'ห่วงใย' หรือ 'บงการ': มองต่างมุมกับกฎหมายแบนเด็กออสซีเล่นโซเชียล

Sri Lanka Blocked Social Media

Source: Flickr

รัฐบาลออสเตรเลียผ่านกฎหมายห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีมีบัญชีโซเชียลมีเดีย ฉบับแรกของโลก โดยจะมีผลบังคับใช้ในปี 2025 และเยาวชนกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ฟังความคิดเห็นของเด็กวัย 12 ปีที่ตั้งคำถามถึงความเป็นธรรม ไปจนถึงผู้ปกครองที่ยังลังเลระหว่างความปลอดภัยและเสรีภาพของลูก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่ชี้ว่ากฎหมายลำพังไม่เพียงพอ


เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรเลียผ่านกฎหมายห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย นับเป็นกฎหมายฉบับแรกของโลก ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2025

โดยกฎหมายนี้จะบังคับใช้กับแพลตฟอร์ม Facebook, Snapchat, Reddit, Instagram และ X (ทวิตเตอร์) แต่ไม่บังคับใช้กับแพลตฟอร์ม Messenger Kids, WhatsApp, Kids Helpline, Google Classroom และ YouTube

และบริษัทที่ละเมิดข้อกำหนดจะถูกปรับสูงสุด 49.5 ล้านดอลลาร์

นายแอนโทนี อัลบานีซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวถึงกฎหมายนี้ว่า
เป็นมาตรการริเริ่มระดับโลก เพื่อให้บริษัทโซเชียลมีเดียรับผิดชอบต่อสังคม โซเชียลมีเดียทำร้ายเด็กๆ ของเรา และวันนี้ ร่างกฎหมายนี้ผ่านรัฐสภา พ่อแม่จะสามารถพูดคุยกับลูกๆ ในมุมมองใหม่ได้
นายกรัฐมนตรีอัลบานีซีกล่าว

กฎหมายแบนโซเชียลเด็กต่ำกว่า 16 พร้อมมาตรการควบคุมเข้มที่สุดในโลก

รัฐบาลออสเตรเลียผ่านกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องปิดกั้นผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปี หวังลดผลกระทบด้านสุขภาพจิต ความรุนแรงออนไลน์ และพฤติกรรมลอกเลียนแบบที่เกิดขึ้นจากคอนเทนต์ที่ควบคุมไม่ได้

นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานีซี กล่าวว่ารัฐบาลต้องปกป้องเด็กก่อนที่จะสายเกินไป และย้ำว่าสื่อสังคมออนไลน์ส่งผลต่อพัฒนาการและความเสี่ยงของเยาวชนมากกว่าที่สังคมเคยประเมินไว้
ANTHONY ALBANESE PRESSER
“เราต้องแน่ใจว่าเด็ก ๆ ได้รับความปลอดภัยจากอันตรายที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ หลายครั้งโซเชียลมีเดียส่งผลแล้วเรามารู้เมื่อมันสายเกินไป รัฐบาลต้องทำหน้าที่เพื่อลดความเสี่ยงนั้น” นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซีกล่าว Source: AAP / LUKAS COCH/AAPIMAGE
มาตรการใหม่กำหนดให้แพลตฟอร์มต้องมีระบบ ยืนยันอายุที่เชื่อถือได้ เช่น การตรวจสอบใบหน้า (facial verification) หรือเอกสารแสดงตัวตน หากฝ่าฝืนอาจถูกปรับมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ยังมีการวางแผนมาตรการเสริม เช่น
  • การตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยออนไลน์ เพื่อกำกับมาตรฐานยืนยันอายุ
  • การติดตามการทำงานของแพลตฟอร์มทุก 12 เดือน
  • การบังคับให้มีการรายงานถึงความเสี่ยงต่อเด็กบนแพลตฟอร์ม
  • การเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการ eSafety ในการสั่งลบคอนเทนต์อันตรายได้เร็วขึ้น
รัฐบาลย้ำว่า กฎหมายนี้คือ “มาตรการริเริ่มระดับโลก” ที่ทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศแรก ๆ ที่กำหนดอายุขั้นต่ำเพื่อปกป้องเด็กจากอันตรายในโลกออนไลน์อย่างเป็นระบบ

อย่างไรก็ตาม เอสบีเอสไทยสอบถามชุมชนไทยถึงความคิดเห็นของเรื่องนี้ ตั้งแต่เด็กวัยรุ่น ผู้ปกครอง และความเห็นของคนทั่วไป

กฎหมายที่ไม่ได้ฟังเสียงของเด็ก

วีว่า เด็กไทยวัย 12 ปีมองว่า กฎหมายนี้ไม่ได้ฟังเสียงของเด็กและกระทบชีวิตประจำวันของเธอ ซึ่งใช้แพลตฟอร์มอย่าง Snapchat เพื่อสื่อสารกับเพื่อน

“เด็กชอบคุยกับเพื่อน แต่ทำไมเราคุยกับเพื่อนไม่ได้ ผู้ใหญ่ก็คุยกับเพื่อนได้ ทำไมเด็กอย่างหนูคุยไม่ได้”
Photo Viva  (1).jpg
คุณวีว่าไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ Credit: Chollada Kromyindee/SBS Thai
และเธอยังตั้งข้อสังเกตว่า การแบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไม่ได้ทำให้การกลั่นแกล้งออนไลน์หายไป เพราะสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปในแพลตฟอร์มอื่น

สำหรับวีว่า สิ่งสำคัญไม่ใช่การแบนแพลตฟอร์ม แต่เป็นการแก้พฤติกรรมออนไลน์ของผู้ใช้มากกว่า พร้อมตั้งคำถามถึงการทำงานของรัฐบาลกับปัญหา Catfish (การสร้างตัวตนปลอมในอินเทอร์เน็ตเพื่อหลอกผู้อื่น) ที่เล็งทำร้ายเด็ก

อายุ 16 ปีสูงเกินไปในมุมผู้ปกครองไทย

ผู้ปกครองที่เราสัมภาษณ์ให้ภาพที่หลากหลาย บางคนเห็นด้วยกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย แต่กังวลว่าเกณฑ์อายุอาจสูงไป และจำกัดเสรีภาพเด็กมากเกินความจำเป็น

ลิน แม่ชาวไทยในซิดนีย์กล่าวว่า เธอรู้สึก “สองจิตสองใจ”

“ใจนึงก็คิดว่ามันช่วยปกป้องลูก แต่อีกใจรู้สึกว่ามันเยอะไปหน่อย อายุสิบหกมันสูงไป ถ้าสักสิบสามสิบสี่อาจจะพอเหมาะกว่า”
Photo-anonymous female-pexels-monica-turlui.jpg
คุณลินรู้สึกว่าการผ่านกฎหมายนี้รวดเร็วเกินไป Credit: Pexels/Monica Turlui
ขณะที่คุณสิริ แม่ลูกเล็ก มองว่ากฎหมายนี้ช่วยลดความเสี่ยงด้านอารมณ์และภาพลักษณ์ตัวเองของเด็ก แต่ชี้ว่าพ่อแม่เองก็ต้องระวังการโพสต์ลูกลงโซเชียล (sharenting) เช่นกัน เพราะอาจกลายเป็นต้นตอของการละเมิดสิทธิ์เด็ก และอาจทำให้ถูกล้อในอนาคต

“กฎหมายช่วยได้ แต่ไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าพ่อแม่ยังลงรูป ลงข้อมูลลูกเยอะ ๆ มันก็เป็นอีกจุดที่ทำให้เด็กถูกล้อได้เหมือนกัน”
Photo Siri.jfif
คุณศิริมองว่าโซเชียลมีเดียทำให้เกิดปัญหาการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ ส่งผลให้เด็กมีภาวะซึมเศร้าหรือเสี่ยงต่อการนำไปสู่การทำร้ายตนเองได้ Credit: Supplied
(หมายเหตุ: Sharenting คือพฤติกรรมที่พ่อแม่โพสต์รูปภาพลูกลงสื่อสังคม ซึ่งอาจนำไปสู่การเผยข้อมูลส่วนตัวหรือรายละเอียดกิจกรรมที่เด็กๆ ทำจนอาจส่งผลกระทบได้ในอนาคต/ข้อมูลจาก Unicef Thailand)

ผู้เชี่ยวชาญมอง ลดความเสี่ยงได้ แต่ไม่ใช่คำตอบเดียว

คุณอาชี ผู้ทำงานกับเยาวชนมองว่า กฎหมายนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐเริ่มคุมเทคโนโลยีเข้มขึ้น และไม่ใช่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งหมด

“มันเป็นจุดเปลี่ยนที่เรามีกฎหมายบางอย่างมาควบคุมเทคโนโลยี โดยเฉพาะกับเด็ก ความปลอดภัยอาจเพิ่มขึ้น แต่เด็กโตขึ้น เดี๋ยวก็หลุดจากข้อจำกัดนี้อยู่ดี”
Photo Archie (8).jfif
คุณอาชี่มองว่าโซเชียลมีเดียมีเนื้อหาหมิ่นเหม่ ที่เด็กอาจลอกเลียนแบบได้ Credit: Supplied
เขาเชื่อว่าปัญหาเกี่ยวกับเด็กออนไลน์ต้องทำคู่กับการให้ความรู้และการสนับสนุนจากครอบครัว ไม่ใช่แค่การปิดแพลตฟอร์ม

“ถ้าจำกัดแค่แพลตฟอร์ม มันไม่พอ ต้องมีการศึกษาเรื่องทักษะดิจิทัลและการคุยกันในครอบครัวด้วย”


สำหรับกฎหมายแบนผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดียจะมีผลบังคับใช้ในอีก 12 เดือนในออสเตรเลีย แต่ยังมีคำถามเรื่องการบังคับใช้

จีนนี แพตเตอร์สัน จากคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นกล่าวว่า มีหลายประเด็นที่ทำให้เธอสงสัย
คำถามสำหรับฉันคือกลไกที่จะทำงานนี้จะมีประสิทธิภาพแค่ไหน มันจะยุ่งยากแค่ไหน และสิ่งนี้จะแก้ปัญหาเลวร้ายในโลกดิจิทัลได้จริงหรือไม่
แพตเตอร์สันกล่าว
ล่าสุด เมตา บริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ที่เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมออกแถลงการณ์ว่าทางบริษัท “เคารพกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาโดยรัฐสภาของออสเตรเลีย” แต่ “กังวลกับกระบวนการที่เร่งรีบในการผลักดันกฎหมายนี้ โดยไม่ได้พิจารณาหลักฐานอย่างเหมาะสมถึงสิ่งที่อุตสาหกรรมโซเชียลมีเดียทำเพื่อคัดกรองสิ่งที่เหมาะสมกับอายุของผู้ใช้และเสียงของเยาวชน”

ในมุมมองของประเทศอื่น เช่น หนังสือพิมพ์อินดิเพนเดนท์ของอังกฤษกล่าวว่า “ออสเตรเลียเป็นกรณีศึกษาสำหรับรัฐบาลประเทศอื่น ในการออกกฎหมายจำกัดอายุผู้ใช้โซเชียลมีเดีย”

ในปีหน้า จะเป็นบทพิสูจน์ว่ามาตรการแบนโซเชียลมีเดียนี้สามารถสร้างพื้นที่ออนไลน์ที่ปลอดภัยขึ้นได้จริงหรือไม่ และยังจะเป็นบททดสอบความสมดุลระหว่างการคุ้มครองเยาวชนกับสิทธิขั้นพื้นฐานในยุคดิจิทัลเช่นกัน

ฟังรายละเอียดเรื่องนี้ได้ในบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม

ติดตามเอสบีเอส ไทย ได้อีกทาง เว็บไซต์ | เฟซบุ๊ก | อินสตาแกรม

Share

Recommended for you

Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand