จูดี นักเรียนวัย 28 ปี เล่าว่าเธอได้แต่ฝันถึงวันที่วีซ่านักเรียนของเธอจะได้รับการอนุมัติ แต่ความเป็นจริงต้องตื่นมาพบกับความจริงที่กดดัน
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เธอดีใจมากเมื่อมหาวิทยาลัย RMIT ในนครเมลเบิร์น ยืนยันการรับเข้าเรียนระดับปริญญาโท พร้อมทุนการศึกษาที่มีระยะเวลา 12 เดือน แต่หลังจากกระบวนการยื่นขอวีซ่าที่นานถึง 8 เดือน เธอเริ่มหมดหวังว่าจะได้อนุมัติวีซ่านักเรียนก่อนทุนจะหมดอายุ
“กำหนดส่งเอกสารของฉันคือ 14 ธันวาคม [2024] แต่ไม่มีใครโทรมา ไม่มีอีเมล ไม่มีความคืบหน้าเลย” จูดีเล่าจากนครเซี่ยงไฮ้
“มันแปลกมาก เพราะฉันเห็นหลายคนที่ยื่นหลังฉัน 5–6 เดือน แต่ได้วีซ่าแล้ว เลยรู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับวีซ่าของฉันกันแน่”
อ่านเพิ่มเติม

ออสเตรเลียได้ยกเลิกข้อจำกัดจำนวนนักศึกษาต่างชาติแล้ว
นักศึกษาวิศวกรรมซอฟต์แวร์จากจีนรายนี้เล่าว่า ครั้งแรกที่โทรสอบถามกรมกิจการภายในประเทศ (Home Affairs) ได้รับคำตอบว่าเธอติดต่อ “เร็วเกินไป”
ข้อมูลในระบบติดตามเวลาการพิจารณาวีซ่าของกรมฯ แสดงลำดับกระบวนการใบสมัครของเธออยู่ในสีเขียว หรือ “อยู่ในระยะเวลามาตรฐาน” โดยระบุว่า 90% ของวีซ่านักเรียน (Subclass 500) ใช้เวลาพิจารณา 7 เดือน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เธอได้รับคำแนะนำให้ “อดทนรอ” โดยไม่มีเอกสารใดต้องส่งเพิ่ม และทุกอย่าง “ดูเรียบร้อยดี”
ขณะเดียวกัน เมื่อวันจันทร์ รัฐมนตรีศึกษาธิการ เจสัน แคลร์ ประกาศว่า มหาวิทยาลัยจะสามารถรับนักศึกษาเพิ่มอีก 25,000 คนในปี 2026 ภายใต้เงื่อนไขต้องมีที่พักรองรับ และให้ความสำคัญกับนักเรียนที่มาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รัฐบาลเตรียมออกคำสั่งรัฐมนตรีฉบับใหม่ เพื่อกำหนดเงื่อนไขการอนุมัติวีซ่าและโควตารับนักศึกษาของแต่ละสถาบัน ภายใต้แผนระดับชาติ (National Planning Level) ที่จะมีจำนวนรับรวมทั้งหมด 295,000 คน

รัฐมนตรีศึกษาธิการออสเตรเลีย เจสัน แคลร์ ระบุว่า ในปี 2026 จะมีการเสนอที่นั่งเรียนให้แก่นักศึกษาต่างชาติ 295,000 คน Source: AAP / Lukas Coch
“มันทำให้รู้สึกในแง่ดีนะ แต่ก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่” เธอกล่าว พร้อมยอมรับว่ารู้สึกเหนื่อยล้ากับความคิดที่จะต้องเริ่มกระบวนการสมัครใหม่กับสถาบันหรือประเทศอื่น
เอสบีเอสนิวส์ รายงานว่า โควตาเพิ่มเติมนี้ไม่มีการจำกัดระดับคุณวุฒิ ทำให้ผู้สมัครระดับปริญญาเอกก็มีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาเช่นกัน
นักศึกษาต่างชาติลังเลใจเรื่องสมัครเรียนต่อออสเตรเลีย
ด้าน เกินหมิง จาง ผู้สมัครปริญญาเอกจากจีน วัย 26 ปี ออกมาเตือนนักศึกษาต่างชาติไม่ให้สมัครเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากความล่าช้าและปัญหาในการขอวีซ่า
โดยเขายื่นขอวีซ่าไม่นานหลังได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ (UTS) สาขาวิศวกรรมเครื่องกล เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เขาเล่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขาว่ามันแบ่งเป็นสองช่วง
“ตอนแรก ตื่นเช้ามาก็รอทุกวัน เปิดโทรศัพท์ เช็กอีเมล แต่พบว่ามันไม่มีก่ารตอบรับอยู่อย่างนั้น พอผ่านไปวันแล้ววันเล่าก็เริ่มโมโห” เขากล่าวกับเอสบีเอสนิวส์จากนครซิดนีย์

เกินหมิง จาง ระบุว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาใช้เงินไปราว 60,000 ดอลลาร์ รวมถึงค่าที่พัก ค่าเดินทาง และค่าครองชีพในซิดนีย์ Source: Supplied
“คุยกับเจ้าหน้าที่… เขาให้แค่รอ บอกว่าทำอะไรไม่ได้ ช่วยอะไรไม่ได้” เขากล่าว
เขาระบุว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้ใช้เงินไปแล้วราว 60,000 ดอลลาร์ รวมถึงค่าที่พัก ค่าเดินทาง และค่าครองชีพในนครซิดนีย์
จางเป็นสมาชิกในกลุ่ม WeChat ที่มีอยู่ 463 คน ส่วนใหญ่กำลังเผชิญสถานการณ์คล้ายกัน คือรอวีซ่าหลังได้รับจดหมายตอบรับเข้าเรียน เขาจึงออกมาเตือนผู้อื่นไม่ให้สมัครเรียนในสถาบันของออสเตรเลีย
“ผมจะบอกพวกเขาว่า กรุณาอย่าสมัครเรียนต่อที่ออสเตรเลีย” เขากล่าว
“อย่าให้ออสเตรเลียเป็นตัวเลือกแรก ควรเป็นตัวเลือกที่สาม ที่สี่ หรือที่ห้า ควรสมัครประเทศอื่นก่อน เพราะปัญหาวีซ่ามันยุ่งยาก”
อย่างไรก็ดี นิชิดฮาร์ บอร์รา ประธานสมาคมตัวแทนการศึกษาออสเตรเลียในอินเดีย มองว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลอาจช่วยดึงดูดนักศึกษาได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนในระดับโลก
เขากล่าวกับ เอสบีเอสภาษาฮินดีว่า “ตอนนี้นักศึกษาจากอินเดียหลายคนสับสนว่าจะเลือกไปเรียนประเทศไหนดี”
“เรามีข่าวออกมาจากสหรัฐฯ เรื่องผลกระทบจากทรัมป์ต่อนักศึกษาที่ถูกส่งกลับประเทศ เช่นเดียวกับแคนาดาที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายหลายอย่าง”
ขณะที่สหราชอาณาจักรก็มีเอกสารสมุดปกขาวซึ่งคาดว่าจะประกาศการเปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ นี้
เขาระบุว่า ออสเตรเลียมี “นโยบายที่ชัดเจน” แสดงให้นักศึกษาต่างชาติเห็นว่าพวกเขา “มีส่วนช่วยเศรษฐกิจและมีคุณค่า” ซึ่งถือเป็นเรื่อง “ที่ดีมาก”
รายงานนี้จัดทำร่วมกับ หยวตี้ หวง ผู้สื่อข่าว เอสบีเอส ภาษาจีนแมนดาริน และนาตาชา เคาล์ ผู้สื่อข่าว เอสบีเอส ภาษาฮินดี