เอสบีเอสไทยพูดคุยกับนักเตะ 3 คนจากสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เปิดใจเล่าถึงเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และความรู้สึกก่อนลงสนามพบกับ เมลเบิร์น ซิตี เอฟซี ในการแข่งขันเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เย็นวันอังคารนี้ (21 ต.ค.) ที่สนาม AAMI Park นครเมลเบิร์น
หนึ่งในผู้เล่นที่ถูกจับตา คือ พี ศศลักษณ์ ไหประโคน ผู้เล่นตำแหน่งแบ็กซ้ายที่เป็นชาวบุรีรัมย์โดยกำเนิด ปีนี้เขากลับมาเหยียบสนามที่เมลเบิร์นอีกครั้งในฐานะตัวแทนทีมไทยลีก หลังผ่านประสบการณ์ต่างประเทศมาแล้วหลายครั้ง
“รอบแรกมาที่เมลเบิร์นเหมือนกันครับ ปีที่แล้วไปเซ็นทรัล โคสต์ แล้วก็ปีนี้ก็กลับมาที่เมลเบิร์นอีกครั้งหนึ่งครับ”
พีเริ่มเตะฟุตบอลตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ไม่ได้เริ่มจากความฝันใหญ่ แต่มองทีละก้าวแบบเด็กคนหนึ่งที่ “แค่หวังว่าจะได้เรียนฟรี ช่วยแบ่งเบาครอบครัว”

พี ศศลักษณ์ ไหประโคน ผู้เล่นตำแหน่งแบ็กซ้ายของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด Credit: Buriram United
“ตอนผมเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯแล้วบุรีรัมย์ก็เริ่มสร้างทีม ผมก็รู้สึกเสียดายว่าทําไมเราไม่ได้เริ่มเล่นที่บุรีรัมย์ ตอนนั้นก็มีความฝันว่าเราอยากจะกลับมาเล่นให้สโมสรบุรีรัมย์พอวันหนึ่งเรามีโอกาสได้กลับมาเล่น เรารู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่เราที่จะสามารถตอบแทนบ้านเกิดของเราได้”
เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยดอกไม้
กว่าจะมีโอกาสเซ็นสัญญานักเตะอาชีพ พีใช้เวลาเกือบ 7 ปี อดทนในการฝึกซ้อม และการทดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจ ในระหว่างนั้นก็ได้เล่นเป็นตัวจริงบ้าง ตัวสำรองบ้าง
คนภายนอกอาจคิดว่านักบอลมีเงินเดือน มันน่าจะง่าย แต่ความจริงทุกวันเราต้องสู้ ทั้งร่างกาย วินัย และจิตใจ มันเหนื่อยกว่าที่เห็นเยอะครับศศลักษณ์ ไหประโคน
จนวันหนึ่ง เนวิน ชิดชอบ และต่าย กรุณา ประธานสโมสร มองเห็นในความมุ่งมั่น และให้โอกาสลงสนามในเสื้อบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
“ช่วงนั้นผมอยู่กับสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด พอดีครับ แล้วเหมือนตอนนั้นเค้าน่าจะกําลังหานักฟุตบอลที่เป็นเด็กท้องถิ่น แล้วช่วงนั้นผมก็ไม่ค่อยได้เล่นกับสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด ผมก็เลยตัดสินใจว่าลองกลับมาสู้ที่บ้านตัวเองสักครั้งหนึ่ง”
แม้ฟุตบอลจะเป็นเกมในสนาม แต่ความเชื่อและกำลังใจนอกสนามก็สำคัญไม่แพ้กัน พีบอกว่าเขาก็พกเครื่องรางนำโชคที่พ่อแม่และคุณเนวินให้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ และยังเป็นสิ่งเตือนสติเวลารับคำวิจารณ์
“มีทั้งที่แม่ให้แล้วก็ทั้งพ่อให้แล้วก็มีของของเราด้วย เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเรามันก็มีหลายช่วงที่เราต้องเจอ ทั้งคําวิจารณ์ เราก็ต้องรักษาความคิดของเราให้เป็นเป็นบวกตลอดเวลา”
เขาทิ้งท้ายว่าเกมวันอังคารนี้จะต้องตื่นเต้นและสนุกแน่นอน
“เกมวันอังคาร ผมคิดว่าน่าจะสนุก และเราน่าจะเก็บ 3 แต้มได้ครับ”

แฟนๆ ของทีมบุรีรัมยื ยูไนเต็ด ที่มาเชียร์ทีมของตน Credit: Buriram United
อดีตดาวเด่น Melbourne City ที่กลับบ้านเกิดในฐานะผู้เล่นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
สำหรับ เคอติส กู๊ด (Curtis Good) การเดินทางสู่เมลเบิร์นครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะนี่คือสนามที่เขา เติบโตในฐานะนักเตะของ Melbourne City แต่วันนี้เขากลับมาในฐานะ คู่แข่ง ใต้เสื้อสีน้ำเงินของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ที่วันนี้ผมกลับมาบ้านเกิด มาแข่งกับทีมที่เคยเล่นมาหลายปีเคอติส กู๊ด
เคอติสเกิดและเติบโตที่เมลเบิร์น เมืองที่วัฒนธรรมกีฬาหลักคือ AFL แต่ Curtis กลับเลือกสนามฟุตบอล เขาเล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า
“พ่อพาไป Auskick เพื่อเริ่มเล่น AFL ตอนเด็ก ๆ แต่ตอนนั้นผมเด็กเกินไป เลยได้ไปลองเล่นฟุตบอลก่อน ต่อมาก็เล่นกีฬาสองอย่างควบคู่กัน สุดท้ายเลยตัดสินใจเลือกฟุตบอลตอนอายุประมาณ 11–12 ปี ”
จุดเริ่มต้นนักเตะตำแหน่งกองหลัง
ด้วยความสามารถอันโดดเด่น เมื่ออายุ 15 เคอติสได้รับโอกาสรับเลือกเข้าเรียนที่สถาบันกีฬา AIS (Australian Institute of Sport) ที่แคนเบอร์รา และนั่นคือจุดพลิกผัน เพราะโค้ชตัดสินใจโยกเขาจากมิดฟิลด์มายืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก
“ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมโคชต้องให้ผมเล่นกองหลัง เพราะผมชอบเกมรุก แต่ถ้าไม่ได้ไปเรียนที่ AIS และไม่ได้ถูกเปลี่ยนตำแหน่ง ผมคงไม่ได้พัฒนาทักษะจนกลายเป็นกองหลังแบบทุกวันนี้”
จากลีกอังกฤษ สก็อตแลนด์ ก่อนย้ายสู่บุรีรัมย์
เคอติสเดินทางไปอังกฤษตั้งแต่อายุ 18 ผ่านทั้งลีกรองที่เล่นฟุตบอลแบบแข็งแรง ดุดัน ไม่เห็นบอลบนพื้นมากนัก ก่อนจะไปสกอตแลนด์กับทีม Dundee และกลับมายัง A-League เมื่ออายุประมาณ 25
จากนั้นเขาตัดสินใจย้ายมาเล่นในไทยลีกกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เขายอมรับว่าแม้จะเคยคิดว่าลีกไทยมีแค่ทีมใหญ่ไม่กี่ทีมที่แข็งแรง แต่พอผ่านเกมจริง ๆ เขารู้ว่าทุกทีมในไทยลีกมีแรงขับเคลื่อนบางอย่างที่ต่างจากบอลยุโรป
“ผมเคยเจอบุรีรัมย์ใน AFC มาก่อนและรู้ว่าพวกเขามีการเล่นที่มีคุณภาพ แต่การได้มาอยู่ในทีมจริง ๆ ทำให้ผมเห็นว่าฟุตบอลไทยและ นักเตะทุกทีมสู้แบบไม่มีใครยอมใคร ไม่เหมือนภาพที่คนภายนอกคิด”

เคอติส กู๊ด นักเตะกองหลังของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด Credit: Buriram United
เมื่อถูกถามถึงเกมวันอังคาร เขายิ้มก่อนตอบว่า
“ผมรู้จักเมลเบิร์น ซิตี้ดี รู้ว่าพวกเขาเล่นยังไง มีวินัยขนาดไหน ผมเตือนเพื่อนร่วมทีมบุรีรัมย์แล้วว่าถ้าไม่พร้อมจริง เรามีโอกาสแพ้แน่นอน”
เคนนี ดูกัลล์ กัปตันทีม ลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย
เคนนี ดูกัลล์ (Kenny Dougall) เป็นนักเตะลูกครึ่งไทย–ออสเตรเลีย ที่เกิดและโตที่บริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ เขาเล่าเส้นทางการเป็นนักบอลของเขาว่า เขาเริ่มเล่นจากทีมท้องถิ่นก่อนจะถูกคัดเลือกไปร่วมทีมเยาวชนของรัฐ
“ผมเล่นเหมือนเด็กออสเตรเลียทั่วไป เริ่มจากทีมท้องถิ่น จากนั้นเข้าสู่ QAS (Queensland Academy of Sport) แล้วไปทีมเยาวชนของ Brisbane Roar แต่ผมไม่สามารถเบรกเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ได้ และถูกปล่อยตัวตอนอายุประมาณ 18–19”
เคนนีย้ายไปยุโรปเพื่อเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลอาชีพตอนอายุประมาณ 20 ปี ถือว่าค่อนข้างช้าสำหรับนักเตะอาชีพ แต่เขาบอกว่า
ผมไม่เคยรู้สึกลังเลสักครั้งว่าฟุตบอลไม่ใช่เส้นทางของตัวเองเคนนี ดูกัลล์
หลังจากนั้น ดูกัลล์ เดินทางไปทดสอบฝีมือที่เนเธอร์แลนด์ และได้เซ็นสัญญา ก่อนย้ายไปอังกฤษ และล่าสุดคือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในไทยลีก
การตัดสินใจย้ายมาเล่นไทยลีก
“พอบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดทาบทามมา ผมก็ตัดสินใจทันที เหตุผลหนึ่งคือแม่ของผมเป็นคนไทยจากอุดรธานี และผมสนใจฟุตบอลเอเชียอยู่แล้ว ถึงจะรู้ว่าการออกจากระบบฟุตบอลอังกฤษไม่ง่าย แต่ผมอยากลอง”
เขาบอกว่า สิ่งที่ประทับใจที่สุดหลังมาถึงประเทศไทย คือขนาดของสโมสรบุรีรัมย์ และความจริงจังของลีกไทย ซึ่งต่างจากมุมมองของนักเตะออสเตรเลียหลายคนที่ “ไม่รู้จักฟุตบอลไทยมากนัก”

เคนนี ดูกัลล์ ผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์และเป็นกัปตันทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด Credit: Buriram United
กลับมาออสเตรเลียในฐานะกัปตันทีมจากไทยลีก
ดูกัลล์ ไม่เคยเล่นลีกอาชีพในออสเตรเลีย แม้จะติดทีมชาติชุดใหญ่และลงเล่นให้ Socceroos มาแล้วหนึ่งนัด
“ผมเคยลงเล่นในออสเตรเลียแค่ 2 เกม เกมหนึ่งคือกับทีมชาติ อีกเกมคือเจอ Central Coast Mariners เมื่อปีที่แล้ว ครั้งนี้ผมกลับมาในฐานะกัปตันบุรีรัมย์ และครอบครัวผมจะอยู่บนอัฒจันทร์ ซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยเพราะพวกเขาอยู่บริสเบน”
เคนนีบอกว่าเขาอยู่ประเทศไทยมาประมาณ 2 ปีแล้ว และเขาเปิดเผยว่ามีแต่คนถามว่าคิดถึงออสเตรเลียไหม เขาบอกว่าเขาคิดถึงวัฒนธรรมบางอย่างมากกว่าอาหาร เช่น กาแฟ
“คนชอบถามเรื่องอาหาร แต่ผมไม่ได้คิดถึงอาหารเป็นพิเศษ สิ่งที่ผมคิดถึงมากที่สุดคือวัฒนธรรมกาแฟของออสเตรเลีย ผมดริปกาแฟเองทุกทริปที่ออกไปกับทีม เพราะมันเป็นกิจวัตรที่ทำให้ผมรู้สึกเชื่อมโยงกับบ้าน”
ศึกดวลแข้งกับ Melbourne City
ในฐานะกัปตันทีม เคนนี บอกว่าแม้จะต้องแข่งกับคู่แข่งที่มีฟอร์มการเล่นแข็งแกร่งแต่เขามองว่า ชัยชนะ คือเป้าหมาย
“เรารู้ว่า Melbourne City เล่นอย่างมีวินัยและมีผู้เล่นคุณภาพสูง เราดูเกมล่าสุดของพวกเขาแล้ว และเรารู้ว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก เราอาจชนะ หรือเราอาจแพ้ แต่เป้าหมายของเราคือเล่นเพื่อชนะ”
















