เป้าหมายของปีเตอร์ ดรูส์ คือเขาต้องการท้าทายว่าใครกันแน่ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนออสเตรเลีย
ปัจจุบันกระแสต่อต้านผู้อพยพกลับมาให้เห็นอีกครั้ง การชุมนุมประท้วงผู้อพยพใหม่ยังคงมีให้เห็นทั่วประเทศ งานของปีเตอร์จึงกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง
ปีเตอร์กล่าวว่าเราต้องเปิดบทสนทนาใหม่ พร้อมเปิดตัวใบหน้าบนโปสเตอร์ของเขาเพิ่มอีกหกคน
“ผมอยากฝากข้อความไปถึงทุกคนที่หวาดกลัวคนที่หน้าตาไม่เหมือนพวกคุณ ว่าความแตกต่างนั่นแหละที่เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์” ปีเตอร์กล่าว “และผมก็หวังว่างานศิลปะของผมจะช่วยให้คนที่เพิ่งอพยพมาออสเตรเลียรู้สึกว่าพวกเขาได้รับการต้อนรับ และพวกเขาก็มีสิทธิ์จะอาศัยอยู่นี่เหมือนกับผม”

แม้ปีเตอร์จะรู้ว่าหลายคนก็ไม่ชอบผลงานของเขา แต่เขาก็หวังว่างานศิลป์จะช่วยให้ผู้คนมองประเด็นผู้อพยพในมุมมองที่ต่างออกไป Source: SBS
ความขัดแย้งครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์
ตั้งแต่ปี 2016 ปีเตอร์ได้ติดโปสเตอร์ของเขากว่าหลายพันชิ้นในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ เขาใช้ใบหน้าที่เป็นภาพถ่ายประวัติศาสตร์เมื่อศตวรรษก่อน ว่าผู้คนเหล่านี้เคยทำเรื่องขออนุญาตอาศัยในออสเตรเลียเนื่องจากพวกเขาไม่ใช่ชาวยุโรป
ตั้งแต่ปี 1901 จนถึงทศวรรษที่ 1970 ออสเตรเลียมีนโยบายที่เรียกว่า “White Australia Policy” หรือนโยบายคนขาวออสเตรเลีย ซึ่งเป็นกฎหมายที่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่ใช่ชาวยุโรปอพยพมายังออสเตรเลีย
ปีเตอร์อธิบายว่านโยบายดังกล่าวบังคับให้คนเชื้อชาติอื่นๆ ที่อาศัยหรือเดินทางมาออสเตรเลียในขณะนั้นต้องสมัครสถานะพิเศษเพื่ออาศัยในออสเตรเลีย เช่น ต้องผ่านการทดสอบเขียนคำศัพท์ภาษายุโรปตามคำบอกของเจ้าหน้าที่ มีใบรับรองความประพฤติ และรายงานทักษะที่จะเป็นประโยชน์ต่อออสเตรเลีย
เขาชี้ว่านโยบายเหยียดเชื้อชาตินั้นกลับรวบรวมข้อมูลของชนชาติหลากหลายที่อยู่ในออสเตรเลียในขณะนั้น
“ช่างเป็นความย้อนแย้งครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์” ปีเตอร์กล่าว
เขาเปิดใจว่าผลงานของเขาคงจะมีทั้งคนรักและคนเกลียดพอๆ กัน แต่เขาไม่นึกเลยว่าสิบปีผ่านไป เขาต้องนำงานชิ้นนี้มาปัดฝุ่นอีกครั้ง
ชาตินิยมในความหมายของใคร
ในเดือนสิงหาคม ผู้คนหลายพันคนเข้าร่วมการชุมนุมทั่วประเทศเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดรับผู้อพยพจำนวนมาก บางแห่งเฉพาะเจาะจงไปที่ชุมชนชาวอินเดียโดยเฉพาะ และยังชูนโยบายทวงออสเตรเลียกลับคืนมา
ประชาชนที่ออกไปประท้วงผู้อพยพนั้นอ้างว่าพวกเขาทำไปเพื่อออสเตรเลีย แต่ในสายตาของปีเตอร์ ดรูส์ เขามองว่าคนเหล่านี้เข้าใจทุกอย่างผิดไปหมด
“คนพวกนี้คิดว่าตัวเองรักชาติกว่าใคร ในขณะที่ผมคิดว่าผมต่างหากที่รักประเทศนี้ และผมคิดว่าผู้อพยพที่ย้ายมาที่นี่เขาก็รักออสเตรเลียด้วยกันทั้งนั้น”
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการอพยพในนครแอดิเลดทำลายโปสเตอร์ของปีเตอร์ เขากล่าวว่าเหตุการณ์นั้นทำให้เขานำงานชิ้นนี้มาแสดงอีกครั้ง
ปีเตอร์ให้ความเห็นว่าผู้ประท้วงควรพิจารณาตัวเองและกลับมาถามตัวเองว่า “นี่เราเป็นคนออสซีแน่เหรอ พฤติกรรมแบบนี้มันแข็งกร้าว หรือว่ามันอ่อนแอกันแน่”

โปสเตอร์ของปีเตอร์ ดรูส์ ที่ทำขึ้นใหม่เพื่อทดแทนชิ้นงานที่ถูกกลุ่มผู้ประท้วงทำลายในการชุมนุมที่แอดิเลด Source: SBS
ความหมายที่จับใจใครหลายคน
ปีเตอร์ติดต่อและนำเสนองานศิลปะของเขาให้รัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ เมื่อเดือนที่แล้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กูรเมศ สิงห์ กล่าวกับที่ประชุมว่าเขาได้พูดคุยกับปีเตอร์หลังจากได้เห็นผลงานของเขา
กูรเมศจึงเข้าไปค้นหาข้อมูลในหอจดหมายเหตุและเจอบรรพบุรุษชาวอินเดียของตนเอง ที่อพยพมาอยู่บริเวณชายฝั่งตอนเหนือของออสเตรเลียช่วงปลายศตวรรษที่ 19
“ภาพที่เก่าแก่ที่สุดของคุณทวดของผมที่เราพบคือใบประกาศณียบัตรว่าเขาได้รับการยกเว้นให้เป็นผู้อพยพที่ไม่ใช่ชาวยุโรปที่ผ่านการทดสอบเขียนคำศัพท์”
กูรเมศกล่าวว่าตอนที่คุณทวดของเขาได้รับการยกเว้นนั้นเขาได้อาศัยที่ออสเตรเลียมาประมาณ 25 ปีแล้ว
กูรเมศกล่าวว่าเขาเศร้าใจที่โปสเตอร์งานศิลป์ของปีเตอร์ ดรูส์ถูกทำลาย
“เหตุการณ์แบบนี้เองที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว และผมยอมรับเลยว่าผมเองก็หวั่นใจเหมือนกัน” เขาเปิดใจถึงสถานการณ์ที่ชุมชนชาวอินเดียถูกเพ่งเล็งในออสเตรเลีย
สำหรับปีเตอร์ ดรูวส์ การได้เห็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเล่าประวัติความเป็นมาของครอบครัวตัวเองในสภานั้นทรงพลังมาก และย้ำว่านี่คือตัวอย่างว่างานศิลปะของเขาต้องการจะสื่ออะไร






