The Big Brief : “Net Zero” คืออะไรและทำไมพรรคเนชันแนลส์จึงถอนตัวจากนโยบายนี้

ALC THAI THE BIG BRIEF - BSP HEADER (4).jpg

ออสเตรเลียมีนโยบาย “Net Zero” หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 Credit: Abby Anaday/unsplash

ทำความเข้าใจกับนโยบาย Net Zero ทำไมนโยบายนี้ถึงสำคัญกับอนาคตของออสเตรเลีย และผลกระทบด้านการเมืองว่าทำไมพรรคเนชันแนลส์ถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว


ปี 2050 ถูกวางให้เป็นหมุดหมายสำคัญของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นปีที่พลังงานจากฟาร์มกังหันลมจะเข้ามาแทนที่พลังงานจากเหมืองถ่านหิน และประเทศออสเตรเลียจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์อย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พรรคเนชันแนลส์ได้ประกาศยุติการสนับสนุนแผนดังกล่าว หลังจากมีมติเป็นเอกฉันท์ในที่ประชุมพรรค

การตัดสินใจครั้งนี้หมายความว่าพรรคจะถอนคำมั่นเดิมที่เคยให้ไว้ในการบรรลุเป้าหมาย “การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050” (Net Zero) ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลออสเตรเลียทุกยุคทุกสมัยให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ไม่ว่าฝ่ายการเมืองใด

ภายหลังการประชุม เดวิด ลิตเทิลพราวด์ หัวหน้าพรรคเนชันแนลส์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า

“เมื่อออสเตรเลียมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียงร้อยละหนึ่งของทั้งโลก มันคงยากที่เราจะช่วยลดการปล่อยก๊าซในระดับโลกได้มากกว่านี้”

นโยบาย Net Zero ยังเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดความเห็นต่างภายในพรรคเสรีนิยม (Liberal Party) เช่นกัน โดยเฉพาะหลังจากพรรคพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งรัฐบาลกลางเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
แดน เทฮาน โฆษกพรรคฝ่ายค้านด้านพลังงาน ระบุว่า พรรคเสรีนิยม น่าจะใช้เวลาประมาณ 6–9 เดือนหลังการเลือกตั้งรัฐบาลกลาง ในการตัดสินใจจุดยืนของพรรคต่อประเด็นนี้ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม

แล้ว“Net Zero” คืออะไร และเหตุใดจึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในทางการเมืองของออสเตรเลีย

Net Zero คืออะไร?

คำว่า “Net Zero” เป็นแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่ค่อนข้างใหม่ ซึ่งเริ่มปรากฏในงานวิจัยต่าง ๆ ช่วงทศวรรษ 2000 โดยมีสาระสำคัญคือ “มนุษย์จะต้องไม่เพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศอีกต่อไป” เพื่อชะลอภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

รองศาสตราจารย์รูธ มอร์แกน ผู้อำนวยการศูนย์ประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (ANU) อธิบายกับ เอสบีเอส นิวส์ว่า

“แนวคิดเบื้องหลัง Net Zero คือ ประเทศต่าง ๆ ควรทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่พวกเขาปล่อยออกมานั้น จะถูกชดเชยหรือหักล้างด้วยปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่สามารถดูดซับกลับเข้าสู่สิ่งแวดล้อมได้”

“เพื่อให้เกิดสมดุล ซึ่งในที่สุดหมายความว่าเราจะไม่เพิ่มก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศอีกต่อไป”

แนวคิดนี้ต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองและการทูตด้านสภาพภูมิอากาศ โดยถูกเสนอให้เป็นแนวทางแก้ไขภาวะโลกร้อน และได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของ ข้อตกลงปารีสปี 2015 (Paris Agreement) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
ข้อตกลงปารีสมีเป้าหมายเพื่อจำกัดภาวะโลกร้อนให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส และเป้าหมายในอุดมคติคือการจำกัดภาวะโลกร้อนไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2050 โดยมีแนวคิดเรื่อง “Net Zero” เป็นองค์ประกอบสำคัญของเป้าหมายนี้

รองศาสตราจารย์รูธ มอร์แกน (Ruth Morgan) กล่าวอธิบายว่า

“แนวคิดของข้อตกลงนี้คือ การที่ประเทศต่าง ๆ จะร่วมมือกันเพื่อไม่ให้ระบบเศรษฐกิจดำเนินไปในรูปแบบเดิมเหมือนที่ผ่านมา” เธอกล่าวต่อว่า

“การบรรลุเป้าหมาย Net Zero ถือเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ เพราะแต่ละประเทศมี ‘เป้าหมายระดับชาติ’ ภายใต้ข้อตกลงปารีสที่พยายามจะทำให้สำเร็จ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามไม่ให้มีการเพิ่มก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้นเรื่อย ๆ”

จากข้อมูลจากโครงการ Climate Action Tracker ซึ่งเป็นโครงการวิจัยอิสระที่ติดตามและประเมินการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ระบุว่า ณ เดือนตุลาคม 2025 มี 145 ประเทศทั่วโลกที่ได้ประกาศ หรืออยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดเป้าหมาย Net Zero

ในออสเตรเลีย “Net Zero” หมายถึงอะไร

รัฐบาลออสเตรเลียได้ให้คำมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมาย การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 และตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซระยะกลางลง 62–70% ภายในปี 2035 เมื่อเทียบกับระดับการปล่อยในปี 2005

หนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือการทำให้ ร้อยละ 82 ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2030 ซึ่งถือเป็นหัวใจของความพยายามในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการไปถึงตัวเลขเหล่านี้เป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก ทั้งในด้านเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และแรงต้านทางการเมืองภายในประเทศ

ดร.ฟาเตเมห์ ซาเลฮี (ประธานเครือข่ายวิชาการขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Academic Impact Hub) จากมหาวิทยาลัยแมคควอรี (Macquarie University) กล่าวว่า

“เศรษฐกิจของออสเตรเลียผูกพันกับเชื้อเพลิงฟอสซิลมานานหลายทศวรรษ ปัจจุบันถ่านหินและก๊าซยังคงคิดเป็นประมาณร้อยละ 65 ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ”

เธอกล่าวต่อว่า

“เป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นถือว่าท้าทายแต่สามารถทำได้ หากนโยบาย โครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาทักษะแรงงานดำเนินไปพร้อมกัน”

“การบรรลุเป้าหมายเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยแนวทางแบบองค์รวม ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและแนวทางลดการปล่อยมลพิษจากแหล่งพลังงานที่หลากหลายเข้าด้วยกัน”

ขณะที่รองศาสตราจารย์รูธ มอร์แกน กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้ออสเตรเลียเข้าใกล้เป้าหมาย Net Zero มากขึ้นคือการลดการถางป่าและการทำลายพื้นที่พืชพรรณธรรมชาติ

“ในอดีต การถางป่าเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดังนั้น หากเราสามารถชะลอการตัดไม้ทำลายป่าและจำกัดการเคลียร์พื้นที่ป่าได้ ก็จะช่วยลดผลกระทบได้เช่นกัน”

ทำไมพรรคเนชั่นแนลส์จึงถอนตัวจากแผน Net Zero

นับตั้งแต่พันธมิตรพรรคฝ่ายร่วมค้าน (Coalition) พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งรัฐบาลกลางครั้งประวัติศาสตร์ กลุ่มต่าง ๆ ภายในพรรคได้ออกมาแสดงความเห็นวิพากษ์ต่อแผน Net Zero อย่างต่อเนื่อง

แต่การประกาศของพรรคเนชันแนลส์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่แสดงการถอนตัวจากเป้าหมายดังกล่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก

การตัดสินใจนี้คาดว่าจะสร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกพรรคเสรีนิยมสายกลางบางส่วน ที่ต้องการให้พรรคยังคงยึดมั่นในเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050

อย่างไรก็ตาม เดวิด ลิตเทิลพราวด์ หัวหน้าพรรคเนชันแนลส์ แย้งว่าการถอนตัวจากนโยบาย Net Zero ไม่ได้หมายความว่าพรรคปฏิเสธปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

“สิ่งที่เรากำลังพูดคือ ยังมีแนวทางที่ดีกว่า ถูกกว่า และยุติธรรมกว่าที่จะจัดการกับปัญหานี้ได้” เขากล่าว

พรรคเนชันแนลส์ ซึ่งมีฐานเสียงหลักอยู่ในพื้นที่ภูมิภาค ระบุว่า ออสเตรเลียได้ทำเกินในส่วนของตนแล้วในการลดมลพิษคาร์บอน และเสนอว่าเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซควรถูกกำหนดตาม “ค่าเฉลี่ยของประเทศสมาชิก OECD ที่มีสภาพเศรษฐกิจใกล้เคียงกัน”

นาย ลิตเทิลพราวด์ยังกล่าวอีกว่า การถอนตัวจากเป้าหมาย Net Zero จะเป็นผลดีต่อประชาชนทุกกลุ่ม เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในครัวเรือน

อย่างไรก็ตาม รองศาสตราจารย์รูธ มอร์แกน เตือนว่า การละทิ้งเป้าหมาย Net Zero จะไม่เป็นผลดีต่อชุมชนในระยะยาว

รองศาสตราจารย์รูธ มอร์แกน แสดงความเห็นต่อการตัดสินใจของพรรคเนชันแนลส์ว่า

“เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก เพราะพรรคเนชันแนลส์ควรจะเป็นพรรคที่เป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ภูมิภาคของออสเตรเลีย แต่เรากลับเห็นอยู่บ่อยครั้งว่าพรรคกำลังแทนผลประโยชน์ของกลุ่มอุตสาหกรรมเหมืองแร่รายใหญ่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเดียวกันเลย”

เธอกล่าวต่อว่า

“ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่ง เพราะขณะนี้เรากำลังเห็นโอกาสและเงินลงทุนจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้าสู่ชุมชนภูมิภาค ซึ่งต้องการให้พลังงานหมุนเวียนเกิดขึ้นจริง”

“แต่สิ่งที่เราเห็นคือการขัดขวางและการชะลอความเปลี่ยนแปลง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อประชาชนในพื้นที่ ที่เป็นฐานเสียงของพรรคเนชันแนลส์เอง”

ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand