กลุ่มผู้เสียหายเล็งฟ้องคลินิกไอวีเอฟ (IVF) หลังเกิดเหตุข้อมูลคนไข้ถูกลักลอบนำไปเผยแพร่ออนไลน์

A microscopic view of In vitro fertilization of a human female cell on a blue background.

Source: Shutterstock, The Conversation / KateStudio

อิซาเบล ลูอิส พยายามมีลูกอยู่หลายปี เธอนึกว่าการตั้งครรภ์นั้นเป็นช่วงที่ยากเย็นที่สุดแล้ว จนกระทั่งพบว่าอาชญากรออนไลน์ได้เล่นงานคลินิกรักษาผู้มีบุตรยากที่เธอเคยใช้บริการ คลินิกรักษาผู้มีบุตรยากที่ชื่อว่าเจเนียได้เก็บข้อมูลทางการแพทย์ของคนไข้ไว้หลากหลายประเภท ได้แก่ ประวัติทางการแพทย์ ประวัติวินิจฉัยโรค ประวัติการรักษา ประวัติการใช้ยา ผลตรวจเลือด ไปจนถึงผลการทดสอบการวินิจฉัยโรค ขณะนี้มีผู้เสียหายชาวออสเตรเลียหลายร้อยคนจ่อฟ้องคลินิกฐานละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจนำไปสู่การปฏิรูปกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของออสเตรเลีย





อิซาเบล ลูอิส ที่มาจากนครแอดิเลด ยอมรับว่าเธอมุ่งมั่นทำทุกวิถีทางเพื่อเติมเต็มความฝันของตัวเอง นั่นก็คือ การได้เป็นแม่คน

ขณะนั้นเธออยู่ในวัยสามสิบปลายและยังโสด จึงตัดสินใจว่าเธอจะสร้างครอบครัวด้วยตัวเองโดยไม่มีคู่ชีวิต อิซาเบลจึงตัดสินใจเข้ารับบริการเด็กหลอดแก้ว In Vitro Fertalisation หรือที่เรียกว่า IVF

“ฉันเริ่มกระบวนการทำไอวีเอฟก่อนจะเจอแฟน ที่ตอนนี้กลายเป็นสามีของฉัน ตอนนั้นฉันพยายามตั้งครรภ์ด้วยการใช้อสุจิจากผู้บริจาคเพราะผู้ชายดีๆ ที่พร้อมมีลูกก็ไม่เข้ามาในชีวิตสักที ฉันอายุสามสิบแปด แล้วจากนั้นฉันก็เจอคริส”

ภายหลังอิซาเบลได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ ทั้งเธอและคริสจึงได้ตัดสินใจรับบริการเด็กหลอดแก้ว โดยใช้อสุจิและไข่ของตัวเอง

อิซาเบลตั้งครรภ์แฝดหลังการทำไอวีเอฟประสบผลสำเร็จที่คลินิกเจเนียในรัฐเซ้าธ์ออสเตรเลีย

แปดปีผ่านไป อิซาเบลนึกว่าคงไม่มีธุระที่จะต้องข้องเกี่ยวกับคลินิกอีกแล้ว จนกระทั่งเธอได้รับการติดต่อจากคลินิกปีนี้ และแจ้งข่าวสยองว่าข้อมูลส่วนบุคคลของเธอโดนอาชญากรไซเบอร์ขโมยไปและถูกนำไปเผยแพร่ออนไลน์เสียแล้ว

“ฉันรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวนั้นสูญหายไปแล้ว การรักษาภาวะมีบุตรยากนั้นน่าจะเป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่กระทบทั้งร่างกายและจิตใจที่สุดแล้ว ฉันมีประวัติการรักษาจิตเวชมาก่อนและฉันคงไม่กังวลขนาดนี้ถ้าข้อมูลนั้นไปปรากฎบนเว็บเถื่อน แต่เหตุขโมยข้อมูลตรงนี้กระทบกระเทือนจิตใจฉันอย่างมากเพราะมันเผยเหตุผลว่าทำไมฉันอยากเป็นแม่คน เผยกระบวนการว่าฉันมีลูกได้อย่างไร”

คลินิกเจเนียได้ขออภัยคนไข้ของตนเองอย่างต่อเนื่อง

“พวกเราขอขอบคุณคนไข้ที่อดทนและเข้าอกเข้าใจขณะที่พวกเรากำลังดำเนินการสืบสวนเหตุแฮ็คข้อมูลครั้งนี้ เราเสียใจเป็นอย่างมากที่มีคนลอบเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและนำไปเผยแพร่ เราขออภัยอย่างสุดซึ้งหากเหตุดังกล่าวสร้างความเสียหายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”

ข้อมูลคนไข้ที่ถูกลักลอบนำไปเผยแพร่มีทั้งประวัติทางการแพทย์ ประวัติวินิจฉัยโรค ประวัติการรักษา ประวัติการใช้ยา ผลตรวจเลือด ไปจนถึงผลการทดสอบการวินิจฉัยโรค

เอสบีเอสนิวส์ได้ติดต่อผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายจากเหตุโจรกรรมข้อมูลจากคลินิกเจเนีย ผ่านช่องทางออนไลน์ หลายคนกล่าวว่าพวกเขากำลังพิจารณารวมตัวยื่นฟ้องดำเนินคดีแบบกลุ่มต่อคลินิกเจเนีย

อิซาเบลและผู้เสียหายอีกหลายร้อยคนได้ว่าจ้างสำนักงานกฎหมาย Phi Finney McDonald เพื่อเรียกร้องให้คลินิกชดเชยค่าเสียหายจากเหตุข้อมูลถูกโจรกรรม

เธอหวังว่าการฟ้องร้องของกลุ่มผู้เสียหายจะมอบบทลงโทษให้คลินิกเจเนีย รวมไปถึงสนับสนุนให้คลินิกรักษาผู้มีบุตรยากให้พัฒนาระบบป้องกันข้อมูลของตนเองให้ดีขึ้น

วงการรักษาภาวะมีบุตรยากในออสเตรเลียนั้นกำลังเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด สืบเนื่องมาจากเหตุระบบป้องกันข้อมูลล้มเหลวที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปเสียใหม่


เมื่อต้นปีนี้ คลินิกไอวีเอฟของโมแนชรายงานว่าได้เกิดเหตุคนไข้ได้รับตัวอ่อนผิดคน ทำให้เธอคลอดบุตรที่มาจากการปฏิสนธิของคนไข้รายอื่น อันเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ของคลินิกพลาดสลับตัวอ่อน ส่งผลให้ประธานฝ่ายบริหารของคลินิกโมแนชต้องลาออกจากตำแหน่ง

แต่เหตุโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลที่มุ่งเป้าไปที่วงการสุขภาพและการรักษาผู้มีภาวะมีบุตรยากนั้นก็เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง

ทนายความด้านกฎหมายการเจริญพันธ์ุ ซาราห์ เจฟเฟิร์ด กล่าวว่าถึงเวลาที่วงการรักษาผู้มีภาวะมีบุตรยากนั้นต้องได้รับการควบคุม

“ฉันคิดว่าวงการรักษาผู้มีภาวะมีบุตรยากนั้นไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้คนสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่ออุตสาหกรรมนี้ตกที่นั่งลำบากอยู่หลายปี ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกลับมาทบทวนว่าเราจะกำกับคลินิกเจริญพันธุ์เหล่านี้เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้อย่างไร”

ซาราห์อธิบายว่าการทำเด็กหลอดแก้วนั้นมักกำหนดทิศทางกันเอง แต่ยังพัฒนาได้มากกว่านี้หากมีหน่วยงานของรัฐเข้ามาจัดระเบียบ

“เรามีกรอบกฎหมายในแต่ละรัฐที่ว่าด้วยการรักษาภาวะมีบุตรยาก และคลินิกส่วนใหญ่ก็ใช้แนวทางของสภาสุขภาพแห่งชาติและวิจัยทางการแพทย์ (National Health and Medical Research Council : NHMRC) นั่นแปลว่าคลินิกไม่ได้มีข้อกฎหมายที่กำกับแนวทางปฏิบัติของการรักษาภาวะมีบุตรยากอย่างชัดเจน”

คำถามต่อไปคือ กรอบกฎหมายที่บังคับใช้ควรมีหน้าตาแบบไหน

“ฉันคิดว่าออสเตรเลียควรจะมีกรรมาธิการที่ดูแลเรื่องการช่วยเหลือการมีบุตร ซึ่งสามารถกำกับวงการรักษาภาวะมีบุตรยากอย่างครอบคลุม รวมถึงการบริจาคอสุจิและการอุ้มบุญ หน้าที่ของกรรมธิการคือวางมาตรฐานสำหรับการรักษาภาวะมีบุตรยาก กำกับคลินิกดังกล่าว และออกใบอนุญาตให้มั่นใจว่าการรักษาภาวะมีบุตรยากในออสเตรเลียนั้นมีหลักรับผิดชอบ ในขณะเดียวกันก็ต้องเก็บประวัติของผู้บริจาคและผู้อุ้มบุญได้ว่าคนไข้สามารถเข้าถึงข้อมูลของการตั้งครรภ์และสืบผู้อุ้มบุญได้”

การยื่นดำเนินคดีของเหล่าผู้เสียหายจากคลินิกเจเนียอาจกระทบไปถึงพระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคลของออสเตรเลีย

เดวิด เวล อดีตผู้บริหารมูลนิธิข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวว่าออสเตรเลียยังไม่มีกระบวนการทางกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เคร่งครัดมากพอ

ชาวออสเตรเลียยังไม่สามารถดำเนินคดีเพื่อคุ้มครองสิทธิในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเองได้ภายใต้พระราชบัญญัตินี้ แต่กฎหมายดังกล่าวก็ได้มีการปฏิรูปโดยรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยเสนอให้ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องคดีละเมิดข้อมูลส่วนตัวได้

เดวิดยังกล่าวว่าการปฏิรูปครั้งนี้จะมอบอำนาจให้ผู้เสียหายมีสิทธิ์ฟ้องร้องหากข้อมูลส่วนบุคคลโดนละเมิด และจะเกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีโดยกลุ่มผู้เสียหายของคลินิกเจเนีย

เขาชี้ว่าสำนักงานกฎหมายจะรับมือกับคดีที่ฟ้องร้องโดยกลุ่มผู้เสียหายอย่างไรนั้นน่าจับตามองทีเดียว และให้ความเห็นว่าต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมทางกฎหมายด้วย

“ในช่องว่างทางกฎหมายที่เรียกว่าความเป็นธรรมนี้ไม่ได้มองว่าคุณละเมิดกฎหมายข้อไหน หรือคุณไปทำให้ใครเสื่อมเสียชื่อเสียง อย่างที่เราเข้าใจแนวคิดทางกฎหมายทั่วๆ ไป แต่ความเป็นธรรมที่ว่าจะมองถึงความสัมพันธ์ระหว่างคู่กรณีว่าจะตีความคดีโดยเฉพาะที่เหมาะกับรูปการณ์ของพวกเขาอย่างไร”

เดวิดกล่าวต่อว่าทั้งแพทย์และพยาบาลก็อาจมีพันธกรณีพิเศษต่อคนไข้ภายใต้การดูแล แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าการดำเนินคดีทั้งกลุ่มนั้นจะมีข้อหาอะไรบ้าง

“ทั้งสองฝั่งคงจะสู้คดีกันยิบตา คดีความแบบนี้ยังเอาผิดแน่นอนไม่ได้ แต่ในทางกลับกัน หากว่ากันตามตัวบทกฎหมายแล้ว ข้อมูลทางการแพทย์นั้นเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เปราะบางมากที่สุด และข้อมูลทางการเจริญพันธ์ุของผู้มีบุตรยากนั้นเปราะบางยิ่งกว่าอีก ดังนั้นรูปคดีก็อาจเข้าข่ายว่าสามารถตีความนอกตัวบทกฎหมายได้ ขึ้นอยู่กับความเป็นธรรมที่มาพร้อมกับพันธกรณีของคู่กรณี ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์คงจะตกที่นั่งลำบากแน่ เพราะพวกเขาก็มีข้อบังคับและหน้าที่รับผิดชอบที่เยอะมากอยู่แล้ว”

ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand
กลุ่มผู้เสียหายเล็งฟ้องคลินิกไอวีเอฟ (IVF) หลังเกิดเหตุข้อมูลคนไข้ถูกลักลอบนำไปเผยแพร่ออนไลน์ | SBS Thai