วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปีเป็นจุดเริ่มต้นของ เดือนแห่งการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม (Breast Cancer Awareness Month) ซึ่งทั่วโลกต่างร่วมกันย้ำเตือนถึงความสำคัญของการตรวจคัดกรองอย่างต่อเนื่อง
จากข้อมูลของมูลนิธิมะเร็งเต้านมแห่งชาติ (National Breast Cancer Foundation) มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิง และถือเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับสองของออสเตรเลีย ในทุกๆ วันจะมีชาวออสเตรเลียราว 58 คนถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม หรือมากกว่า 21,000 คนต่อปี
ผู้หญิงประมาณ 1 ใน 7 คน และผู้ชายราว 1 ใน 550 คน มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับโรคนี้ตลอดช่วงชีวิตของตนเอง แต่โอกาสรอดชีวิตจะสูงมากหากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
เมยา คาร์ทไรท์ หญิงไทยในเมลเบิร์น ผู้เคยตรวจพบมะเร็งเต้านมระยะศูนย์ (Stage 0 – DCIS) เมื่อ 3 ปีก่อน เล่าประสบการณ์ของเธอในการตรวจพบมะเร็งระยะเริ่มต้น
สัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม
เมยาเล่าว่าจากการตรวจร่างกายตัวเองแล้วพบความผิดปกติบางอย่างบริเวณหน้าอกเมื่อหลายปีก่อน เธอยังเก็บความไม่แน่ใจไว้จนรู้สึกว่าก้อนเนื้อดังกล่าวมีขนาดใหญ่มากขึ้น เธอรู้สึกสงสัยจึงไปปรึกษาแพทย์จีพี
“ตอนนั้นที่เจอก้อนเนื้อเล็กด้านขวาจากการตรวจหน้าอกตัวเองเมื่ออายุประมาณ 42 ปีค่ะ เวลาผ่านไป เรารู้สึกว่ามันใหญ่ขึ้น สงสัยว่ามันเปลี่ยนแปลงไปไหม เลยตัดสินใจไปหาหมอจีพี”
แพทย์ทั่วไป (GP) จึงออกใบส่งตัวให้เธอไปตรวจคัดกรองเพิ่มเติมที่บริการ BreastScreen ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลที่เปิดให้ผู้หญิงทุกคนสามารถตรวจแมมโมแกรมได้ฟรี
กระบวนการตรวจคัดกรองและขั้นตอนการรักษา
เมยาลงทะเบียนออนไลน์ที่ BreastScreen.org.au และเข้ารับการตรวจแมมโมแกรม ก่อนจะได้รับจดหมายแจ้งให้กลับไปตรวจซ้ำในโรงพยาบาลรัฐภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์
“ตอนเปิดจดหมายก็ตกใจค่ะ เพราะเขียนว่าอยากให้เรามาตรวจซ้ำเพื่อยืนยันผล”
ที่โรงพยาบาลรัฐ เธอได้รับการตรวจซ้ำด้วยแมมโมแกรม อัลตราซาวนด์ และตรวจชิ้นเนื้อ (biopsy) ภายในวันเดียว ใช้เวลารวมเกือบ 8 ชั่วโมง
ผลการตรวจยืนยันว่าเธอมีเซลล์มะเร็งชนิด Ductal Carcinoma In Situ (DCIS) ซึ่งจัดเป็น มะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นที่สุด (Stage 0)
“คุณหมอบอกว่า ถึงยังไม่ใช่มะเร็งรุกราน แต่มีความเสี่ยงสูง"
ถ้าช้ากว่านี้อาจลุกลามเป็นระยะหนึ่งหรือมากกว่านั้น ทางเลือกคือการผ่าตัดเอาเต้านมข้างนั้นออกเพื่อป้องกันเมยา คาร์ทไรท์ กล่าว
เมย่าเลือกผ่าตัดเต้านมด้านขวาออก และใส่ซิลิโคนแทนที่
การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เธอต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล 3 วัน และหลังกลับบ้านยังมีพยาบาลจากโรงพยาบาลรัฐมาตรวจแผลที่บ้านทุกวันเป็นเวลา 7 วันจนกระทั่งถอดสายเดรนออก
ช่วงพักฟื้นและชีวิตหลังผ่าตัด
หลังการรักษา เมย่าต้องนัดตรวจติดตามผลทุก 3 เดือน และเมื่อครบหนึ่งปีจึงได้รับการยืนยันว่าไม่มีเซลล์มะเร็งเหลืออยู่
“ตอนนี้ผ่านมา 3 ปีแล้วค่ะ คุณหมอบอกว่าทุกอย่างดีมาก แต่เราก็ขอไปตรวจทุก 6 เดือนเพื่อความสบายใจ”
แม้การใช้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เช่น ไม่สามารถยกของหนักหรือว่ายน้ำคล่องเหมือนเดิม แต่เธอปรับตัวด้วยการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ เช่น เดินและเต้นรำ
“สามีและลูก ๆ เป็นกำลังใจหลักเลยค่ะ คอยดูแลทุกอย่างตอนผ่าตัด เพื่อน ๆ ก็แวะมาเยี่ยม ให้กำลังใจตลอด…ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้เผชิญเรื่องนี้คนเดียว”

คุณ เมยา คาร์ทไรท์ ชี้ว่าการเข้ารับการคัดกรองมะเร็งเต้านมเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้หญิง Credit: Supplied
ความสนับสนุนจากภาครัฐ
ออสเตรเลียให้ความสำคัญและสนับสนุนผู้ป่วยมะเร็งเต้านมอย่างเต็มที่ และการได้รับการสนับสนุนในระบบสาธารณสุขของออสเตรเลียทำให้ผู้ป่วยอย่างเธอได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
“ตั้งแต่เริ่มตรวจจนถึงผ่าตัด ไม่มีค่าใช้จ่ายเลยค่ะ ทุกอย่างฟรีหมด ยกเว้นค่าพบแพทย์จีพีครั้งแรก ซึ่ง Medicare ก็ครอบคลุมอยู่แล้ว”
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด เมย่ามีข้อเสนอแนะสำคัญสำหรับหน่วยงานและผู้หญิงทุกคน
“อยากให้มีการรณรงค์ที่กว้างและเข้าถึงง่ายกว่านี้ เพราะหลายคนอาจยังไม่รู้ว่ามีบริการฟรีที่สำคัญคือผู้หญิงทุกคนควรตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ เพราะการตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยชีวิตเราได้”
ในเดือนแห่งการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านมนี้ เอสบีเอสไทยขอร่วมย้ำเตือนให้ผู้หญิงทุกคนหมั่นตรวจร่างกายตัวเอง และใช้สิทธิ์เข้ารับการตรวจคัดกรองที่มีอยู่ในออสเตรเลีย เพราะการป้องกันที่ดีที่สุด คือการตรวจพบให้เร็วที่สุด