'คลอดลูกผิดคน' สลับตัวอ่อนในคลินิก เหตุสะเทือนวงการแพทย์ออสเตรเลีย

Foetus in utero ultrasound image

หตุผิดพลาดที่เกิดขึ้นในคลินิก IVF ปลุกกระแสเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายกำกับดูแล Source: AAP / DEAN LEWINS/AAPIMAGE

เกิดเหตุสลับตัวอ่อนในคลินิก Monash IVF ทำให้หญิงชาวออสเตรเลียคลอดบุตรของผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว คลินิกออกแถลงการณ์ขอโทษ พร้อมเร่งสอบสวนภายใน ขณะสังคมเรียกร้องให้มีการออกกฎหมายควบคุมการทำ IVF ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยในอนาคต


มันเป็นสถานการณ์ที่เปรียบเสมือนฝันร้าย เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งให้กำเนิดบุตรที่ไม่ใช่ของเธอเอง

คลินิกการเจริญพันธุ์ Monash IVF ยอมรับว่าผู้ใช้บริการรายหนึ่งได้รับตัวอ่อนที่ไม่ใช่ของตนเอง ส่งผลให้เธอตั้งครรภ์และคลอดบุตรของผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว

คลินิกได้ทราบถึงเหตุการณ์นี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2025 เมื่อผู้ใช้บริการซึ่งเป็นพ่อแม่โดยสายเลือดของเด็กคนดังกล่าวขอให้ย้ายตัวอ่อนที่เหลือไปยังผู้ให้บริการ IVF รายอื่น

ระหว่างที่คลินิกทำการนับจำนวนตัวอ่อน ก็ได้พบตัวอ่อนที่ไม่ตรงกับบันทึกของผู้ใช้บริการ

การสอบสวนในเวลาต่อมาพบว่าเกิดข้อผิดพลาดขณะทำการย้ายตัวอ่อน ซึ่งเกิดจากบุคลากรในคลินิก แม้คลินิกจะอ้างว่าปฏิบัติงานตาม “มาตรการด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการที่เข้มงวด” แล้วก็ตาม

ไมเคิล แนป ประธานฝ่ายบริหารของ Monash IVF ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

“ในนามของ Monash IVF ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเราทุกคนต่างรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง และเราต้องขออภัยต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เราจะยังคงทำงานให้แก่ผู้ใช้บริการ ในช่วงเวลาที่เจ็บปวดนี้ นับตั้งแต่เราทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เราได้ดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม และเรามั่นใจว่านี่เป็นเหตุการณ์เฉพาะราย เรากำลังเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยในคลินิกทั้งหมดของเรา และได้จัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนอิสระขึ้น พร้อมมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามข้อเสนอแนะทั้งหมดอย่างเต็มที่”
Scientist works during an IVF process
การผสมเทียมในห้องทดลอง ระหว่างกระบวนการ IVF Source: AP / AP Photo

โดย Monash IVF ระบุว่าได้มอบหมายให้ ฟิโอนา แมคลีออด ที่ปรึกษาอาวุโสจากสภาทนายความอิสระในออสเตรเลียดำเนินการสอบสวนในครั้งนี้

ด้านสมาคมการเจริญพันธุ์แห่งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (Fertility Society of Australia and New Zealand) ซึ่งทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานในการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ระบุว่าได้รับทราบเหตุการณ์นี้แล้ว
โดยในแถลงการณ์ของโฆษกสมาคมระบุว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นได้ยาก และคาดหวังให้มีการสอบสวนอย่างโปร่งใสจากทาง Monash IVF

“เหตุการณ์เช่นนี้ต้องมีการดำเนินการด้วยมาตรฐานความโปร่งใสสูงสุด ในการสอบสวนอย่างเข้มงวด พร้อมความมุ่งมั่นของภาคส่วนในการเรียนรู้และพัฒนา ขณะที่ยังคงต้องคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการด้วย ความเชื่อมั่นที่ผู้ใช้บริการมีต่อวิชาชีพของเราเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และเราจะต้องพิสูจน์ตนเองอยู่เสมอผ่านการบริหารจัดการที่โปร่งใส ความรับผิดชอบร่วมกัน และการลงมือปฏิบัติ เราขอให้เคารพความเป็นส่วนตัวของครอบครัวที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลานี้ ขณะที่พวกเขาต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนและเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง”

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของสมาคมฯ ระบุว่า ในปี 2021 มีทารกชาวออสเตรเลียกว่า 18,500 ราย ที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์

นายแพทย์หยิง หลี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์จาก Genea Sydney กล่าวว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นได้ยากมาก และเขาไม่เคยพบกรณีลักษณะเดียวกันนี้ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

“ในกระบวนการสร้างและใช้งานตัวอ่อนนั้น จะมีการตรวจสอบหลายขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างตัวอ่อน การติดป้ายชื่อ และการจัดเก็บ รวมถึงการตรวจสอบก่อนการใช้งานด้วย ทุกองค์กรต้องตรวจสอบระบบการระบุตัวตนของตนเองในทุกปี และยังต้องผ่านการตรวจสอบจากภายนอกประจำปี เพื่อรับรองคุณภาพในการให้บริการ IVF ในออสเตรเลีย”
A new study has found women have a better chance of having a baby after several rounds of IVF.
การตั้งครรภ์จากการทำ IVF Source: AAP
 นายแพทย์หลีระบุเพิ่มเติมว่า นอกจากผลกระทบทางการเงินและทางจิตใจต่อครอบครัวทั้งสองฝ่ายแล้ว เหตุการณ์นี้ยังอาจกลายเป็นประเด็นข้อพิพาททางกฎหมายที่ซับซ้อนเกี่ยวกับสิทธิความเป็นพ่อแม่และการปกครองบุตร

“ภายใต้กฎหมายออสเตรเลีย ความเป็นพ่อแม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม แต่เป็นมารดาที่ให้กำเนิด และผู้ปกครองผู้ให้กำเนิดถือเป็นผู้ปกครองตามกฎหมาย ดังนั้นใครก็ตามที่ให้กำเนิดเด็กก็จะถือเป็นมารดาหรือบิดาตามกฎหมาย ซึ่งสร้างความซับซ้อนทั้งด้านจริยธรรมและสังคมต่อครอบครัวและเด็กที่เกี่ยวข้อง”

ปัจจุบัน บริการ IVF อยู่ภายใต้การควบคุมของแต่ละมลรัฐและมณฑล แต่อุตสาหกรรมนี้ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐบาลสหพันธรัฐและแนวทางจริยธรรมของประเทศ

ตัวอย่างเช่น รัฐควีนส์แลนด์เคยใช้ระบบกำกับดูแลด้วยตนเองมาเป็นเวลานาน

กระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมา รัฐบาลรัฐควีนส์แลนด์ได้ดำเนินการสอบสวนผู้ให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ได้รับใบอนุญาต

และพบว่ามี “ปัญหาเชิงระบบที่มีนัยยะสำคัญ” ในการให้บริการ

ต่อมา รัฐบาลรัฐควีนส์แลนด์ได้เสนอและผ่านกฎหมายว่าด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เป็นฉบับแรกของรัฐ

ทั้งยังได้จัดตั้งทะเบียนข้อมูลการปฏิสนธิจากผู้บริจาค (Donor Conception Information Register) ซึ่งรวบรวมข้อมูลกระบวนการปฏิสนธิที่มีการคลอดบุตรในรัฐ

ศาสตราจารย์เอียน เฟรคเคิลตัน หนึ่งในผู้อำนวยการจากภาควิชาการศึกษา สุขภาพ และกฎหมายทางการแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นระบุว่า ยังไม่เคยมีคดีตัวอย่างในออสเตรเลียที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกรณีนี้
แม้จะเคยมีคดีความเกี่ยวกับการทำลายเซลล์สืบพันธุ์ และมีการฟ้องร้องสถานบริการบางแห่ง แต่ก็ไม่มีอะไรที่เทียบเคียงได้กับเหตุการณ์นี้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ชัดเจนว่าเป็นการละเมิดหน้าที่ หรืออีกนัยหนึ่งคือความประมาทเลินเล่อ ดังนั้น หากพ่อแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตัดสินใจยื่นฟ้อง คดีนี้จะสร้างบรรทัดฐานใหม่ทางกฎหมาย
ศาสตราจารย์เฟรคเคิลตันกล่าว
ศาสตราจารย์เฟรคเคิลตันยังเสนอว่า ควรมีกฎหมายของรัฐบาลระดับสหพันธรัฐในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมนี้ มากกว่าการปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลระดับรัฐและมณฑล

“เหตุผลที่มีกฎหมายแยกต่างหาก ซึ่งคล้ายคลึงกับกฎหมายครอบครัวของรัฐบาลกลาง เนื่องจากการผสมเทียมอยู่ภายใต้เขตอำนาจของมลรัฐหรือมณฑล กฎหมายในแต่ละพื้นที่นั้นมีรายละเอียดต่างกัน แต่ในกรณีนี้ รัฐควีนส์แลนด์และรัฐวิกตอเรียถือเป็นสองรัฐที่มีแนวปฏิบัติก้าวหน้าที่สุด”
 

ติดตามเอสบีเอส ไทย ได้อีกทาง เว็บไซต์ | เฟซบุ๊ก | อินสตาแกรม

ฟังพอดคาสต์ของเอสบีเอส ไทยผ่านแอปพลิเคชัน SBS Audio ดาวน์โหลดจาก Apple Store หรือจาก Google Play  

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand