เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโทนี อัลบานีซี เดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา ซึ่งระหว่างการเยือนมีข่าวใหญ่เกี่ยวกับการลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสองประเทศในด้าน แร่ธาตุสำคัญ (Critical Minerals)
ข้อตกลงฉบับนี้สร้างแรงกระเพื่อมทันทีในตลาดหุ้นออสเตรเลีย โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับอย่างคึกคัก หลังรัฐบาลทั้งสองประกาศแผนการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อ ลดการพึ่งพาจีนและถ่วงดุลอิทธิพลของจีน ซึ่งครองความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแร่หายาก (Rare Earths) มายาวนาน
อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของออสเตรเลียคึกคักขึ้นอีกครั้ง หลังจากลงนามข้อตกลงล่าสุด เพื่อจัดหาวัตถุดิบแร่ธาตุสำคัญ (critical minerals) ให้แก่สหรัฐฯ
โดยที่ นายกรัฐมนตรี อัลบานีซี ของออสเตรเลีย กล่าววว่า : “นี่คือแผนการลงทุนมูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ ที่เราพร้อมจะเดินหน้า และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น” ส่วนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ตอบรับว่า “ใช่ครับ เรากำลังลงมือจริงจังกับเรื่องแร่หายาก”
ข้อตกลงฉบับนี้เกิดขึ้นระหว่างการประชุมที่รอคอยมานาน ระหว่างนายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบานีซี ของออสเตรเลีย และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีทรัมป์มองว่าออสเตรเลียเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เมื่อเปรียบเทียบกับจีนซึ่งเป็นคู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐฯ และครองการส่งออกแร่หายากของโลกมานาน
ออสเตรเลียมีแหล่งแร่ธาตุสำคัญ (critical minerals) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยส่วนใหญ่ถูกส่งออกไปแปรรูปในประเทศจีน ซึ่งควบคุมห่วงโซ่อุปทานของโลกในภาคส่วนนี้กว่า 90%
ด้าน ทาเนีย คอนสตาเบิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสภาเหมืองแร่ออสเตรเลีย กล่าวว่าข้อตกลงนี้คือ “ชัยชนะ” ของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของประเทศ
“สิ่งสำคัญคือ ไม่ควรให้ประเทศใดประเทศหนึ่งผูกขาดแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการใช้ในชีวิตประจำวันทั้งหมด ดังนั้น การประกาศข้อตกลงลักษณะนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการตอบสนองความต้องการของหลายประเทศ และออสเตรเลียก็เป็นศูนย์กลางของเรื่องนี้”
แร่ธาตุสำคัญ หรือ (Critical minerals) ถูกนำมาผลิตข้าวของเครื่องใช้หลายอย่าง ตั้งแต่สมาร์ตโฟน รถยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ ไปจนถึงอาวุธ
และภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ จะมีการร่วมลงทุนร่วมมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงหกเดือนข้างหน้า เพื่อเปิดทางให้เกิดโครงการต่าง ๆ ตามแผนการลงทุนที่วางไว้
“ภายในเวลาประมาณหนึ่งปีหลังจากนี้ เราจะมีแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากมากมายจนไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน มันอาจมีมูลค่าแค่ประมาณ 2 ดอลลาร์เท่านั้น”
ข่าวการลงวนามความร่วมมือดังกล่าว ทำให้หุ้นของบริษัทแร่หายากพุ่งขึ้นในการซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย
อ่านเพิ่มเติม

งานเหมือง: โอกาสพลิกชีวิต
เช่น หุ้นของ บริษัท Alcoa กำลังพัฒนาโรงงานถลุงแร่แกลเลียมในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ขณะที่บริษัท Arafura Rare Earths ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจีน่า ไรน์ฮาร์ต ใกล้เมืองแอลิซสปริงส์ ก็กำลังทำเหมืองแร่ที่มีความสำคัญต่อโครงการด้านการป้องกันประเทศ
อย่างไรก็ตาม ซูซาน ลี ผู้นำฝ่ายค้านระบุว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังคิดว่าไม่ถึงเวลาที่จะดีใจล่วงหน้า
“นี่เป็นข้อตกลงในระดับนโยบาย ซึ่งเราจะต้องพิจารณารายละเอียดต่อไป แต่สิ่งที่เรารู้แน่คือ หากคุณเป็นบริษัททรัพยากรในประเทศนี้ หรือเป็นธุรกิจที่ต้องพึ่งพาพลังงาน การทำเหมืองหรือขุดแร่ใด ๆ ต้องอาศัยพลังงานที่มีราคาถูกและเชื่อถือได้”
ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลพรรคแรงงานได้ประกาศจัดตั้ง “กองทุนสำรองแร่ธาตุสำคัญ” (Critical Minerals Reserve) และได้หารือกับภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่เพื่อกำหนด “ราคาขั้นต่ำ” เพื่อให้บริษัทต่าง ๆ ไม่ขาดทุน หากกันสินค้าส่วนหนึ่งไว้ส่งออกให้สหรัฐฯ แทนที่จะขายให้คู่ค้าหลักอย่างจีนตามปกติ
นางทาเนีย คอนสตาเบิล จากสภาเหมืองแร่ออสเตรเลีย กล่าวว่า ข้อตกลงนี้เป็นโอกาสในการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรหลักของออสเตรเลีย พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
“ออสเตรเลียมีความเชี่ยวชาญอย่างยิ่งในการทำเหมืองแร่ แต่เรายังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน และไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองทั้งหมด ขณะที่สหรัฐฯ มีความสามารถสูงด้านการผลิต ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน เพื่อให้แน่ใจว่าห่วงโซ่อุปทานมีความมั่นคง และทุกประเทศสามารถเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญได้ตามความต้องการ”
ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram







