พลังของเสียงเพลงต่อสุขภาวะของเยาวชน

kids playing music instruments-pexels-cottonbro studio.jpg

"ดนตรีหรือการเขียนเนื้อเพลงช่วยให้พวกเขาจัดการกับอารมณ์ มีพื้นที่ของตัวเอง มีเสียงของตัวเอง เข้าใจอารมณ์และแปรความเจ็บปวดให้เป็นความหมาย ดนตรีเป็นการบำบัดจิตใจสำหรับเรื่องเหล่านี้" บรูคใช้พลังของดนตรีผ่านช่วงเวลาวัยรุ่น Credit: Pexels/Cottonbro Studio

งานวิจัยระบุ ดนตรีมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาวะของเด็กและเยาวชน เพิ่มความมั่นใจ การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม สร้างอารมณ์ขันและความสามารถในการรับมือกับความเครียดได้ดี ผู้เชี่ยวชาญหวังรัฐบาลผลักดันเป็นทางเลือกในการเยียวยาและค้นหาตัวเองของเยาวชน


ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำในการร้องเพลงหรือเล่นเครื่องดนตรี การเรียนรู้ดนตรีมักเริ่มต้นตั้งแต่วัยเยาว์

ดร.เจสัน กูปี นักวิจัยและครูสอนดนตรี ผู้สั่งสมประสบการณ์ในโรงเรียนประถมและมัธยมในออสเตรเลียมากว่า 15 ปี กล่าวว่า

"มีคำพูดที่โด่งดังจากนักชาติพันธุ์ดนตรีวิทยาและนักการศึกษาดนตรีชาวฮังการี โซลตัน โคได เขากล่าวไว้ว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มเรียนรู้ดนตรีคือ 'เก้าเดือนก่อนแม่คลอด' ดังนั้นจึงไม่มีคำว่าสายเกินไปในการเริ่มเรียนรู้ เพียงแต่ต้องเหมาะสมกับวัยและพัฒนาการ"
ดร.กูปีพยายามเชื่อมโยงบทบาทของการเรียนรู้ดนตรีกับสุขภาวะของเยาวชน

ตั้งแต่วัย 5 ถึง 25 ปี เพื่อทดสอบว่าการมีส่วนร่วมกับดนตรีส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ การสร้างความสัมพันธ์ และสุขภาพจิตในทางบวกได้อย่างไร

เขายังได้ช่วยคัดเลือกแหล่งข้อมูล เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการวิจัย 423 ชิ้น เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปที่ชัดเจนของเรื่องนี้
และประเทศที่มีการวิจัยด้านนี้มากที่สุดคือออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร

"ที่น่าสนใจคือ นี่เป็นสาขาวิชาที่เพิ่งเริ่มต้น การศึกษาที่เราทำเป็นการทบทวนวรรณกรรมในระดับนานาชาติ แต่ส่วนใหญ่งานวิจัยยังคงกระจุกอยู่ในออสเตรเลียกับอังกฤษ ซึ่งในระดับนานาชาติและวงวิชาการควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่านี้"

จากบทวิเคราะห์ของดร.กูปี ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการศึกษาวิจัยเรื่องการศึกษาดนตรี (Research Studies in Music Education)

ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าประโยชน์ของดนตรีไม่ได้จำกัดอยู่แค่การฝึกฝนเป็นนักดนตรีอาชีพเท่านั้น

"แรงจูงใจของงานวิจัยนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างนักดนตรีอาชีพ แต่คือการถามว่า เราจะเป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด ผ่านการเรียนดนตรีได้อย่างไร ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดคือ ความมั่นใจในการเข้าสังคม การสร้างความสัมพันธ์ สุขภาวะทางอารมณ์ การพัฒนาอัตลักษณ์ ไปจนถึงความสำเร็จทางการศึกษา และสิ่งเหล่านี้สามารถถ่ายทอดไปยังด้านอื่นๆ ของชีวิตได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเปราะบาง"
Music workshops were also available for kids. (Chiara Pazzano, SBS)
การเรียนรู้ด้านดนตรีสามารถเริ่มได้ตั้งแต่เด็กยังอยู่ในครรภ์ Credit: SBS/Chiara Pazzano
ผลการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า โครงการดนตรีที่ได้ผลในการส่งเสริมสุขภาวะมักจะเป็นโครงการที่ออกแบบเฉพาะกลุ่ม เช่น เยาวชนชาวพื้นเมือง คนพิการ หรือเยาวชนผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ

"เราใช้บริบทที่หลากหลายมาก ทั้งกลุ่มที่หลุดออกจากระบบโรงเรียน เยาวชนที่มีปัญหาสุขภาพจิต รวมถึงกลุ่มที่ถูกจองจำอยู่ในระบบยุติธรรมเยาวชน เราต้องการขยายพื้นที่การศึกษาด้านนี้ออกไปนอกโรงเรียน เพราะดนตรีส่งอิทธิพลอย่างมากในชุมชน ดนตรีไม่ใช่แค่การฟัง แต่คือการกระทำกิจกรรมร่วมกัน ดนตรีเป็นการสร้างสังคม และสิ่งนี้ส่งผลในระดับบุคคลและชุมชนอย่างลึกซึ้ง"

ดอม บรูค เป็นหนึ่งในคนที่รู้ซึ้งถึงพลังของดนตรีที่เปลี่ยนชีวิตวัยเด็กของเขา
สำหรับวัยรุ่นที่ยังไม่ค้นพบตัวเอง ดนตรีหรือการเขียนเนื้อเพลงช่วยให้พวกเขาจัดการกับอารมณ์ มีพื้นที่ของตัวเอง มีเสียงของตัวเอง เข้าใจอารมณ์และแปรความเจ็บปวดให้เป็นความหมาย ดนตรีเป็นการบำบัดจิตใจสำหรับเรื่องเหล่านี้
บรูคกล่าว
Music, Guitar
เด็กวัยรุ่นกำลังเล่นกีตาร์ Credit: Pexels
เมื่อบรูคอายุ 17 ปี การเล่นกีตาร์มือสองช่วยให้เขาผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากในชีวิตมาได้

"ผมโตมาแบบไม่มีพ่อ มีชีวิตค่อนข้างลำบาก เพื่อนบ้านให้กีตาร์เก่าของเขากับผม และนั่นแหละเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมหาเสียงของตัวเองผ่านดนตรีได้ แม้ไม่เคยเรียนดนตรีในโรงเรียนเลย ผมใช้เงินตัวเองไปเข้าค่ายเขียนเพลง และกลับมาพร้อมกับแรงบันดาลใจที่อยากเปลี่ยนชีวิตคนอื่นผ่านดนตรี"

20 กว่าปีก่อน บรูคก่อตั้งโครงการ Musicians Making a Difference หรือ MMAD

เพื่อให้คำปรึกษาและให้โอกาสแก่เยาวชนในรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐควีนส์แลนด์ รวมถึงยังมีคอร์สออนไลน์ให้บริการทั่วประเทศอีกด้วย

"เราเจอกับเยาวชนจากสถานพินิจ เด็กไร้บ้าน ไปจนถึงเด็กที่มีปัญหาในครอบครัวธรรมดาๆ MMAD เป็นเหมือนครอบครัว ไม่มีการตัดสิน ไม่มีอคติ เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่พวกเขาจะค้นพบตัวตนของตัวเอง และจากตรงนั้น เขาจะกลับมาเชื่อในตัวเองและสร้างชีวิตที่พิเศษได้ เราใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือ เพราะมันเป็นเครื่องมือทรงพลังในการทำลายกำแพงระหว่างเราและพวกเขา"
The artist known as D Minor (Supplied).jpeg
แดเนียล ฮาร์วีย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ D Minor Source: Supplied
แดเนียล ฮาร์วีย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ D Minor หนึ่งในศิษย์เก่าของ MMAD เขาเริ่มเขียนเนื้อแร็ปตั้งแต่อายุ 14 ปี ตอนที่นักจิตบำบัดสำหรับเยาวชนแนะนำให้เข้าร่วมโครงการ

"ตอนนั้นผมผ่านอะไรมาเยอะมาก ผ่านการต้องอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ระบบของรัฐ ไม่มีที่ให้รู้สึกเป็นของตัวเอง แต่พอเจอ MMAD ผมรู้สึกว่าผมเป็นส่วนหนึ่งของอะไรบางอย่าง รู้สึกว่าผมมีคุณค่า และได้ใช้ดนตรีเยียวยาความเจ็บปวดของตัวเอง"

ฮาร์วีย์ยังเล่าถึงประสบการณ์ไร้บ้านตั้งแต่อายุ 11 ปี ผ่านบทเพลง Concrete Pillow ซึ่งเขานำไปแสดงในรายการ Australia's Got Talent เมื่อปี 2019

วันนี้ ฮาร์วีย์ยังคงเดินหน้าสร้างงานดนตรี และใช้การเล่าเรื่องเป็นวิธีบำบัดตัวเอง

"ถ้าใครสักคนฟังเพลงผม แล้วรู้สึกว่าเขาก็ผ่านมันไปได้เหมือนกัน งั้นผมก็ควรเล่าเรื่องนี้ มันเกินกว่าที่ผมเคยฝันไว้ เส้นทางนี้มันเหลือเชื่อจริงๆ"
ดร.เจสัน กูปี เชื่อว่า ประสบการณ์กับดนตรีตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นชีวิตมีพลังมาก และควรค่าแก่การสนับสนุนอย่างเต็มที่

"รัฐบาลควรทำงานเพื่อให้แน่ใจว่า เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาดนตรีและศิลปะ ไม่ว่าจะอยู่รหัสไปรษณีย์ไหน หรือเกิดในครอบครัวแบบใดก็ตาม
เพราะนี่คือส่วนสำคัญของระบบการศึกษาที่เป็นธรรมและเท่าเทียม ดนตรีต้องเป็นส่วนหนึ่งในนั้น โดยไม่มีข้อยกเว้น"

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand
พลังของเสียงเพลงต่อสุขภาวะของเยาวชน | SBS Thai