สหรัฐฯ เริ่มใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมวันนี้ ส่งผลกระทบกับออสเตรเลียอย่างไร?

รัฐมนตรีคลังของออสเตรเลียระบุว่ามาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจโลก พร้อมเตือนว่าออสเตรเลียหนีไม่พ้นจากผลกระทบที่ตามมาอย่างแน่นอน

Donald Trump in a blue suit and tie, gesturing with his hands as he speaks into a microphone.

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ระบุว่า ภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศ Source: AP / Alex Brandon

มาตรการขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีการเรียกเก็บภาษี 50 เปอร์เซ็นต์สำหรับการนำเข้าทั้งสองชนนิด

รัฐมนตรีคลัง จิม ชาลเมอร์ส (Jim Chalmers) ระบุว่าภาษีเหล่านี้ 'เป็นอันตราย' ต่อเศรษฐกิจโลก และเตือนว่าออสเตรเลียจะต้องเผชิญกับผลกระทบเป็นลูกโซ่เช่นกัน

“เราไม่ต้องการเห็นการยกระดับของภาษีนำเข้า เพราะนั่นคือการทำร้ายเศรษฐกิจของตัวเอง และมันสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก และออสเตรเลียก็จะไม่ได้รอดพ้นจากผลกระทบนั้น” เขากล่าวกับสถานี ABC ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
แล้วภาษีเหล่านี้จะส่งผลอย่างไร และทำไมทรัมป์ถึงใช้มาตรการนี้?

ราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้นหรือไม่?

ทางด้านศาสตราจารย์ทิม ฮาร์คอร์ต (Tim Harcourt) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ (UTS) กล่าวกับ SBS News ว่า ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีเหล็กจะกระทบโรงงานทั่วสหรัฐฯ

“โรงงานในอเมริกาหลายแห่งใช้เหล็ก หากเหล็กมีราคาแพงขึ้น มันจะส่งผลเสียอย่างมากต่อหลายอุตสาหกรรม” เขากล่าว

“เหล็กและอะลูมิเนียมยังเป็นส่วนประกอบของสินค้าอื่น ๆ อีกมาก” เขากล่าวต่อ โดยอธิบายว่าโลหะเหล่านี้ใช้ในเครื่องจักรกลและสินค้ากระป๋องซึ่งออสเตรเลียนำเข้าจากสหรัฐฯ
บริษัทที่ผลิตสินค้าดังกล่าวจะมีแนวโน้มส่งต่อต้นทุนที่สูงขึ้นให้กับผู้บริโภคในจุดขาย

โดยฮาร์คอร์ตกล่าวว่าโรงถลุงเหล็ก North Star ซึ่งเป็นของบริษัท BlueScope Steel บริษัทสัญชาติออสเตรเลียและตั้งอยู่ในสหรัฐฯ น่าจะเป็นผู้ที่ “ได้ประโยชน์” จากภาษีดังกล่าว

นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า ผลกระทบในทางลบจากภาษีชุดใหม่นี้ต่อชาวออสเตรเลียนั้น “ค่อนข้างน้อย” เพราะเศรษฐกิจในประเทศแข็งแกร่ง

“อุตสาหกรรมเหล็กของเราแข่งขันได้สูง และพวกเขาเปิดตลาดในเอเชียแล้ว ซึ่งหมายความว่าเราพึ่งพาสหราชอาณาจักรหรือสหรัฐฯ น้อยลง” เขากล่าว

แม้จะมีการขึ้นราคาสินค้ากระป๋องบางรายการในซูเปอร์มาร์เก็ต ฮาร์คอร์ตกล่าวว่า สิ่งที่น่าจับตามองมากกว่าคือ "การปรับตัวของผู้ผลิตเหล็กชาวออสเตรเลีย"

แล้วเหล็กของออสเตรเลียล่ะ?

ชาลเมอร์สกล่าวว่า ออสเตรเลีย “อยู่ในสถานะที่ดีกว่าหลายประเทศ” ในการรับมือกับผลกระทบจากภาษี แต่ก็ยอมรับว่าอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศอาจต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก

“ภาษีเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเหล็กของเรา” เขากล่าว

“แต่ผู้ส่งออกของเราอยู่ในกลุ่มที่ดีที่สุดในโลก เราเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะสามารถหาตลาดที่ดีและเชื่อถือได้สำหรับเหล็กและอะลูมิเนียมคุณภาพเยี่ยมจากออสเตรเลียได้แน่นอน”
ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมของออสเตรเลียมีจุดหมายปลายทางคือสหรัฐฯ

โดยฮาร์คอร์ตกล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือคือ “เป้าหมายชัดเจน” ที่ผู้ส่งออกออสเตรเลียควรมองหาโอกาสใหม่ ๆ รวมถึงประเทศอินเดียด้วย

หากทำการค้ากับประเทศที่ไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้า 50 เปอร์เซ็นต์กับเหล็กและอะลูมิเนียม ผู้ส่งออกก็จะสามารถขายสินค้าได้มากขึ้นและเพิ่มกำไรได้

“อาจมีต้นทุนหรือความลำบากในการปรับตัวในระยะสั้น แต่โดยรวมแล้ว ออสเตรเลียเป็นผู้ส่งออกเหล็ก แร่เหล็ก และอะลูมิเนียมที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นเราจะยังคงไปได้ดี กับพันธมิตรในเอเชียและแปซิฟิก” เขากล่าวเสริม

ทำไมทรัมป์ถึงใช้มาตรการภาษีกับเหล็กและอะลูมิเนียม?

ทรัมป์ประกาศแผนขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศจาก 25 เปอร์เซ็นต์เป็น 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าเพื่อ “ปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐฯ”

“อุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมของเรากำลังฟื้นคืนกลับมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” เขากล่าวผ่านโพสต์บน Truth Social
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมเป็น 25 เปอร์เซ็นต์แบบไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ

โดยทำเนียบขาวระบุว่าสหราชอาณาจักรจะได้รับการยกเว้นชั่วคราวจากคำสั่งบริหารที่เพิ่มภาษีเป็นสองเท่า

ตามข้อมูลจากรัฐบาลสหรัฐฯ มาตรการเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ เพิ่มปริมาณการผลิตในประเทศ และลดการพึ่งพาวัสดุที่จำเป็นต่อการป้องกันประเทศจากต่างชาติ

ฮาร์คอร์ตกล่าวว่า เขาเชื่อว่าผู้นำโลกกำลังใช้มาตรการภาษีเป็นเครื่องมือทางอำนาจ โดยยกตัวอย่างการที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน เคยตัดสินใจการเรียกเก็บภาษีกับไวน์และธัญพืชของออสเตรเลียเมื่อไม่กี่ปีก่อน
มาตรการภาษีของจีนนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ออสเตรเลียสนับสนุนการสอบสวนต้นตอของโควิด-19 รวมถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ย่ำแย่ลงโดยรวม

“ผมคิดว่าจีนเป็นฝ่ายเริ่มสงครามการค้า และเป็นผู้ให้ไอเดียกับโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าคุณสามารถขึ้นภาษีด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์ได้”

“ปกติแล้ว ภาษีไม่ใช่สิ่งที่ขึ้นง่าย ๆ และโดยทั่วไปจะถูกขับเคลื่อนด้วยการค้าเป็นหลัก”

“แต่ตั้งแต่สี จิ้นผิง และจีนทำแบบนั้นกับออสเตรเลีย ตอนนี้หลายประเทศก็เริ่มใช้ภาษีเป็นเครื่องมือในหลากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอพยพ เสรีภาพในการพูด หรือแม้แต่การป้องกันประเทศ”


Share

Published

By Cameron Carr
Presented by Wanvida Jiralertpaiboon
Source: SBS

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand