“แทบเป็นไปไม่ได้”: วิกฤตค่าเช่ารุนแรง หลายครอบครัวถึงจุดตึงเครียด

ALC THAI THE BIG BRIEF - BSP HEADER.jpg

สถานการณ์วิกฤตค่าเช่าบ้านในออสเตรเลียกำลังรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ Credit: Tom Rumble/unspalsh

วิกฤตค่าเช่าบ้านกำลังรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยในบางเมืองผู้เช่าต้องจ่ายค่าเช่าสูงเกือบหนึ่งในสามของรายได้ทั้งหมด


จากการวางแผน ดูเหมือนว่าเอมิลี เคลเมนต์ส จะทำทุกอย่างถูกต้องแล้ว

คุณแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 32 ปีจากนครเพิร์ท ทำงานพาร์ทไทม์ด้านธุรการและเธอยังเลี้ยงดูลูกสองคนที่มีความต้องการพิเศษด้านพัฒนาการ

เธอวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งจำเป็น เช่นเดียวกับพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวหลายคนที่รับสวัสดิการทำงานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่จะได้รับเงินสนับสนุนเงินดูแลลูกที่ป่วยแต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังไม่สามารถไล่ตามค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูงขึ้นทัน

สี่ปีก่อน เคลเมนต์สจ่ายค่าเช่า 380 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ สำหรับบ้านเช่าแบบสามห้องนอน มาวันนี้ เธอต้องจ่ายถึง 850 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ สำหรับบ้านที่อยู่ไกลเมืองออกไปกว่าเดิม

“ฉันได้เงินจากเซนเตอร์ลิงก์ 1,600 ดอลลาร์ต่อสองสัปดาห์ แต่ต้องจ่ายค่าเช่า 1,700 ดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ารายได้ทั้งหมด” เธอให้สัมภาษณ์กับเอสบีเอส นิวส์

“ฉันไม่มีเงินเก็บเลย แม้แต่ดอลลาร์เดียว”

เธอบอกว่า หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของเธอ เธอคงเป็นคนไร้บ้านและลูกทั้งสองคนก็คงไม่ได้รับการบำบัดที่จำเป็นต่อการพัฒนาของพวกเขา

 “ฉันพยายามไม่คิดถึงมันเพราะยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว” เธอกล่าว

“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่ฉันดูแลลูก ๆ ของตัวเองไม่ได้”

“เราต้องลดจำนวนการบำบัดที่จำเป็นของลูก เราไม่ได้ไปเที่ยว แทบไม่ได้ไปไหนและไม่ค่อยกินข้าวนอกบ้านเลย
rental g 1.png
Credit: SBS

นับถอยหลังความมั่นคง

นี่อาจเป็นคริสต์มาสสุดท้ายที่เคลเมนต์สจะได้อยู่ในบ้านหลังนี้ เพราะสัญญาเช่าจะหมดอายุภายในไม่ถึงสามเดือน และมีความเสี่ยงที่จะถูกไล่ออกมากขึ้น เธอบอกว่า ตอนนี้หยุดไปดูบ้านเปิด (open house) แล้ว เพราะกังวลมาก

“ครั้งล่าสุดที่ฉันไปดูบ้าน มีคนมากกว่า 40 คนอยู่ที่นั่น” เธอกล่าว

“ฉันจำได้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งคุยกับเอเยนต์ แล้วเธอบอกว่าเธอมีเงิน 600,000 ดอลลาร์จากการขายบ้าน และยอมจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าทั้งปีได้ทันที และนั่นคือคู่แข่งที่ฉันต้องเจอ”

สถานการณ์ไม่ได้เป็นแบบนี้เสมอไป

เคลเมนต์สเติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลางที่มั่นคง และตลอดช่วงวัยยี่สิบ การเช่าบ้านเป็นทางเลือกที่ช่วยให้เธอเก็บเงินสะสมเพื่อวางเงินดาวน์ซื้อบ้านในอนาคตได้

แต่ตลาดค่าเช่าในนครเพิร์ท ที่เคยเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่อยู่อาศัยราคาจับต้องได้ที่สุดของประเทศ ตอนนี้สถานการณ์กลับตรงข้าม แม้แต่คนที่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองยังต้องกลับมาหาที่เช่าอยู่ใหม่ ส่งผลให้ผู้ที่มีตัวเลือกน้อยที่สุดถูกเบียดออกจากระบบมากขึ้นเรื่อย ๆ

วิกฤตที่ก่อตัวมานานหลายปี

ดัชนีความสามารถในการเช่าบ้านประจำปี 2025 ของ National Shelter–SGS (Rental Affordability Index: RAI) เป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่ผู้เช่ารู้ดีอยู่แล้วว่าความสามารถในการเช่าบ้านทั่วประเทศกำลังย่ำแย่

นครเพิร์ทแซงซิดนีย์ขึ้นเป็นเมืองหลวงที่ “ค่าเช่าแพงที่สุดเมื่อเทียบกับรายได้” เป็นปีที่สองติดต่อกัน โดยค่าเช่ากลางในปัจจุบันกินสัดส่วนรายได้ของครัวเรือนผู้เช่าเฉลี่ยถึง 32%

ซึ่งสูงกว่าระดับ “ภาวะตึงเครียดด้านที่อยู่อาศัย” ที่กำหนดไว้ที่ 30% ซึ่งเมื่อปี 2020 ตัวเลขนี้อยู่ที่เพียง 21% และเมื่อสำรวจสถานการณ์บ้านเช่าทั่วประเทศ ภาพรวมก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้มากนัก
rental g 2.png
Credit: SBS

เช่น ซิดนีย์และแอดิเลดก็มีสถานการณ์ไม่ต่างกันมากนัก โดยครัวเรือนผู้เช่าในทั้งสองเมืองต้องใช้รายได้ราว 30% ไปกับค่าเช่า ซึ่งอยู่ในระดับภาวะตึงเครียดด้านที่อยู่อาศัยเช่นกัน

ส่วนภูมิภาคของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียก็แย่ลงมาก จากที่ยังถือว่า “เช่าได้ในราคาเอื้อมถึง” เมื่อปี 2020 ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่ที่ “เริ่มไม่เอื้อต่อการเช่า” โดยผู้เช่าต้องจ่ายถึง 28% ของรายได้ให้กับค่าเช่า

บริสเบนและแอดิเลดกำลังเผชิญระดับความสามารถในการเช่าบ้านที่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ ส่วน ACT เป็นเขตเดียวที่ยังถือว่า “อยู่ในระดับยอมรับได้” ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากรายได้เฉลี่ยของประชากรที่สูงกว่าเขตอื่น

ขณะเดียวกัน ในภูมิภาคควีนส์แลนด์ ค่าเช่ากินสัดส่วนรายได้ครัวเรือนมากกว่า 30% ทำให้กลายเป็นตลาดเช่าภูมิภาคที่แพงที่สุดในออสเตรเลีย

ส่วนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีไม่ถูกรวมอยู่ในรายงาน เนื่องจากไม่มีข้อมูลค่าเช่าที่เพียงพอสำหรับจัดทำดัชนี

คนรุ่นใหม่ถูกผลักให้เช่าบ้านตลอดชีวิต

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ชาวออสเตรเลียจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงและพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ถูกผลักเข้าสู่วงจรการเช่าบ้านระยะยาวโดยไม่มีทางเลือกอื่น

ระหว่างปี 1995 ถึง 2020 จำนวนครัวเรือนผู้เช่าเพิ่มขึ้นจาก 26% เป็น 31% ขณะที่สัดส่วนผู้เช่าในระบบที่อยู่อาศัยสาธารณะลดลงครึ่งหนึ่ง

ตลอดช่วงเวลาเดียวกัน ค่าเช่าเพิ่มขึ้นเร็วกว่าค่าผ่อนบ้าน
ปัจจุบัน ผู้เช่าต้องจ่ายอย่างน้อย 20% ของรายได้ไปกับที่อยู่อาศัย ขณะที่ผู้มีบ้านและผ่อนจ่ายอยู่ ใช้เพียง 15.5%
แต่ดัชนี RAI วัดเฉพาะ “ค่าเช่า” ไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่น ๆ เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำไฟ ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายในโรงเรียน

สำหรับครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวอย่างของเคลเมนต์ส ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ทำให้งบประมาณในชีวิตจริงพุ่งสูงกว่าตัวเลขที่แสดงบนกราฟอย่างมาก

เช่น การพาลูกไปทำบำบัดหรือซื้อของกิน จะเติมน้ำมันหรือส่งลูกไปทัศนศึกษา แทบไม่เคยถูกบันทึกไว้ในดัชนีระดับประเทศ แต่ทั้งหมดนี้คือความจริงที่เธอต้องเผชิญในทุกวัน

ชีวิตใหม่ในออสเตรเลียแต่ยังคงต้องเช่าบ้าน

อีกฟากหนึ่งของประเทศ ทางตอนใต้–ตะวันออกของซิดนีย์ ชาร์ลอต คาร์ลสสัน–โจนส์ ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในวัยผู้ใหญ่ท่ามกลางความไม่มั่นคงด้านที่อยู่อาศัย เธอเดินทางมาจากเมืองมัลเมอ ประเทศสวีเดน ตอนอายุ 19 ปี

ผ่านมาสองทศวรรษแล้ว บัณฑิตสถาปัตยกรรมวัย 42 ปียังคงต้องเช่าบ้านอยู่เหมือนเดิม
เธอทำงานพาร์ทไทม์ มีรายได้ประมาณ 2,000 ดอลลาร์ต่อสองสัปดาห์
แต่ค่าเช่าของเธออยู่ที่ 1,200 ดอลลาร์ต่อสองสัปดาห์ คิดเป็น 60% ของรายได้ทั้งหมด

“สำหรับฉัน การจะขอสินเชื่อบ้านแทบเป็นไปไม่ได้เลย” คาร์ลสสัน–โจนส์บอกกับ เอสบีเอส นิวส์ โดยอธิบายว่า ธนาคารมองเธอว่าเป็นลูกค้าความเสี่ยงสูง

“ในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยว มันแทบเป็นไปไม่ได้จริง ๆ ทุกปีมันยิ่งแย่ลง”

ลูกสองคนของเธออายุ 12 และ 7 ปี และเช่นเดียวกับเคลเมนต์ส เธอต้องรับผิดชอบค่าอาหาร ค่าเดินทาง กิจกรรมของลูก ค่าใช้จ่ายในโรงเรียน และค่าบำบัด นอกเหนือจากค่าเช่า

เธอพยายามขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล รวมถึงโครงการ Rent Choice Assist แต่คำขอครั้งแรก ๆ ของเธอถูกปฏิเสธ
rental g 3.png
Credit: SBS

แต่ในที่สุดเธอก็ยื่นอุทธรณ์และได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการ แต่แม้จะได้รับความช่วยเหลือแล้ว ความกังวลที่สะสมมาตลอดก็ยังคงอยู่
“ฉันรู้สึกเหมือนระบบช่วยเหลือหลายอย่างที่เรามีอยู่ตอนนี้ มันรอให้คุณไร้บ้านก่อน แล้วถึงจะเริ่มยื่นมือเข้ามาช่วย” เธอกล่าว

“แต่บาดแผลทางใจและผลกระทบระยะยาวจากการต้องเผชิญสถานการณ์แบบนั้ มันใช้เวลาหลายปีกว่าจะฟื้นตัวได้”

คาร์ลสสัน–โจนส์กล่าวว่า ผู้หญิงสูงอายุเป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดมานานแล้ว

“เราต้องเริ่มแก้ปัญหานี้ให้เร็วขึ้นในช่วงชีวิตของผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราทุ่มเวลาส่วนใหญ่ไปกับการดูแลคนที่เรารัก”

เธอบอกว่าวิกฤตนี้มีรากลึกกว่าที่เห็น

“ฉันเจอคนที่อยู่ในบ้านสวัสดิการมานานกว่า 10 ปี” เธอเล่า ตอนที่พวกเขายื่นขอครั้งแรก มีรายชื่อรอคิวขอความช่วยเหลือก็ยาวเกินสิบปีแล้ว

รัฐที่ร่ำรวยที่สุด แต่ค่าเช่าแพงที่สุด

โรเบิร์ต พราดอลิน ผู้อำนวยการ Housing All Australians องค์กรรณรงค์ด้านที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ภาวะตึงเครียดจากค่าเช่ากำลังส่งผลต่อแรงงานในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียโดยตรง

“ตั้งแต่คาเฟ่ โรงแรม ไปจนถึงโรงพยาบาลและศูนย์ดูแลเด็ก ธุรกิจทั่วรัฐ WA กำลังประสบปัญหาขาดแคลนพนักงาน เพราะไม่มีที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาใกล้ที่ทำงานให้พวกเขาอยู่” เขากล่าว

“แม้แต่ภาคบริการสังคม คนที่ทำงานช่วยเหลือผู้เปราะบางที่สุด ยังรับพนักงานใหม่ไม่ได้หรือรักษาพนักงานไว้ไม่ได้ เพราะค่าครองชีพในชุมชนภูมิภาคสูงเกินกว่าที่พวกเขาจะอยู่ได้”

พราดอลินชี้ว่า ที่อยู่อาศัยคือ “โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญ”

อี–เทน กวี เจ้าของคาเฟ่ในเพิร์ธกล่าวว่าวิกฤตนี้กำลังเปลี่ยนวิธีที่ธุรกิจขนาดเล็กต้องดำเนินงาน

“โดยทั่วไป เราเห็นได้ชัดว่าค่าเช่าตอนนี้สูงมาก ๆ” เขาบอกกับเอสบีเอส นิวส์

“มันส่งผลแน่นอนโดยเฉพาะกับพนักงานของผม”
Kwee.png
อี–เทน กวี เจ้าของร้าน Hear This Coffee House ในย่านตะวันออกเฉียงเหนือของนครเพิร์ท ผู้ซึ่งเห็นผลกระทบของค่าเช่าที่พุ่งสูงขึ้นกำลังเปลี่ยนชีวิตของพนักงานและลูกค้าของเขา Credit: Christopher Tan
กวีบอกว่าเขาเห็นความตึงเครียดทั้งในพนักงานและลูกค้าอย่างชัดเจน

“จากที่ได้ยินมา หลายคนต้องย้ายกลับไปอยู่กับพ่อแม่ หรือหาทางออกอื่น ๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย”

 การเดินทางไกลกลายเป็นเรื่องปกติใหม่

“ในอุตสาหกรรมแบบผม งานเริ่มตอนหกโมง ถ้าคุณอยู่ไกลออกไปชั่วโมงหนึ่ง คุณต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่” กวีกล่าว

เขาบอกว่าปัญหาหลักคือ “จำนวนบ้านมีไม่พอสำหรับคนที่ต้องการอยู่ ในขณะที่บางคนมีบ้านหลายหลังมากเกินกว่าจะอยู่ได้จริง”

แคธ สนเนลล์ ซีอีโอของ Shelter WA องค์กรสนับสนุนสิทธิด้านที่อยู่อาศัยในเพิร์ธ กล่าวว่า ตัวเลขล่าสุดยืนยันแนวโน้มที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ

“มันน่าตกใจมากที่รัฐที่ร่ำรวยที่สุดของออสเตรเลีย กลับเป็นรัฐที่ค่าเช่าที่คนเอื้อมถึงได้น้อยที่สุด” เธอกล่าวเอสบีเอส นิวส์
“วิกฤตนี้ไม่ได้กระทบเฉพาะคนที่มีรายได้น้อยอีกต่อไปแล้ว มันลุกลามขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มส่งผลถึงครอบครัวที่มีรายได้ประจำ” สนเนลล์กล่าว

เธอระบุว่า รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียจำเป็นต้องมีที่อยู่อาศัยสังคมและที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาเพิ่มอีกปีละ 5,000 ยูนิต ควบคู่กับมาตรการอื่น เช่น การควบคุมอัตราค่าเช่า การกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำ การจำกัดจำนวนบ้านปล่อยเช่าระยะสั้น และการยุติการไล่ผู้เช่าออกโดยไม่มีเหตุผล (no-grounds evictions)

“มีความคืบหน้าจากโครงการของรัฐบาลอยู่บ้าง แต่เราต้องการความมุ่งมั่นที่สอดคล้องกับขนาดของวิกฤตนี้จริง ๆ”

จอห์น แครี รัฐมนตรีด้านที่อยู่อาศัยและการโยธาของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (WA) ชี้แจงต่อเอสบีเอส นิวส์ ว่ารัฐบาลมีการลงทุนในที่อยู่อาศัยสาธารณะระดับประวัติการณ์

“ทั่วประเทศยังคงมีแรงกดดันด้านที่อยู่อาศัยและตลาดเช่า และเศรษฐกิจของ WA ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศร่วมกับการเติบโตของประชากรที่รวดเร็ว ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันเข้าไปอีก” เขากล่าว

“รัฐบาลของเรากำลังเดินหน้าแผนการลงทุนด้านที่อยู่อาศัยมูลค่า 5.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มที่อยู่อาศัยสังคมกว่า 3,800 ยูนิต ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา

การลงทุนครั้งใหญ่ในที่อยู่อาศัยสาธารณะครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ชาว WA ที่เปราะบางที่สุด รวมถึงผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัว แม่เลี้ยงเดี่ยว และคนพิการ มีบ้านที่สามารถเรียกว่า ‘บ้าน’ ได้จริง ๆ”

เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาล WA ออกกฎหมายปฏิรูปตลาดเช่า อาทิ การจำกัดการขึ้นค่าเช่าได้เพียงปีละครั้ง การอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์และปรับปรุงเล็กน้อยในบ้านเช่าได้ รวมถึงกระบวนการแก้ไขข้อพิพาทที่ไม่ต้องพึ่งศาล

แม้ผู้เชี่ยวชาญจะยินดีต่อมาตรการใหม่ แต่เตือนว่ายังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ได้จนกว่าจะมีการ จำกัดการขึ้นค่าเช่า และ ยุติการไล่ผู้เช่าออกโดยไม่มีเหตุผล
แครีกล่าวว่า โครงการช่วยเหลือค่าเช่า (Rental Relief Program) ของรัฐช่วยให้ครัวเรือนกว่า 3,600 ครัวเรือน รอดพ้นจากการถูกไล่ออก และข้อเสนอสำหรับเฟสที่สองของการปฏิรูปตลาดเช่า คาดว่าจะแล้วเสร็จเพื่อพิจารณาในปลายปีนี้

“รัฐบาลของเราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ชาว WA มีบ้านที่ปลอดภัย มั่นคง และเข้าถึงบริการจำเป็นที่ช่วยรองรับความต้องการของพวกเขาได้”

ด้านจอช เบิร์นส์ ผู้แทนพิเศษด้านที่อยู่อาศัยสังคมและคนไร้บ้านของรัฐบาลกลาง กล่าวว่า วิกฤตที่อยู่อาศัยของออสเตรเลีย “สะสมมาตลอดหลายทศวรรษ” และต้องใช้เวลาในการแก้ไข

“ตามที่ดัชนีความสามารถในการเช่าบ้านชี้ให้เห็น งานที่เรากำลังทำเพื่อเพิ่มจำนวนที่อยู่อาศัยในทุกระดับกำลังสร้างความเปลี่ยนแปลง” เขากล่าว

“นั่นคือเหตุผลที่เราร่วมมือกับรัฐบาลรัฐและดินแดนต่าง ๆ และภาคที่อยู่อาศัยชุมชน เพื่อสร้าง 55,000 ยูนิต ของที่อยู่อาศัยสังคมและที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาสำหรับผู้ที่ต้องการ”

“เรารู้ว่ายังมีงานอีกมากที่ต้องทำ แต่เรากำลังก้าวต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านเช่ามากขึ้น การสนับสนุนผู้ซื้อบ้านครั้งแรก และการเพิ่มที่อยู่อาศัยสังคมและที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาให้เพียงพอกับความต้องการ”

“ฉันแค่อยากให้พวกเขามีอนาคต”

เคลเมนต์สบอกว่า เธอไม่ได้ต้องการปาฏิหาริย์ แค่โอกาสในการสร้างชีวิตที่พอมีเหลือเก็บ วางแผนอนาคตได้ และไม่ต้องอยู่ในสภาพที่ความมั่นคงสามารถพังทลายได้จาก “จดหมายแจ้งเตือน” เพียงฉบับเดียว

“ถ้าลูก ๆ มาขออะไรจากฉัน ส่วนใหญ่คำตอบคือ ‘ไม่ได้’ ทันที” เธอกล่าว

“หรือไม่ก็ต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงจะเก็บเงินพอ”
“ฉันไม่อยากโกหกลูก ๆ ของฉันเลย” เธอกล่าว

“มันเป็นคำถามที่ตอบยากมากว่าทำไมพวกเขาถึงขอเงิน 10 ดอลลาร์ไปซื้อของใน Roblox ไม่ได้ หรือทำไมถึงซื้อไอศกรีมในวันที่อากาศร้อนไม่ได้”

ที่ซิดนีย์ คาร์ลสสัน–โจนส์ก็รู้สึกถึงภาระที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น

เธอบอกว่า ในฐานะผู้อพยพรุ่นแรก พ่อแม่ของเธอไม่ได้อยู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และมันทำให้เธอ “เริ่มต้นจากจุดที่เสียเปรียบมาก”

“และนั่นจะส่งผลต่ออนาคตของลูก ๆ ของฉัน รวมถึงโอกาสที่พวกเขาจะได้ก้าวเข้าสู่ตลาดอสังหาฯ ด้วยเช่นกัน”

ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand