และเช่าที่พักร่วมกัน”
เจอร์รีเล่าว่า ขั้นตอนการยื่นเอกสารที่เอเยนต์จัดการให้นั้น “มีประสิทธิภาพมาก” โดยในเดือนกรกฎาคม เอเยนต์บอกเขาว่าจะได้รับสถานะผู้พำนักถาวรทันก่อนคริสต์มาส
เมื่อดีใจที่ความฝันใกล้เป็นจริงภายในไม่กี่เดือน เขาจึงรีบจ่ายเงินงวดที่สองทันที
“ความรู้สึกดีใจนั้นทำให้ผมขาดสติไป” เขากล่าว
“ผมไม่สามารถตรึกตรองหรือหาเหตุผลได้ในตอนนั้น”
“ผมสั่นไปหมดทั้งตัว”
แต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ข้อความทางโทรศัพท์ได้ทำลายความหวังของเจอร์รี โดยที่ผู้ส่งข้อความคือ “พยาบาล” คู่สมรสปลอมของเขา ที่ออกมาสารภาพความจริง
เธอบอกกับเจอร์รีว่า เอเยนต์ย้ายถิ่นฐานได้ “หลอกใช้” เธอให้ไปพบและถ่ายรูปจัดฉากกับผู้สมัครรองคนอื่น ๆ อีกหลายคน
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังไม่ใช่พยาบาลในรัฐนิวเซาท์เวลส์จริง และคะแนนการย้ายถิ่นที่เธอมีทั้งหมดก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างปลอม ๆ
“ตอนที่ผมอ่านข้อความนี้ในตอนเช้า ผมช็อกจนตาสว่างทันที” เจอร์รีเล่า
“ผมสั่นไปหมดทั้งตัว”
เจอร์รีเข้าร่วมกลุ่มแชทของผู้เสียหาย และพบว่าเขาไม่เพียงไม่ได้ถูกรับเข้าระบบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่เคยมีการยื่นใบสมัครใด ๆ ในนามของเขาเลย
เขายังพบด้วยว่า ภาพหน้าจอที่เคยถูกส่งมาให้ โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของกระทรวงมหาดไทย (Department of Home Affairs) นั้นเป็นของปลอม
เจอร์รีได้พบกับอีกคนหนึ่งที่ใช้ “คู่สมรสปลอม” คนเดียวกัน และเมื่อเปรียบเทียบภาพหน้าจอ ปรากฏว่าเหมือนกันแทบทุกอย่าง ยกเว้นรายละเอียดเล็กน้อย เช่น วันเดือนปีเกิด
เมื่อเขาโทรติดต่อไปยังกระทรวงมหาดไทย ก็ได้รับการยืนยันว่า ไม่เคยมีการยื่นใบสมัครใด ๆ ในนามของเขาเลย
“ชีวิตของผมก็หยุดลงทันทีนับจากวันนั้น”
มีการประเมินว่าคดีหลอกลวงดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายหลายล้านดอลลาร์ และมีผู้เสียหายหลายสิบคน
ต่อมา มีผู้เสียหายจำนวนมากในกลุ่มแชทเล่าว่า บัญชีธนาคารร่วมที่พวกเขาเปิดกับ “คู่สมรสปลอม” ถูกเอเยนต์ปิด และเงินทั้งหมดภายในถูกยึดไป
จากข้อมูลที่เจอร์รีเปิดเผย ปัจจุบันมีกลุ่มผู้เสียหายมากกว่า 90 คน โดยคาดว่ามูลค่าความเสียหายรวมกันเกิน 10 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ผู้เสียหายบางรายพยายามเข้าไปเจรจากับเอเยนต์ แต่กลับถูกข่มขู่แทนที่จะได้รับการแก้ไขปัญหา
“พวกเขาพูดตรง ๆ ว่า ถ้ายังสร้างปัญหา เราจะทำให้คุณอยู่ในออสเตรเลียไม่ได้”
“พวกเขาบอกว่าจะรายงานวีซ่าของเรา และถึงกับดูถูกเราว่าเป็น ‘ขยะจากชนชั้นล่างของจีน’”
ผู้เสียหายบางรายยืนยันว่า วีซ่าของพวกเขาถูกเอเยนต์รายงานจริง ๆ จนสูญเสียสถานะที่ถูกกฎหมายในออสเตรเลีย และถูกบังคับให้เดินทางกลับประเทศ
อ่านเพิ่มเติม

เรื่องจริงของวีซ่าลี้ภัย
เอสบีเอส นิวส์ ได้ติดต่อกระทรวงมหาดไทยออสเตรเลีย (Department of Home Affairs) เพื่อขอความเห็น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงได้ออกประกาศสาธารณะ ระบุว่ากำลังเข้มงวดกวาดล้างเอเยนต์ย้ายถิ่นฐานเถื่อน ที่หลอกลวงผู้สมัครด้วยการให้คำแนะนำผิดกฎหมาย
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า มีเอเยนต์เถื่อน 4 รายในรัฐวิกตอเรียและควีนส์แลนด์ ซึ่งเรียกเก็บเงินรวม 1.4 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียจากผู้สมัครขอวีซ่าคุ้มครอง (protection visa) ทั้งที่พวกเขาไม่ใช่ผู้ลี้ภัย ถูกควบคุมตัวไว้แล้ว และมีอีก 3 รายที่กำลังถูกส่งตัวออกนอกประเทศ
“หากคุณเป็นผู้สมัครขอวีซ่า เอเยนต์เถื่อนอาจจะบอกให้คุณยื่นข้อมูลเท็จหรือเอกสารปลอมเพื่อขอวีซ่าคุ้มครอง” กระทรวงเตือนผ่านโพสต์บนเฟซบุ๊ก
“แต่การกระทำนี้ผิดกฎหมาย และอาจทำให้คุณถูกปรับเป็นจำนวนมาก และอาจถูกจำคุกได้นานถึง 10 ปี”
ฌอน ตง ทนายอาวุโสและที่ปรึกษาการย้ายถิ่นฐานจาก ProActive Legal ระบุว่า กระทรวงมีอำนาจสอบสวนและเพิกถอนวีซ่าได้ หากพบการทุจริต
“หากถูกปฏิเสธวีซ่า จะมีการห้ามยื่นขอใหม่เป็นเวลา 3 ปี หมายความว่าวีซ่าส่วนใหญ่ไม่สามารถอนุมัติได้” เขากล่าว
ตงยังแนะนำว่า ผู้สมัครควรเลือกใช้บริการเฉพาะทนายหรือตัวแทนที่ได้รับอนุญาต ซึ่งสามารถตรวจสอบรายชื่อได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานกำกับดูแลที่ปรึกษาการย้ายถิ่นฐาน (Office of the Migration Agents Registration Authority)
รายงานชิ้นนี้จัดทำขึ้นร่วมกับทีม SBS ภาษาจีนแมนดาริน