กระแสจัดประท้วงใต้สโลแกน 'เอาประเทศเราคืนมา' แต่รู้ไหมว่าปัญหาที่แท้จริงนั้นลึกกว่านั้นมาก

ขณะที่กระแสต่อต้านผู้อพยพเพิ่มสูงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าข้อมูลที่ผิดพลาดและความกลัวกำลังกระตุ้นให้เกิดความแตกแยกและเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นที่ซับซ้อนที่กำลังเผชิญอยู่

A composite of images depicting texts and screenshots about a march on 31 August

กลุ่มชาวออสเตรเลียกำลังวางแผนที่จะออกมาชุมนุมในวันที่ 31 สิงหาคม เพื่อประท้วง 'March For Australia' เพื่อประณามการอพยพ ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก Source: SBS


มีกระแสว่ามีการจัดตั้งขบวนประท้วงโดยคนออสซี่ในวันที่ 31 สิงหาคม เพื่อเรียกร้องให้ยุติสิ่งที่ผู้นำจัดประท้วงเรียกว่า "การอพยพครั้งใหญ่" และทวงคืนอัตลักษณ์ของออสเตรเลีย

การเคลื่อนไหวนี้ก่อให้เกิดกระแสตอบรับอย่างรุนแรงทางออนไลน์ แอ็บบี้ แชทฟิลด์ อินฟลูเอนเซอร์ (Abbie Chatfield)ชื่อดัง ประณามการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นนี้ว่า "เหยียดเชื้อชาติ" "อคติ" "น่ารังเกียจ" และ "น่าสะพรึงกลัว"

ผู้สนับสนุนโต้แย้งว่าการประท้วงเหล่านี้แสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตและระดับการอพยพย้ายถิ่นของออสเตรเลีย

ด้านผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า "การประท้วงต่อต้านการอพยพ" เกิดจากข้อมูลที่ผิดและความกลัว มากกว่าหลักฐานที่บ่งชี้ว่าผู้อพยพเป็นผู้รับผิดชอบต่อความท้าทายทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ

การเดินขบวน 'March for Australia'คืออะไร?

ในวันที่ 31 สิงหาคม มีการวางแผนจัดการอีเวนต์ต่างๆ มากมายตามเมืองใหญ่ๆ ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประท้วง 'เดินขบวนเพื่อออสเตรเลีย' ผู้จัดงานอ้างว่า "การอพยพที่ไม่มีที่สิ้นสุด ภาวะผู้นำที่อ่อนแอ และความขี้ขลาดทางการเมือง" ได้ทำให้ประเทศออสเตรเลียเปลี่ยนไป "ในแบบที่พวกเราส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นด้วย"

มีใบปลิวใบหนึ่งระบุว่า: "ถึงเวลาที่จะเอาประเทศของเรากลับคืนมา ถึงเวลาที่จะปกป้องวิถีชีวิตของเรา ถึงเวลาที่จะปกป้องวัฒนธรรมของเรา หยุดการอพยพครั้งใหญ่เดี๋ยวนี้"
แม้รายละเอียดของการประท้วงบนเว็บไซต์จะมีน้อยมาก แต่กลุ่มดังกล่าวได้เน้นย้ำกฎข้อหนึ่งของการเดินขบวน นั่นคือ "ห้ามใช้ธงต่างชาติ" แต่กลับเรียกร้องให้มีสร้างสัญลักษณ์ "ทะเลธงสีแดงและสีน้ำเงิน" พร้อมด้วยธงออสเตรเลียและธงยูเรก้า

ยังไม่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้จัดการเดินขบวนนี้ โดยหลายกลุ่มพยายามอ้างว่าเป็นผู้จัด

บัญชีอินสตาแกรมอย่างเป็นทางการของ March for Australia ซึ่งสร้างขึ้นในสัปดาห์นี้ ได้แยกตัวออกจากกลุ่มหัวรุนแรงอย่าง Thomas Sewell ผู้นำเครือข่ายสังคมนิยมแห่งชาตินีโอนาซี ซึ่งถูกกล่าวหาว่าพยายามอ้างว่าการเดินขบวนนี้เป็นกิจกรรมของกลุ่ม

โฆษกของ March for Australia บอกกับ SBS News ว่า "ความพยายามที่จะแทรกแซง March For Australia ในประเด็นอื่นๆ หรือทำให้เป็นประเด็นของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งนั้น ไม่ได้อยู่ในเจตนารมณ์ของขบวนการที่เราควบคุมอยู่"
"เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มต่างๆ ได้ออกมาอ้างสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของหรือกำหนดวาระของตนเองในกิจกรรม March For Australia เราต้องการชี้แจงให้ชัดเจนว่า ผู้จัดงานไม่ได้เป็นสมาชิกหรือดำเนินการในนามของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง"

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เซเวลล์ได้นำกลุ่มนีโอนาซีสวมหน้ากากเดินขบวนในย่านธุรกิจใจกลางของเมลเบิร์นหลังเที่ยงคืนเล็กน้อย

"ชาวออสเตรเลียทุกคนควรประณามการประท้วงเหล่านี้" แชทฟิลด์กล่าวในวิดีโออินสตาแกรม

รุกชาน เฟอร์นันโด นักวิจารณ์การเมืองฝ่ายขวา เป็นหนึ่งในหลายบัญชีที่โพสต์ว่า "พวกเขาตั้งตารอที่จะเดินขบวน"

ทำไมการประท้วงเหล่านี้จึงเกิดขึ้นในขณะนี้?

ลิซ อัลเลน นักประชากรศาสตร์ประจำศูนย์วิจัยนโยบายสังคม มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย กล่าวว่าเธอไม่แปลกใจกับการประท้วง March for Australia

“ฉันไม่แปลกใจเลยที่คนที่มีความคิดเห็นเช่นนี้จะออกมาเคลื่อนไหวและต้องการการรับฟัง” เธอกล่าวกับ SBS News

“เราเห็นชาวออสเตรเลียกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าพวกเขากำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และความกลัวนั้น ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือเป็นเพียงแค่ความรู้สึก ก็เป็นสิ่งที่เราไม่อาจเพิกเฉยได้”

แม้ว่าความรู้สึกต่อต้านผู้อพยพจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในออสเตรเลีย แต่อัลเลนกล่าวว่ามันได้พัฒนาไปไหลมากแล้ว ความรู้สึกต่อต้านผู้อพยพกำลังมีความสอดคล้องกันมากขึ้น และกำลังหยิบยืมสโลแกนและวลีติดปากระดับนานาชาติมาใช้ ซึ่งอัลเลนเคยกล่าวไว้ว่าในอดีตมันมีลักษณะเฉพาะตัวและมีลักษณะตอบโต้มากกว่า

อย่างไรก็ตาม เธอลังเลที่จะบอกว่าความรู้สึกนี้มาจากอิทธิพลจากต่างประเทศ “ออสเตรเลียไม่จำเป็นต้องนำเข้าการเหยียดเชื้อชาติ ออสเตรเลียก็มีการเหยียดเชื้อชาติที่ฝังรากลึกในประเทศ” เธอกล่าว
ผลสำรวจของสถาบันโลวีในเดือนมิถุนายน 2025 พบว่าชาวออสเตรเลีย 53% คิดว่าจำนวนผู้อพยพเข้าประเทศในแต่ละปี "สูงเกินไป" ซึ่งเพิ่มขึ้น 5 จุดจากปีก่อนหน้า ขณะเดียวกัน 38% ระบุว่าระดับการอพยพเข้าประเทศ "อยู่ในระดับที่เหมาะสม" และมีเพียง 7% เท่านั้นที่คิดว่า "ต่ำเกินไป"

เมื่อเปรียบเทียบกับระดับนานาชาติ ชาวออสเตรเลียดูเหมือนจะต่อต้านการอพยพย้ายถิ่นน้อยกว่าประเทศอื่นๆ เล็กน้อย ผลสำรวจของ Ipsos ในปี 2023 แสดงให้เห็นว่าชาวออสเตรเลีย 34% คิดว่าประเทศจะแข็งแกร่งขึ้นหากการอพยพเข้าเมืองยุติลง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 43%

แต่ถึงกระนั้น ชาวออสเตรเลียครึ่งหนึ่งเชื่อว่า "สังคมได้พังแล้ว" และ "ประเทศกำลังถดถอย"

ข้อมูลที่สร้างความเข้าใจผิดและการเอาผู้อพยพไปเป็นแพะรับบาป

แก่นแท้ของกระแสต่อต้านผู้อพยพที่เพิ่มขึ้นคือข้อมูลที่เข้าใจผิดซึ่งกล่าวโทษผู้อพยพว่าเป็นสาเหตุของปัญหาสังคมที่ร้ายแรงกว่า

ความเชื่อผิดๆ ที่พบบ่อยซึ่งผลักดันกระแสต่อต้านผู้อพยพ ได้แก่ การกล่าวอ้างว่าผู้อพยพกดค่าแรง ขโมยงานในท้องถิ่น หรือทำให้ราคาบ้านสูงเกินจริง ซึ่งอัลเลนอธิบายว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่อง "ไร้สาระ"


ศาสตราจารย์แดเนียล เกเซลบาช นักวิชาการด้านกฎหมายผู้ลี้ภัยและการย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศและกฎหมายเปรียบเทียบจากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ บอกกับ SBS Examines ว่าเขาแนะนำแนวทาง "แซนด์วิชข้อเท็จจริง" เพื่อโต้แย้งข้อกล่าวอ้างเท็จ

"เมื่อพรมแดนของออสเตรเลียถูกปิดในช่วงการระบาดของโควิด-19 การย้ายถิ่นฐานอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบศตวรรษ แต่ราคาที่อยู่อาศัยยังคงสูงขึ้น" เกเซลบาชกล่าวกับ SBS News

เขาเสนอแนะว่า:

1. เริ่มต้นด้วยข้อเท็จจริง ตัวอย่างของเขาคือ "เมื่อพรมแดนของออสเตรเลียถูกปิดในช่วงการระบาดของโควิด-19 การย้ายถิ่นฐานอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบศตวรรษ แต่ราคาที่อยู่อาศัยยังคงสูงขึ้น"

2. เตือนเกี่ยวกับความเชื่อผิดๆ: "แทนที่จะจัดการกับปัญหาที่แท้จริง นักการเมืองบางคนกลับตำหนิผู้อพยพราวกับว่าพวกเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยแพงเกินไป"

3. ชี้ให้เห็นความเข้าใจผิด: "พวกเขากำลังทำให้ปัญหาง่ายเกินไปเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคุณจากสาเหตุที่แท้จริง"

4. จบด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า: "มีหลายปัจจัยที่ผลักดันวิกฤตที่อยู่อาศัยของออสเตรเลีย และการย้ายถิ่นฐานเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของปัญหาเท่านั้น"

แต่อัลเลนตั้งข้อสังเกตว่ามีปัญหาใหญ่ในออสเตรเลียที่ทุกคน "ไม่ได้ลงมือทำ" และกล่าวว่านี่เป็นสัญญาณของปัญหาที่ซับซ้อนกว่าที่อยู่เบื้องหลังกระแสต่อต้านผู้อพยพ

ปัจจัยสำคัญ 4 ประการที่อยู่เบื้องหลังกระแสต่อต้านผู้อพยพ

อัลเลนเน้นย้ำถึงวิกฤตการณ์สำคัญ 4 ประการที่ก่อให้เกิดความกลัวและความไม่พอใจ ซึ่งอาจแสดงออกมาเป็นกระแสต่อต้านผู้อพยพ ได้แก่ ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความไม่เท่าเทียมทางเพศ และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ

“สี่ปัจจัยหลักนี้มารวมกันและบั่นทอนความแน่นอนของวันพรุ่ง และนั่นนำมาซึ่งความกลัวอย่างมหาศาล” เธอกล่าว
“ไม่ใช่ความผิดของผู้อพยพ ไม่ใช่ความผิดของผู้อพยพ แต่เป็นความกลัวฝังรากลึกว่าคนอื่นกำลังได้รับหรืออาจได้รับโอกาสที่คุณอาจไม่มีสิทธิ์ได้รับ” อัลเลนกล่าว

เธออธิบายว่าเป็น “ความกลัวความเป็นอื่น” กลัวว่าจะถูก “ครอบงำ” หรือ “ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”

“การสูญเสียความหวังนั้นหมายความว่าความกลัวสามารถเข้าครอบงำได้ และนั่นเป็นอารมณ์ที่รุนแรงอย่างยิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของความรู้สึกต่อต้านผู้อพยพ” เธอกล่าว

ต้นทุน: ความสามัคคีทางสังคมที่ลดลง

ผลสำรวจล่าสุดจากมูลนิธิสแกนลอน (Scanlon Foundation) ในช่วงปลายปี 2024 พบว่าความสามัคคีทางสังคมในออสเตรเลียยังคงอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ความสามัคคีทางสังคมวัดจากทัศนคติใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง คุณค่า ความยุติธรรมทางสังคม การมีส่วนร่วม และการยอมรับ

แม้ว่าชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่สนับสนุนนโยบายการย้ายถิ่นฐานที่ไม่เลือกปฏิบัติ แต่รายงานพบว่าทัศนคติต่อต้านการย้ายถิ่นฐานมีความสัมพันธ์อย่างมากกับความกังวลด้านเศรษฐกิจและที่อยู่อาศัย มากกว่ามุมมองเกี่ยวกับความหลากหลายหรือพหุวัฒนธรรม

ผลสำรวจพบว่าชาวออสเตรเลียเกือบครึ่งหนึ่ง (49 เปอร์เซ็นต์) เชื่อว่าระดับการย้ายถิ่นฐานสูงเกินไป
เจมส์ โอดอนเนลล์ ผู้เขียนรายงาน กล่าวว่า ความเครียดและความยากลำบากทางเศรษฐกิจยังคงเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อความสามัคคีทางสังคม

“เมื่อผู้คนกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และเมื่อพวกเขาเผชิญกับภาวะว่างงาน ความเครียดทางการเงิน ทัศนคติของพวกเขาต่อการย้ายถิ่นฐานก็จะเสื่อมถอยลง” เขากล่าวกับเอสบีเอสนิวส์

“พวกเขามักจะพูดประมาณว่า ‘ผู้อพยพทำให้ราคาบ้านสูงขึ้น’ หรือ ‘พวกเขาแย่งงาน’”

อัลเลนกล่าวว่าช่วงเวลาของการประท้วง March for Australia นั้นน่ากังวลอย่างยิ่ง ท่ามกลางความสามัคคีทางสังคมที่เปราะบางอยู่แล้วในออสเตรเลีย

“มันไม่ใช่ความผิดของผู้อพยพ แต่เป็นประเด็นทางสังคมและเศรษฐกิจที่สำคัญหลายประการที่รวมตัวกันและบั่นทอนอนาคตของประเทศชาติ” เธอกล่าว
อัลเลนกล่าวว่ากุญแจสำคัญในการต่อต้านการประท้วงและกระแสต่อต้านผู้อพยพอยู่ที่การฟื้นฟูความหวังด้วยการแก้ไขปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจที่แท้จริงที่ออสเตรเลียกำลังเผชิญอยู่ และขจัดข้อมูลที่บิดเบือน

“ต้นตอของปัญหาเหล่านี้คือความกลัว มันเป็นสัตว์ร้ายที่สามารถกัดกร่อนและครอบงำได้อย่างรวดเร็ว” เธอกล่าว

“การฟื้นฟูความหวังนั้นไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

“เราสามารถฟื้นฟูความหวังได้ด้วยการแก้ไขปัญหาที่เป็นแกนหลัก ได้แก่ ปัญหาที่อยู่อาศัย ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความเท่าเทียมทางเพศ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

“ส่วนที่เหลือเป็นเพียงสิ่งรบกวน”


ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share

Published

By Alexandra Koster
Presented by Warich Noochouy
Source: SBS

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand
กระแสจัดประท้วงใต้สโลแกน 'เอาประเทศเราคืนมา' แต่รู้ไหมว่าปัญหาที่แท้จริงนั้นลึกกว่านั้นมาก | SBS Thai