มาตรการใหม่บ้านเงินดาวน์ 5% และเสียงสะท้อนจากคนไทยในออสเตรเลีย

โครงการลดเงินดาวน์บ้านของรัฐบาลกลางที่อนุญาตให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรกวางเงินดาวน์เพียง 5% จะถูกเลื่อนมาให้เริ่มใช้เร็วขึ้นสามเดือน มีอะไรที่คุณควรรู้และชุมชนไทยตอบรับอย่างไรกับโครงการดังกล่าว

A row of apartments with a 'for sale' sign in front.

มีผู้ซื้อบ้านหลังแรกคาดว่าราว 70,000 คน จะเข้าร่วมโครงการของรัฐบาลในปีแรก Source: AAP / Lukas Coch

ผู้ซื้อบ้านหลังแรกทุกคนในออสเตรเลียจะสามารถก้าวสู่การเป็นเจ้าของบ้านด้วยเงินดาวน์ที่น้อยลงได้เร็วขึ้น หลังจากรัฐบาลกลางประกาศการเริ่มใช้นโยบายนี้เร็วกว่ากำหนด

การขยายโครงการ First Homebuyer Guarantee ของรัฐบาล จะเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรกทุกคนสามารถวางเงินดาวน์ได้เพียง 5%

โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ เร็วกว่ากำหนดเดิมสามเดือน ซึ่งเดิมทีจะเริ่มในเดือนมกราคม 2026

นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี ระบุว่า การเลื่อนกำหนดเริ่มโครงการให้เร็วขึ้น จะช่วยลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์

“เราต้องการช่วยให้คนหนุ่มสาวและผู้ซื้อบ้านหลังแรก สามารถบรรลุความฝันในการมีบ้านได้เร็วขึ้น” เขากล่าวในแถลงการณ์

“การเร่งให้โครงการบ้านเงินดาวน์ 5% เริ่มเร็วขึ้นจะช่วยให้ชาวออสเตรเลียมีบ้านเป็นของตัวเองได้เร็วขึ้น และยังช่วยประหยัดเงินไปพร้อมกันด้วย”

โครงการบ้านสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกคืออะไร?

โครงการนี้เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรกสามารถซื้อบ้านได้ด้วยเงินดาวน์เพียง 5% จากปกติที่ต้องวางถึง 20%

รัฐบาลจะทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกัน โดยช่วยออกเงินส่วนที่เหลืออีก 15% ของเงินดาวน์ ทำให้ผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องทำประกันเงินกู้ที่อยู่อาศัย (Lenders’ Mortgage Insurance) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง

มีอะไรเปลี่ยนแปลงในโครงการบ้าง?

แม้ว่าโครงการนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป จะมีการขยายสิทธิ์ให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรกทุกคน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมในแต่ละปี นอกจากนี้ จะ ไม่มีการกำหนดเพดานรายได้ สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการอีกต่อไป

ขณะเดียวกัน เพดานราคาบ้าน ที่เข้าเกณฑ์โครงการก็จะถูกปรับเพิ่มขึ้นเกือบทุกพื้นที่ทั่วออสเตรเลีย เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เช่นกัน
A woman with light blonde hair.
Housing Minister Clare O'Neil said the scheme would make access to home ownership fairer. Source: AAP / Mick Tsikas

เพดานราคาบ้านในเมืองใหญ่ล่าสุด

ในซิดนีย์ เพดานราคาบ้านที่จะเข้าเกณฑ์โครงการจะเพิ่มจาก 900,000 ดอลลาร์ เป็น 1.5 ล้านดอลลาร์ บริสเบน จะเพิ่มจาก 700,000 ดอลลาร์ เป็น 1 ล้านดอลลาร์ และในเมลเบิร์น จะเพิ่มจาก 800,000 ดอลลาร์ เป็น 950,000 ดอลลาร์

คาดการณ์ว่า จะมีผู้เข้าร่วมโครงการ Home Guarantee Scheme ราว 70,000 คนในปีแรกที่มีการขยายสิทธิ์ มากกว่าที่กำหนดไว้เดิมปีละ 50,000 คนถึง 20,000 คน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่อยู่อาศัย แคลร์ โอนีล กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยให้การเข้าถึงการมีบ้านเป็นธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการก้าวเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์

“มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องที่คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในออสเตรเลียถูกกีดกันออกจากตลาดบ้าน พวกเขาต้องเก็บเงินเป็นสิบ ๆ ปี ขณะที่ยังต้องจ่ายค่าเช่าหรือผ่อนบ้านให้คนอื่น” เธอกล่าว
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลียส่งผลให้ราคาบ้านพุ่งสูงขึ้น และอาจทำให้บ้านทั่วประเทศมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไปอีก เชน โอลิเวอร์ กล่าวเสริมว่า

“ถ้าอัตราดอกเบี้ยลดลงพร้อมกับการเริ่มใช้โครงการขยายสิทธิ์นี้ จะเป็นการเร่งให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์พุ่งแรงกว่าที่จะเกิดขึ้นตามปกติ”

เขาชี้ว่า นี่อาจเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่มีบ้านอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ข่าวดีนักสำหรับผู้ซื้อบ้านรายใหม่

“ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเจ้าของบ้านปัจจุบัน แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ซื้อบ้านหน้าใหม่”

ภาคธุรกิจก่อสร้างและอสังหาฯ หนุนโครงการ

สมาคมอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยแห่งออสเตรเลีย (HIA) ซึ่งเป็นสมาคมระดับชาติด้านการก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แสดงความยินดีกับการขยายโครงการนี้ โจซลิน มาร์ติน กรรมการผู้จัดการของ HIA กล่าวว่า

“นี่คือโอกาสที่จะเปิดประตูให้ผู้คนจำนวนมากขึ้น และถือเป็นแรงหนุนสำคัญสำหรับผู้ที่มีความฝันอยากมีบ้านในออสเตรเลีย”

“มันจะทำให้การมีบ้านเป็นของตัวเองเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สำหรับผู้ที่ก่อนหน้านี้ถูกกันออกจากตลาด”

ด้านสภาอสังหาริมทรัพย์แห่งออสเตรเลีย (Property Council of Australia) ระบุว่า การเร่งให้โครงการเริ่มเร็วขึ้น จะช่วยให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรกสามารถก้าวข้ามช่องว่างด้านเงินดาวน์ และเข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น
ไมค์ ซอร์บาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสภาอสังหาริมทรัพย์แห่งออสเตรเลีย กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า การออกแบบโครงการนี้จำเป็นต้องมีการทบทวนอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่กลางปี 2026 เป็นต้นไป

“เพื่อให้มั่นใจว่าตลาดที่อยู่อาศัยหลัก ๆ จะไม่ร้อนแรงเกินไป” เขากล่าว

ขณะเดียวกัน แคมเปญระดับชาติ Everybody’s Home ซึ่งรณรงค์แก้ปัญหาวิกฤตที่อยู่อาศัยของออสเตรเลีย

โดยผลักดันให้มีที่อยู่อาศัยสังคม (social housing) เพิ่มขึ้น ระบุว่า โครงการนี้เป็น “เรื่องดีสำหรับบางคน” แต่ “ไม่ใช่คำตอบของวิกฤตค่าบ้านที่ทุกคนเผชิญอยู่”

ไมอี อาซิซ โฆษกของแคมเปญกล่าวว่า

“ทางออกที่แท้จริงของวิกฤตที่อยู่อาศัยในออสเตรเลีย คือการทำให้ค่าบ้านถูกลงสำหรับทุกคน ผ่านมาตรการอย่างการปฏิรูประบบภาษี และการเพิ่มบ้านในโครงการที่อยู่อาศัยสังคม”

“ปัญหาสำคัญคือชาวออสเตรเลียจำนวนมากยังถูกกันออกจากการเป็นเจ้าของบ้าน เพราะติดอยู่ในตลาดเช่าที่ทำให้การเก็บเงินซื้อบ้านเป็นเรื่องยากมาก”

“การแก้วิกฤตที่อยู่อาศัย รัฐบาลกลางต้องลงทุนครั้งใหญ่ใน โครงการบ้านสังคม (social housing) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยเช่าราคาถูกที่รับประกันได้ว่าจะคงความสามารถในการเข้าถึงได้

ออสเตรเลียกำลังเผชิญภาวะขาดแคลนบ้านสังคมถึง 640,000 หลัง และช่องว่างนี้กำลังขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ” แถลงการณ์ระบุ

ด้านแอนดรูว์ แบร็ก โฆษกฝ่ายค้านด้านที่อยู่อาศัย วิจารณ์ว่า โครงการนี้เปิดกว้างเกินไป เพราะไม่มีการทดสอบรายได้ของผู้เข้าร่วม

เขากล่าวในรายการวิทยุ ABC เมื่อเช้าวันจันทร์ว่า

“นี่คือโครงการที่ไม่จำกัด และแม้แต่มหาเศรษฐี หรือบุตรหลานมหาเศรษฐี ก็สามารถใช้ประโยชน์จากโครงการรัฐบาลนี้ได้”

พร้อมเตือนว่าเป็นการทำให้ผู้เสียภาษี “ต้องค้ำประกันโครงการประกันสินเชื่อบ้านให้กับผู้ที่ร่ำรวยอย่างมหาศาล”

เสียงตอบรับจากชุมชนไทยต่อโครงการนี้

หลังจากรัฐบาลกลางออสเตรเลียประกาศโครงการบ้านเงินดาวน์ 5% ที่จะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ เสียงตอบรับจากผู้ซื้อบ้าน โดยเฉพาะชาวไทยในออสเตรเลีย มีทั้งความหวังและความกังวลผสมกัน

พิชญา (มาย) โสวาที ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ในเมลเบิร์น เปิดเผยกับ เอสบีเอส ไทย ว่า ความสนใจในตลาดจากลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหลังโครงการนี้ถูกประกาศ

เนื่องจากรัฐบาลยกเลิกเงื่อนไขรายได้ ทำให้ผู้ซื้อทุกระดับสามารถใช้สิทธิ์ได้ “ลูกค้ากลุ่ม First Home Buyer สนใจมากขึ้น เพราะไม่ต้องเก็บเงินนานเหมือนเมื่อก่อน แต่ในขณะเดียวกัน ลูกค้ารายได้สูงก็มีสิทธิ์เข้าร่วมด้วย ทำให้ฐานผู้เข้าร่วมกว้างกว่าเดิม”
Mye edited.jpg
พิชญา (มาย) โสวาที Senior Property Consultant คนไทยในออสเตรเลีย Credit: Supplied/Pitchaya Sowatee
ในฐานะที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ พิชญาชี้ว่าความกังวลของลูกค้าที่เป็นผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรก ที่ได้ยินบ่อยที่สุดไม่ใช่เรื่องราคาบ้านจะขึ้น แต่เป็นเรื่องความสามารถในการกู้เงินและผ่อนชำระ
หลายคนยังไม่มั่นใจในกระบวนการ และกังวลว่าธนาคารจะปล่อยกู้หรือไม่ รวมถึงรายได้จะพอสำหรับการผ่อนระยะยาวหรือเปล่า
พิชญา อธิบาย
เธอมองว่า ข้อดีของโครงการนี้คือการช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น “ปกติแล้วการเก็บเงินดาวน์ 10–20% ใช้เวลานานมาก บางคนอาจต้องเก็บถึง 10 ปี แต่การเริ่มได้เร็วขึ้นทำให้ไม่ต้องวิ่งตามราคาบ้านที่ขึ้นต่อเนื่อง”

อย่างไรก็ตาม พิชญายอมรับว่าเมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น ราคาบ้านย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย “ราคาบ้านเริ่มขยับขึ้นตั้งแต่หลังวันที่ 1 ตุลาคมแล้ว และแนวโน้มคือจะขึ้นต่อไป ยิ่งเข้าสู่ตลาดได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งได้เปรียบ”

เมื่อถามถึงแนวโน้มในเมืองใหญ่ มายบอกว่า

“ทิศทางจะคล้ายกันทั่วประเทศ แต่เมลเบิร์นจะน่าสนใจกว่า เพราะราคายังเข้าถึงได้มากกว่าซิดนีย์หรือบริสเบน นักลงทุนและผู้ซื้อบ้านหลังแรกจากรัฐอื่นก็เริ่มมองมาที่เมลเบิร์นมากขึ้น”

พิชญายังชี้ว่า คนไทยรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงาน ย้ายมาได้ PR และตั้งใจจะซื้อบ้านหลังแรกจะได้ประโยชน์มากจากมาตรการเสริมของรัฐ
  • ยกเว้นอากรแสตมป์ (Stamp Duty Exemption): หากซื้อบ้านหลังแรกที่ราคาไม่เกิน 600,000 ดอลลาร์ จะได้รับการยกเว้นอากรแสตมป์
  • เงินช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านหลังแรก (First Home Owner Grant): หากซื้อบ้านใหม่ จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 10,000 ดอลลาร์
“โครงการเงินดาวน์ 5% ถือเป็นโอกาสสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนไทยในออสเตรเลียที่อยากเริ่มต้นมีบ้าน แต่ต้องตัดสินใจเร็ว เพราะเมื่อหลายคนเข้าตลาดพร้อมกัน ราคาบ้านก็จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ” เธอกล่าวทิ้งท้าย

ประสบการณ์ตรงของ First Home Buyer

วุฒิ คนไทยในเมลเบิร์นเล่าประสบการณ์การซื้อบ้านหลังแรกว่า เขาและภัทร์วดีสามารถซื้อบ้านได้ด้วยเงินดาวน์เพียง 5% โดยใช้เวลาประมาณหนึ่งปีในการเก็บเงิน ก่อนจะตัดสินใจยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร

“ผมกับแฟนทำงานประจำทั้งคู่ เลยทำให้การขอสินเชื่อจากธนาคารค่อนข้างง่ายกว่า เพราะถ้าเป็นคนที่เก็บเงินสดหรือทำธุรกิจ ABN ธนาคารจะมีเงื่อนไขเข้มงวดกว่ามาก” วุฒิเล่า พร้อมบอกว่าบ้านที่ซื้อมีราคาประมาณ 650,000 – 700,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
Wut edited.jpg
วุฒิ ลอยลิ่วและภัทร์วดี ภิชัย สมาชิกชุมชนไทยในเมลเบิร์นที่เพิ่งซื้อบ้านและใช้สิทธิประโยชน์จากโครงการลดดอกเบี้ย 5% Credit: Supplied/Wut Loyliw/Patwadee Phichai
เขายอมรับว่าโครงการบ้านเงินดาวน์ 5% ของรัฐบาลกลางที่จะเริ่มใช้ในเดือนตุลาคมนี้ ถือเป็นแนวทางช่วยให้คนรุ่นใหม่รวมถึงคนไทยในออสเตรเลียมีโอกาสก้าวเข้าสู่ตลาดบ้านได้เร็วขึ้น

“ถ้ามีโครงการนี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ก็น่าจะช่วยให้หลายคนตัดสินใจง่ายขึ้น”

สิ่งหนึ่งที่วุฒิย้ำคือ การยกเว้น Stamp Duty หรืออากรแสตมป์ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน “มันเป็นตัวช่วยสำคัญมาก เพราะถ้าต้องจ่ายเต็ม ๆ จะเป็นเงินก้อนใหญ่ที่หลายคนไม่ไหว”

แม้ต้องแบกรับหนี้ถึง 95% ของมูลค่าบ้าน แต่วุฒิบอกว่าเขาไม่กังวลมากนัก หากรายได้และค่าผ่อนชำระสอดคล้องกัน “มันอยู่ที่การวางแผนการเงินมากกว่า ถ้าเรารู้ว่าผ่อนเดือนละเท่าไรแล้วไม่เกินกำลัง มันก็ไม่ใช่ปัญหา”

แม้จะมีโครงการช่วยเหลือด้านเงินดาวน์ แต่วุฒิยอมรับว่า การหาบ้านที่เหมาะสมกับรายได้และความต้องการยังเป็นเรื่องยาก เขาใช้เวลานานถึง 7–8 เดือน กว่าจะเจอบ้านที่ถูกใจ ทั้งในแง่ราคา ทำเล และแบบบ้าน
การเลือกบ้านขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ถ้าไม่มีแฟน อาจจะเลือกคอนโดใกล้เมืองแทน เพราะหาง่ายกว่า ตัวเลือกเยอะกว่า
วุฒิ กล่าว
ปลา (นามแฝง) พนักงานดูแลผู้สูงอายุในนครเมลเบิร์น บอกกับเอสบีเอสไทยว่า เธอรู้สึกมีความหวังมากขึ้นที่จะช่วยลูกสาวซื้อบ้านหลังแรก แม้ตัวเองอาจสายเกินไปแล้วสำหรับการเก็บเงินซื้อบ้านเป็นของตัวเอง

“ลูกสาวอยากออกไปอยู่เอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องเก็บเงินนาน แถมยังต้องจ่ายค่าเช่าไปด้วย มันหลายอย่างมาก แต่พอโครงการของรัฐบาลให้วางเงินดาวน์น้อยลง มันก็ทำให้เราอยากช่วยเขาอีกแรงหนึ่ง”

เธอยอมรับว่าโอกาสในการมีบ้านของตัวเองแทบไม่มีแล้ว แต่กลับมองว่าการช่วยลูกสาวคือสิ่งสำคัญที่สุด
เพราะเราไม่มีหวังจะมีบ้านเอง มันเหมือนคนไม่มีอนาคต ก็เลยอยากช่วยให้เขามีบ้าน เป็นหลักประกันในชีวิต
ปลา (นามแฝง) คนไทยในออสเตรเลีย

ความคิดเห็นจากนักวิชาการเศรษฐศาสตร์คนไทยในออสเตรเลีย

ดร.วันนิวัต ปันสุวงค์ จาก UniSA Business มหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลีย (University of South Australia) พูดคุยกับเอสบีเอสไทยเกี่ยวกับนโยบายนี้ว่า นโยบายนี้ถูกออกมาเพื่อบรรเทาความกดดันด้านค่าครองชีพ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านสูงขึ้นเรื่อย ๆ

“นโยบายนี้จะเปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวหรือคนที่มีรายได้น้อยเข้ามาในตลาดบ้านได้เร็วขึ้น แทนที่จะต้องเก็บเงินดาวน์นาน 10 ปี”

การเข้าสู่ตลาดเร็วขึ้น หมายถึงผู้ซื้อไม่ต้องวิ่งตามราคาบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และสามารถเปลี่ยนเงินค่าเช่ามาเป็นค่าผ่อนบ้านแทน

ข้อกังวลต่อหนี้ครัวเรือน

หนึ่งในคำถามที่สังคมกังวลคือ การกู้ 95% จะทำให้หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงจนเป็นความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจหรือไม่ ดร.วันนิวัตมองว่า ความเสี่ยงอาจไม่สูงอย่างที่กังวล

“ธนาคารยังคงปล่อยกู้เฉพาะผู้ที่มีศักยภาพทางการเงิน ดังนั้นหนี้ครัวเรือนจากโครงการนี้อาจไม่กดดันเศรษฐกิจโดยรวมมากนัก”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการแข่งขันในตลาดจะเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่แรงกดดันด้านราคา
Dr. Wan edited.jpg
ดร. วันนิวัต ปันสุวงค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์และอาจารย์ประจำ UniSA Business มหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลีย Credit: Supplied/Wanniwat Punsuwong
แม้นโยบายจะมีเป้าหมายช่วยผู้ที่ต้องการบ้านจริง ๆ แต่ก็มีช่องโหว่สำคัญ เพราะผู้มีฐานะดีก็ยังสามารถใช้สิทธิ์ได้ หากไม่ได้ถือครองบ้านมาเกิน 10 ปี

“แม้รัฐบาลจะยกเลิกโควตาและเปิดให้ทุกคนใช้สิทธิ์ได้ แต่ช่องโหว่คือ คนที่มีฐานะดีและไม่ได้ถือครองบ้านใน 10 ปีก็ยังสามารถเข้ามาใช้สิทธิ์ได้อยู่ดี นี่อาจทำให้ความเหลื่อมล้ำไม่ลดลงจริง”

ดร.วันนิวัต ระบุว่า เมื่ออุปทานบ้านไม่มากพอ แต่มีผู้เล่นใหม่ในตลาดเพิ่มขึ้น ย่อมทำให้ราคาบ้านขยับขึ้นต่อไป
ในที่สุดราคาบ้านก็หนีไม่พ้นจะสูงขึ้น เพราะอุปทานไม่ทันกับดีมานด์ ถึงแม้รัฐบาลจะพยายามเพิ่มจำนวนบ้าน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ดร. วันนิวัต ปันสุวงค์
นักเศรษฐศาสตร์อีกหลายคนก็มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันกับ ดร. วันนิวัต เช่น

เช่น โอลิเวอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัท AMP ให้สัมภาษณ์กับเอสบีเอส นิวส์ว่า โครงการนี้น่าจะได้รับความนิยม เนื่องจากผู้ซื้อบ้านโดยเฉลี่ยต้องใช้เวลาราว 11 ปี ในการเก็บเงินเพื่อวางเงินดาวน์ 20%

“โครงการนี้ถือเป็นแรงหนุนให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรกได้เปรียบเหนือผู้ซื้อบ้านทั่วไปและนักลงทุน” เขากล่าว

“คาดว่าจะมีผู้สนใจจำนวนมากเร่งเข้ามาใช้สิทธิ์ ทำให้เกิดการแข่งขันในตลาด และมีผลผลักดันให้ราคาบ้านสูงขึ้น”

เขาเตือนว่า ราคาบ้านจะ “เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” และจะทำให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรกต้องแบกรับภาระหนี้ก้อนใหญ่ขึ้น

“คุณอาจเก็บเงินดาวน์ 5% ได้ภายในไม่กี่ปี แต่คุณยังมีหนี้อีก 95% ที่ต้องผ่อน ซึ่งเป็นระดับหนี้ที่สูงมาก”

อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคน การซื้อบ้านให้เร็วขึ้นอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าทางการเงิน เพราะหากรอเก็บเงินดาวน์ 20% ตลาดอาจขยับขึ้นไปอีก จนทำให้ซื้อบ้านได้ยากกว่าเดิม

มีอะไรเปลี่ยนแปลงด้านที่อยู่อาศัยอีกบ้าง?

การเลื่อนเวลาเริ่มโครงการบ้านเงินดาวน์ 5% ให้เร็วขึ้น มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ในภาคที่อยู่อาศัย

โดยรัฐบาลจะ ชะลอการบังคับใช้กฎเกณฑ์การก่อสร้างแห่งชาติ (National Construction Code) ออกไปจนถึงปี 2029 เพื่อเร่งการสร้างบ้านให้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม มาตรฐานด้านความปลอดภัย จะยังคงมีผลบังคับใช้ โดยถูกมองว่าจะช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานของแรงงานก่อสร้าง

การชะลอกฎดังกล่าวมีขึ้นหลังการประชุม Productivity Roundtable ของรัฐบาลกลาง ซึ่งได้ข้อสรุปให้ เร่งอนุมัติด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการสร้างบ้านกว่า 26,000 หลัง

รายงานเพิ่มเติมโดย Australian Associated Press


Share

Published

Updated

By Cameron Carr, Alex Gallagher
Presented by Chayada Powell
Source: SBS

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand