เอสบีเอสไทยได้รับฟังประสบการณ์ตรงจากผู้เสียหาย 3 ราย ที่ตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราวเพื่อเตือนคนไทยในออสเตรเลียให้ระวังภัยจากผู้ที่อ้างว่ามีความรู้ด้านกฎหมายและการขอวีซ่า แต่แท้จริงไม่มีใบอนุญาต ไม่มีตัวตนในระบบของทางการออสเตรเลียและไม่ได้ทำงานให้กับสำนักงานไมเกรชัน เอเจนท์อย่างที่แอบอ้าง
โอ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า จุดเริ่มต้นมาจากความสนิทสนมกับคนที่อ้างว่าช่วยทำวีซ่าได้
“ต้องเท้าความไปเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เราได้รู้จักกับน้องผู้หญิงคนนึง เราก็มีความสนิทสนมกัน จนวันหนึ่งเขาก็แนะนำเราให้รู้จักกับคนนี้ เราเห็นว่าเขาช่วยคนมาหลายคน เราก็เลยรู้สึกไว้ใจ เลยถามเขาว่าเธอช่วยฉันทำวีซ่าให้แม่เราหน่อยได้ไหม เพราะเราไม่มีเวลาไปทำเรื่องเอง”
โอยอมรับว่าอีกฝ่ายมีบุคลิกโอบอ้อมอารี มีความรอบรู้และยังเคยช่วยเหลือหลายๆ คนที่โอรู้จัก ในเรื่องการดำเนินเอกสารมาก่อน ทำให้ไม่คิดระแวงว่าการขอให้ช่วยทำวีซ่าจะกลายเป็นจุดเริ่มของปัญหาที่ตามมาไม่จบสิ้น
คำแนะนำผ่านคนรู้จัก สู่ฝันร้ายในชีวิตจริง
แอนนี ผู้เสียหายอีกคนเล่าว่ารู้จักคนที่แอบอ้างว่าช่วยทำวีซ่าได้ผ่านเพจในชุมชนออนไลน์ ผนวกกับมีคนรู้จักแนะนำมา
แอนนีเล่าให้เอสบีเอสไทยฟังว่า สาเหตุที่หลงเชื่อคนอ้างเป็นเอเจนท์ยื่นขอวีซ่า เพราะผู้แอบอ้างบอกกับเธอว่าทำงานร่วมกับเอเจนท์ที่มีทนายความประจำสำนักงาน และตัวเขาเองก็กำลังศึกษาเพื่อเป็นทนายความ ใกล้จะจบการศึกษาและจะได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการในไม่ช้า
“คือแต่ก่อนมันจะมีเพจหนึ่งของชุมชนคนไทย น้องคนนี้ไปคอมเมนต์บ่อย ดูมีความรู้ มีความสามารถ พอมีปัญหาเอกสารสมัครซิติเซน ก็มีน้องคนหนึ่งแนะนำให้รู้จัก ก็เลยติดต่อไป เขาก็แนะนำว่าเก่งภาษาอังกฤษ เขียนเอกสารเก่ง”
เขาแนะนําว่าตัวเขาเป็น agent แล้วกําลังเรียนทนายกําลังจะจบ เราก็เชื่อเพราะที่ผ่านมาเขามีการเขียนเรื่อง มีสแตมป์แอนนี เล่า
หลังจากงานเอกสารแรกผ่านไปได้ด้วยดี แอนนีจึงไว้วางใจให้ดำเนินการยื่นวีซ่าพาร์ทเนอร์ แต่การทำงานทั้งหมดถูกควบคุมโดยอีกฝ่าย และแนะนำให้แอนนีไม่ต้องสื่อสารโดยตรงกับกระทรวงตรวจคนเข้าเมือง
“เขาบอกไม่ให้พี่คุยกับ immigration นอกจากตอนสัมภาษณ์ หลังจาก submit เขาจะ login account ของพี่ จะทำทุกอย่างให้หมด พี่ไม่ต้องทำอะไรเลย”
ความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์
กรณีของ “แมทธิว” (นามสมมติ) ผู้เสียหายรายที่สาม สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการสร้างภาพลักษณ์ที่ดูน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์ ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการลวงเหยื่อ
เขาเล่าว่าการตัดสินใจติดต่อผู้แอบอ้างเริ่มจากคำบอกต่อ และเมื่อค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตก็พบว่า ชื่อนี้เคยปรากฏในสื่อหลายครั้ง
“มีคนบอกต่อมาครับ ผมก็มั่นใจระดับนึง เพราะเคยเสิร์ชชื่อดู เห็นเค้าออกข่าวให้สัมภาษณ์ต่างๆ ก็เลยคิดว่าน่าจะโอเค”
ภาพลักษณ์ในพื้นที่สาธารณะ ทั้งบทสัมภาษณ์และการปรากฏตัวในบทความออนไลน์ กลายเป็นเกราะคุ้มกันที่ทำให้หลายคนคลายความระแวง โดยไม่ทันระวังว่าอาจไม่มีใบอนุญาตทำงานเป็นตัวแทนยื่นขอวีซ่าอย่างถูกต้อง
แต่เมื่อการเข้าสู่กระบวนการ "ดำเนินการขอวีซ่า" ผ่านมาหลายเดือน ผู้เสียหายทั้งสามก็พบกับคำขอจ่ายเงินซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่มีหลักฐานหรือเอกสารยืนยันที่ตรวจสอบได้
โอ เล่าว่าถูกเรียกเก็บค่าดำเนินการตั้งแต่ต้น โดยแบ่งจ่ายหลายงวด
“ค่าเสียหายตอนแรกเป็นค่าเตรียมเอกสาร เขาจะคิดประมาณ 3,500 เหรียญ แต่เขาขอล่วงหน้า 500 ก่อน แล้วก็มีค่า fee ของวีซ่า parent ประมาณ 5,000 กว่าเหรียญ”
ในทำนองเดียวกัน แอนนี ก็ต้องจ่ายเงินหลายครั้ง โดยไม่ได้รับเอกสารรับรองหรือความชัดเจนว่าเงินเหล่านั้นถูกนำไปใช้ในกระบวนการทางกฎหมายจริงหรือไม่
ไม่ถึง 2 เดือน ดูดไปหมดทุกอย่าง 5,005 8,960 760 2,750 พอเรากระตุ้นถามก็จะบอกว่ากำลังอยู่ในกระบวนการผู้เสียหายชื่อแอนนีบอกกับเอสบีเอสไทย
ส่วนแมทธิวก็หลงโอนเงินจองคอร์สเรียน แต่ไม่เคยได้หลักฐานการโอนเงินหรือใบเสร็จใดๆ
“เขาบอกว่ามี (ใบเสร็จ) แต่ไม่เคยส่งให้ครับ”
ความจริงเริ่มเผยตัว
หลังจากเวลาผ่านไปหลายเดือน โดยที่ไม่มีความคืบหน้าชัดเจนในกระบวนการยื่นวีซ่า ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในหมู่ผู้เสียหายทั้งสามคน ก่อนจะกลายเป็นความจริงที่ยากจะรับได้
โอ หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่าจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเธอพาแม่ไปแสดงตัวตามขั้นตอนขอวีซ่าผู้ปกครอง แต่กลับพบว่าไม่มีข้อมูลในระบบของอิมมิเกรชัน
“เราบอกว่ายื่นเรื่องแล้ว เขาขอดูใบเสร็จ เขาก็ส่งมา แต่พอเช็กไม่ขึ้นในระบบ ก็มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าโดนโกงแน่นอน”

ตัวอย่างใบเสร็จจากหน่วยงานรัฐบาลที่ผู้แอบอ้างว่าสามารถช่วยทำวีซ่าส่งมาให้เหยื่อเพื่อยืนยันว่าได้มีการจ่ายเงินจริง แต่เวลาผ่านไปกลับไม่มีหลักฐานในระบบข้อมูล Credit: Supplied
“ตั้งแต่ทำมามีแต่เสียตังค์ ทะเลาะกับสามีรุนแรงเพราะเรื่องนี้ โทรถามทีมีปัญหาที จนเดือนตุลาที่ผ่านมาก็รู้สึกไม่ไหวแล้ว…”
ส่วน แมทธิว ซึ่งตั้งใจจะเรียนต่อในออสเตรเลีย ก็พบว่าไม่มีการดำเนินการใด ๆ เกิดขึ้นตามที่ได้รับปากไว้ โดยเฉพาะในส่วนที่อ้างว่ามีการลงทะเบียนกับโรงเรียน
“พอผมไปติดต่อเอง โรงเรียนก็บอกว่าไม่มีข้อมูล (ลงทะเบียน) อะไรเลย แล้วเค้าก็ไม่ได้รับเงิน”
อ่านเพิ่มเติม

เหยื่อคนไทยเผยกลลวงมิจฉาชีพที่อ้างวีซ่าเกษตร
สูญเงินไม่เท่าเสียใจ
ความสูญเสียทางการเงินของเหยื่อรวมกันแล้วหลายหมื่นดอลลาร์ แต่ผู้เสียหายบอกตรงกันว่าสิ่งที่เสียไปมากกว่านั้นคือความไว้วางใจและโอกาสในชีวิต
โอสะเทือนใจถึงขั้นต้องไปพบแพทย์เพราะความเครียด
เรารู้สึกไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้ว คนที่เราไว้ใจที่สุด… บางทีก็ร้ายที่สุดจริง ๆผู้เสียหายที่ใช้ชื่อแฝงว่า โอ บอกกับเอสบีเอสไทย
แอนนีเปิดเผยว่ารู้สึกเจ็บช้ำกับเรื่องที่เกิดขึ้นจนเธอไม่อยากแม้แต่จะได้ยินเสียงของคนที่หลอกลวง
“ไม่อยากรับสายเค้า พี่ไม่อยากรับรู้เลย ทำชีวิตพี่พังหมดทุกอย่าง เขาทำร้ายพี่ จนชีวิตพี่พัง”
ส่วนแมทธิวฝากเตือนคนอื่นๆ ที่อาจหลงเป็นเหยื่อว่า
“อยากบอกทุกคนที่กำลังจะยื่นวีซ่ามาเรียนที่ออสเตรเลีย แนะนำว่าใช้เอเจนต์จริง มี MARN จริง ถ้ามันดูดีเกินจริง ต้องเอ๊ะไว้ก่อนว่ามันไม่ใช่”
*เอสบีเอสไทยพยายามติดต่อผู้แอบอ้างว่าสามารถช่วยทำวีซ่ารายนี้แต่ไม่สามารถติดต่อได้
วิธีตรวจสอบ "ไมเกรชันเอเจนท์" อย่างไรให้ปลอดภัย

คุณ มีมี สุมิรัตนะ ไมเกรชันเอเจนท์ผู้มีใบอนุญาตเลขทะเบียน MARN จาก Discovery Migration and Education Credit: Supplied/ Mimi Sumiratana
- ตรวจสอบหมายเลข MARN บนเว็บไซต์ทางการ
ไมเกรชันเอเจนท์ที่ถูกกฎหมายในออสเตรเลียต้องขึ้นทะเบียนกับ Migration Agents Registration Authority (MARA) และมี Migration Agent Registration Number (MARN) ผู้ใช้บริการสามารถนำเลขนี้ไปตรวจสอบได้ที่ mara.gov.au หากไม่มีชื่อหรือข้อมูลไม่ตรง ถือว่าไม่น่าเชื่อถือ
- อย่าหลงเชื่อการันตีผลวีซ่า
คุณ มีมี เตือนว่า “ไม่มีใครการันตีผลวีซ่าได้ เพราะทุกใบคำขอขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย” คุณมีมี่ย้ำว่า หากมีใครพูดว่าวีซ่าอนุมัติแน่นอนภายในกี่วัน หรือคืนเงินเมื่อไม่ผ่าน นั่นคือสัญญาณอันตราย
- ตรวจสอบช่องทางติดต่อชัดเจน
เอเจนท์ที่ถูกต้องตามกฎหมายจะมี ชื่อเต็ม อีเมล เว็บไซต์ ที่อยู่สำนักงาน หรือบริษัทที่จดทะเบียนชัดเจน หากติดต่อได้เพียงทางโซเชียลหรือโทรศัพท์ โดยไม่มีเอกสารยืนยันตัวตน ควรตั้งข้อสงสัยทันที
- รู้ความแตกต่างระหว่าง Migration Agent และ Migration Lawyer
ทั้งสองกลุ่มสามารถช่วยดำเนินการขอวีซ่าได้ แต่ Migration Lawyer มีสิทธิ์เป็นตัวแทนขึ้นศาลในบางกรณีและมักมีค่าบริการสูงกว่า การเข้าใจความต่างช่วยให้เลือกบริการได้ตรงกับความจำเป็นจริง
- อย่าเชื่อรีวิวหรือคำบอกต่อเพียงอย่างเดียว
หลายกรณีเกิดจากการฟังคำแนะนำจากเพื่อนหรือกลุ่มออนไลน์โดยไม่ตรวจสอบข้อมูลอย่างเป็นทางการ “ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีตรวจสอบ MARN อาจช่วยคุณประหยัดเงินและป้องกันปัญหายาวนานเป็นปี” คุณมีมีแนะนำ
หมายเหตุ: ผู้ที่ต้องการตรวจสอบรายชื่อเอเจนท์ที่ได้รับอนุญาต สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ของ Migration Agents Registration Authority (MARA) เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงลักษณะนี้
อ่านเพิ่มติม

เรื่องจริงของวีซ่าลี้ภัย
คำเตือนจากตำรวจและข้อควรระวัง
สำนักงานตำรวจรัฐวิกตอเรีย (Victoria Police) ให้ข้อมูลกับเอสบีเอสไทยว่า การหลอกลวงสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ
ทั้งทางจดหมาย อีเมล โทรศัพท์ และรวมถึงการพบเจอตัวจริง ข้อเสนอที่ฟังดูดีเกินจริงควรได้รับการตรวจสอบ และควรอาศัยการยืนยันจากบุคคลที่สามก่อนทำธุรกรรมใด ๆ
หากตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง สามารถแจ้ง Crime Stoppers (โทร 1800 333 000)
หรือผู้เสียหายสามารถประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของตำรวจกลางออสเตรเลีย Australian Federal Police (AFP) ประจำรัฐนั้นๆ ได้เช่นกัน