เอสบีเอสไทยพูดคุยกับนักเตะ 3 คนจากสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เปิดใจเล่าถึงเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และความรู้สึกก่อนลงสนามพบกับ เมลเบิร์น ซิตี เอฟซี ในการแข่งขันเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก คืนวันอังคารนี้ ที่นครเมลเบิร์น
หนึ่งในผู้เล่นที่ถูกจับตา คือ พี ศศลักษณ์ ไหประโคน ผู้เล่นตำแหน่งแบ็กซ้ายที่เป็นชาวบุรีรัมย์โดยกำเนิด ปีนี้เขากลับมาเหยียบสนามที่เมลเบิร์นอีกครั้งในฐานะตัวแทนทีมไทยลีก หลังผ่านประสบการณ์ต่างประเทศมาแล้วหลายครั้ง
“รอบแรกมาที่เมลเบิร์นเหมือนกันครับ ปีที่แล้วไปเซ็นทรัล โคสต์ แล้วก็ปีนี้ก็กลับมาที่เมลเบิร์นอีกครั้งหนึ่งครับ”
พีเริ่มเตะฟุตบอลตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ไม่ได้เริ่มจากความฝันใหญ่ แต่มองทีละก้าวแบบเด็กคนหนึ่งที่ “แค่หวังว่าจะได้เรียนฟรี ช่วยแบ่งเบาครอบครัว”

พี ศศลักษณ์ ไหประโคน ผู้เล่นตำแหน่งแบ็กซ้ายของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด Credit: Buriram United
“ตอนผมเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯแล้วบุรีรัมย์ก็เริ่มสร้างทีม ผมก็รู้สึกเสียดายว่าทําไมเราไม่ได้เริ่มเล่นที่บุรีรัมย์ ตอนนั้นก็มีความฝันว่าเราอยากจะกลับมาเล่นให้สโมสรบุรีรัมย์พอวันหนึ่งเรามีโอกาสได้กลับมาเล่น เรารู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่เราที่จะสามารถตอบแทนบ้านเกิดของเราได้”
เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยดอกไม้
กว่าจะมีโอกาสเซ็นสัญญานักเตะอาชีพ พีใช้เวลาเกือบ 7 ปี อดทนในการฝึกซ้อม และการทดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจ ในระหว่างนั้นก็ได้เล่นเป็นตัวจริงบ้าง ตัวสำรองบ้าง
คนภายนอกอาจคิดว่านักบอลมีเงินเดือน มันน่าจะง่าย แต่ความจริงทุกวันเราต้องสู้ ทั้งร่างกาย วินัย และจิตใจ มันเหนื่อยกว่าที่เห็นเยอะครับศศลักษณ์ ไหประโคน
จนวันหนึ่ง เนวิน ชิดชอบ และต่าย กรุณา ประธานสโมสร มองเห็นในความมุ่งมั่น และให้โอกาสลงสนามในเสื้อบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
“ช่วงนั้นผมอยู่กับสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด พอดีครับ แล้วเหมือนตอนนั้นเค้าน่าจะกําลังหานักฟุตบอลที่เป็นเด็กท้องถิ่นไร แล้วช่วงนั้นผมก็ไม่ค่อยได้เล่นกับสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด ผมก็เลยตัดสินใจว่าลองกลับมาสู้ที่บ้านตัวเองสักครั้งหนึ่ง”
แม้ฟุตบอลจะเป็นเกมในสนาม แต่ความเชื่อและกำลังใจนอกสนามก็สำคัญไม่แพ้กัน พีบอกว่าเขาก็พกเครื่องรางนำโชคที่พ่อแม่และคุณเนวินให้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ และยังเป็นสิ่งเตือนสติเวลารับคำวิจารณ์
“มีทั้งที่แม่ให้แล้วก็ทั้งพ่อให้แล้วก็มีของของเราด้วย เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเรามันก็มีหลายช่วงที่เราต้องเจอ ทั้งคําวิจารณ์ เราก็ต้องรักษาความคิดของเราให้เป็นเป็นบวกตลอดเวลา”
เขาทิ้งท้ายว่าเกมวันอังคารนี้จะต้องตื่นเต้นและสนุกแน่นอน
“เกมวันอังคาร ผมคิดว่าน่าจะสนุก และเราน่าจะเก็บ 3 แต้มได้ครับ”

แฟนๆ ของทีมบุรีรัมยื ยูไนเต็ด ที่มาเชียร์ทีมของตน Credit: Buriram United
อดีตดาวเด่น Melbourne City ที่กลับบ้านเกิดในฐานะผู้เล่นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
สำหรับ เคอติส กู๊ด (Curtis Good) การเดินทางสู่เมลเบิร์นครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะนี่คือสนามที่เขา เติบโตในฐานะนักเตะของ Melbourne City แต่วันนี้เขากลับมาในฐานะ คู่แข่ง ใต้เสื้อสีน้ำเงินของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ที่วันนี้ผมกลับมาที่บ้านเกิดมาแข่งกับทีมที่เคยเล่นมาหลายปีเคอติส กู๊ด
เคอติสเกิดและเติบโตที่เมลเบิร์น เมืองที่วัฒนธรรมกีฬาหลักคือ AFL แต่ Curtis กลับเลือกสนามฟุตบอล เขาเล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า
“พ่อพาไป Auskick เพื่อเริ่มเล่น AFL ตอนเด็ก ๆ แต่ตอนนั้นผมเด็กเกินไป เลยได้ไปลองเล่นฟุตบอลก่อน ต่อมาก็เล่นกีฬาสองอย่างควบคู่กัน สุดท้ายเลยตัดสินใจเลือกฟุตบอลตอนอายุประมาณ 11–12 ปี ”
จุดเริ่มต้นนักเตะตำแหน่งกองหลัง
ด้วยความสามารถอันโดดเด่น เมื่ออายุ 15 เคอติสได้รับโอกาสรับเลือกเข้าเรียนที่สถาบันกีฬา AIS (Australian Institute of Sport) ที่แคนเบอร์รา และนั่นคือจุดพลิกผัน เพราะโค้ชตัดสินใจโยกเขาจากมิดฟิลด์มายืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก
“ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมโคชต้องให้ผมเล่นกองหลัง เพราะผมชอบเกมรุก แต่ถ้าไม่ได้ไปเรียนที่ AIS และไม่ได้ถูกเปลี่ยนตำแหน่ง ผมคงไม่ได้พัฒนาทักษะจนกลายเป็นกองหลังแบบทุกวันนี้”
จากลีกอังกฤษ สก็อตแลนด์ ก่อนย้ายสู่บุรีรัมย์
เคอติสเดินทางไปอังกฤษตั้งแต่อายุ 18 ผ่านทั้งลีกรองที่เล่นฟุตบอลแบบแข็งแรง ดุดัน ไม่เห็นบอลบนพื้นมากนัก ก่อนจะไปสกอตแลนด์กับทีม Dundee และกลับมายัง A-League เมื่ออายุประมาณ 25
จากนั้นเขาตัดสินใจย้ายมาเล่นในไทยลีกกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เขายอมรับว่าแม้จะเคยคิดว่าลีกไทยมีแค่ทีมใหญ่ไม่กี่ทีมที่แข็งแรง แต่พอผ่านเกมจริง ๆ เขารู้ว่าทุกทีมในไทยลีกมีแรงขับเคลื่อนบางอย่างที่ต่างจากบอลยุโรป
“ผมเคยเจอบุรีรัมย์ใน AFC มาก่อนและรู้ว่าพวกเขามีการเล่นที่มีคุณภาพ แต่การได้มาอยู่ในทีมจริง ๆ ทำให้ผมเห็นว่าฟุตบอลไทยและ นักเตะทุกทีมสู้แบบไม่มีใครยอมใคร ไม่เหมือนภาพที่คนภายนอกคิด”

เคอติส กู๊ด นักเตะกองหลังของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด Credit: Buriram United
เมื่อถูกถามถึงเกมวันอังคาร เขายิ้มก่อนตอบว่า
“ผมรู้จักเมลเบิร์น ซิตี้ดี รู้ว่าพวกเขาเล่นยังไง มีวินัยขนาดไหน ผมเตือนเพื่อนร่วมทีมบุรีรัมย์แล้วว่าถ้าไม่พร้อมจริง เรามีโอกาสแพ้แน่นอน”
เคนนี ดูกัลล์ กัปตันทีม ลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย
เคนนี ดูกัลล์ (Kenny Dougall) เป็นนักเตะลูกครึ่งไทย–ออสเตรเลีย ที่เกิดและโตที่บริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ เขาเล่าเส้นทางการเป็นนักบอลของเขาว่า เขาเริ่มเล่นจากทีมท้องถิ่นก่อนจะถูกคัดเลือกไปร่วมทีมเยาวชนของรัฐ
“ผมเล่นเหมือนเด็กออสเตรเลียทั่วไป เริ่มจากทีมท้องถิ่น จากนั้นเข้าสู่ QAS (Queensland Academy of Sport) แล้วไปทีมเยาวชนของ Brisbane Roar แต่ผมไม่สามารถเบรกเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ได้ และถูกปล่อยตัวตอนอายุประมาณ 18–19”
เคนนีย้ายไปยุโรปเพื่อเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลอาชีพตอนอายุประมาณ 20 ปี ถือว่าค่อนข้างช้าสำหรับนักเตะอาชีพ แต่เขาบอกว่า
ผมไม่เคยรู้สึกลังเลสักครั้งว่าฟุตบอลจะไม่ใช่เป็นเส้นทางของตัวเองเคนนี ดูกัลล์
หลังจากนั้น ดูกัลล์ เดินทางไปทดสอบฝีมือที่เนเธอร์แลนด์ และได้เซ็นสัญญา ก่อนย้ายไปอังกฤษ และล่าสุดคือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในไทยลีก
การตัดสินใจย้ายมาเล่นไทยลีก
“พอบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดทาบทามมา ผมก็ตัดสินใจทันที เหตุผลหนึ่งคือแม่ของผมเป็นคนไทยจากอุดรธานี และผมสนใจฟุตบอลเอเชียอยู่แล้ว ถึงจะรู้ว่าการออกจากระบบฟุตบอลอังกฤษไม่ง่าย แต่ผมอยากลอง”
เขาบอกว่า สิ่งที่ประทับใจที่สุดหลังมาถึงประเทศไทย คือขนาดของสโมสรบุรีรัมย์ และความจริงจังของลีกไทย ซึ่งต่างจากมุมมองของนักเตะออสเตรเลียหลายคนที่ “ไม่รู้จักฟุตบอลไทยมากนัก”

เคนนี ดูกัลล์ ผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์และเป็นกัปตันทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด Credit: Buriram United
กลับมาออสเตรเลียในฐานะกัปตันทีมจากไทยลีก
ดูกัลล์ ไม่เคยเล่นลีกอาชีพในออสเตรเลีย แม้จะติดทีมชาติชุดใหญ่และลงเล่นให้ Socceroos มาแล้วหนึ่งนัด
“ผมเคยลงเล่นในออสเตรเลียแค่ 2 เกม เกมหนึ่งคือกับทีมชาติ อีกเกมคือเจอ Central Coast Mariners เมื่อปีที่แล้ว ครั้งนี้ผมกลับมาในฐานะกัปตันบุรีรัมย์ และครอบครัวผมจะอยู่บนอัฒจันทร์ ซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยเพราะพวกเขาอยู่บริสเบน”
เคนนีบอกว่าเขาอยู่ประเทศไทยมาประมาณ 2 ปีแล้ว และเขาเปิดเผยว่ามีแต่คนถามว่าคิดถึงออสเตรเลียไหม เขาบอกว่าเขาคิดถึงวัฒนธรรมบางอย่างมากกว่าอาหาร เช่น กาแฟ
“คนชอบถามเรื่องอาหาร แต่ผมไม่ได้คิดถึงอาหารเป็นพิเศษ สิ่งที่ผมคิดถึงมากที่สุดคือวัฒนธรรมกาแฟของออสเตรเลีย ผมดริปกาแฟเองทุกทริปที่ออกไปกับทีม เพราะมันเป็นกิจวัตรที่ทำให้ผมรู้สึกเชื่อมโยงกับบ้าน”
ศึกดวลแข้งกับ Melbourne City
ในฐานะกัปตันทีม เคนนี บอกว่าแม้จะต้องแข่งกับคู่แข่งที่มีฟอร์มการเล่นแข็งแกร่งแต่เขามองว่า ชัยชนะ คือเป้าหมาย
“เรารู้ว่า Melbourne City เล่นอย่างมีวินัยและมีผู้เล่นคุณภาพสูง เราดูเกมล่าสุดของพวกเขาแล้ว และเรารู้ว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก เราอาจชนะ หรือเราอาจแพ้ แต่เป้าหมายของเราคือเล่นเพื่อชนะ”