“จากทะเลเขตร้อนในประเทศไทย สู่ผืนน้ำแข็งขั้วโลกใต้”
พิมพ์นารา เรียงจันทร์ นักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแทสเมเนีย ที่ได้รับทุนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์จากไทย ร่วมเป็นหนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมภารกิจบนเรือตัดน้ำแข็ง RSV Nuyina ของออสเตรเลีย เพื่อเก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์บริเวณธารน้ำแข็ง Denman Glacier ในทวีปแอนตาร์กติก ภายใต้โครงการ Australian Antarctic Program Partnership (AAPP)
โดยเป็นเรือตัดน้ำแข็งลำแรกของออสเตรเลียด้วย
เรือตัดน้ำแข็ง RSV Nuyina Credit: Pete Harmsen/Australian Antarctic Program Partnership
เธอคือคนไทยเพียงไม่กี่คนที่ได้ร่วมภารกิจทางวิทยาศาสตร์ขั้วโลกใต้ ซึ่งต้องใช้ทั้งความรู้ ความกล้า และความพร้อมทางร่างกายและจิตใจอย่างสูง
ชีวิตสองเดือนบนเรือตัดน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้
พิมพ์นาราใช้ชีวิตอยู่บนเรือตลอด 60 วัน ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบและคลื่นลมแรงกลางมหาสมุทรเซาท์ โอเชียน

พิมพ์นาราเล่าว่า การเดินทางจากแทสเมเนียโดยเรือไปยังขั้วโลกใต้ ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ Credit: Pimnara Riengchan
เธอบอกว่าชีวิตบนเรือเต็มไปด้วยวินัยและความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์จากหลากหลายประเทศ ทั้งการทำแลบ การเก็บตัวอย่าง และกิจกรรมสันทนาการที่ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้า
การค้นพบชีวิตเล็กจิ๋วใต้ผืนน้ำแข็ง เปิดมุมมองโลกวิทยาศาสตร์
พิมพ์นาราเล่าถึงภารกิจครั้งนี้ ซึ่งทีมวิจัยสามารถใช้ระบบ Wet Well ใต้ท้องเรือเก็บตัวอย่างโดยไม่ทำให้สิ่งมีชีวิตบอบช้ำ นำไปสู่การค้นพบสำคัญ
พิมพ์นาราได้ค้นพบ “ผีเสื้อทะเล” (pteropods) หอยทะเลตัวเล็กที่มีปีกคล้ายผีเสื้อ เนื่องจากเปลือกบางมาก
ผีเสื้อทะเลถูกใช้เป็นตัวชี้วัดภาว ทะเลกรด (ocean acidification) ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นครั้งแรกที่ผีเสื้อทะเลที่พิมพ์นาราพบมีไข่และฟักเป็นตัวอ่อน

Clio pyramidata หรือผีเสื้อทะเล ตัวบ่งชี้สำคัญของผลกระทบจากภาวะโลกร้อนต่อทะเลขั้วโลก Credit: Pete Harmsen/Australian Antarctic Program Partnership
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราเห็นผีเสื้อทะเลวางไข่ในตู้ทดลองบนเรือ มันตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยมีใครเห็นไข่และตัวอ่อนของมันมาก่อนเลยค่ะพิมพ์นารากล่าว
“สัตว์ชนิดนี้เปราะบางมากค่ะ เปลือกของมันบางจนไวต่อภาวะทะเลกรดจากโลกร้อน เราเลยใช้มันเป็นตัวบ่งชี้ความเปลี่ยนแปลงของทะเลทั่วโลกได้ดีมาก”
การค้นพบครั้งนี้ได้เปิดมุมมองใหม่ให้วงการวิทยาศาสตร์ทางทะเลเกี่ยวกับการปรับตัวและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในสภาวะแวดล้อมแบบสุดขั้ว
หญิงไทยในโลกวิทยาศาสตร์ขั้วโลก
ในฐานะนักศึกษาต่างชาติและนักวิทยาศาสตร์หญิง พิมพ์นารามองว่าการได้ร่วมภารกิจครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของตัวเองและของนักวิทยาศาสตร์หญิงไทยในต่างแดน
"โอกาสของเด็กไทยที่จะได้ลงเรือตัดน้ำแข็งถือว่าหายากมากค่ะ เพราะเรายังไม่มีเรือแบบนี้ในประเทศ มันเลยเป็นโอกาสที่มีค่าจริง ๆ สำหรับหนู"
เธอยังเล่าด้วยว่าในทีมมีนักศึกษาจากหลายประเทศ ทั้งยุโรป จีน และญี่ปุ่น ซึ่งทุกคนได้เรียนรู้จากกันและกันทั้งในแง่วิชาการและการทำงานร่วมกันในสภาพแวดล้อมสุดขั้ว
แรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ในโลกวิทยาศาสตร์
พิมพ์นารากล่าวว่าแรงบันดาลใจของเธอคืออาจารย์ทุกท่านที่เคยสอนเธอ รวมถึงดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์ที่ปลูกฝังให้เธอมองเห็นคุณค่าของท้องทะเลและการสื่อสารความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมให้คนทั่วไปเข้าใจและหันมาร่วมกันอนุรักษ์
พิมพ์นารากล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า อยากให้เรื่องราวของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยากทำงานในสายวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม

พิมพ์นาราขณะเก็บแพลงตอนจาก wet well Credit: Pimnara Riengchan
จากนักศึกษาทะเลเขตร้อนในไทย สู่ผู้ค้นหาคำตอบใต้ผืนน้ำแข็งในขั้วโลกใต้
เรื่องราวของพิมพ์นารา เรียงจันทร์ คือภาพสะท้อนของพลังความมุ่งมั่น และความหวังของนักวิทยาศาสตร์หญิงไทยรุ่นใหม่ที่อยากเข้าใจโลก ก่อนที่มันจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้







